Skip to main content
sharethis

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงรับการฉีดวัคซีนโควิด ระบุเหตุ 'อยู่ในกลุ่มบุคคลมีที่การเดินทางและพบปะผู้คนจำนวนมาก' ตรวจสอบไม่พบเงื่อนไขนี้ในแนวทางการให้วัคซีนฯ ระยะที่ 1 เมื่อมีวัคซีนปริมาณจำกัด พบมีเพียงกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน บุคคลที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย

23 มี.ค.2564 เฟซบุ๊กแฟนเพจ HRH Princess Sirivannavari Nariratana Rajakanya และสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ทรงรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากทรงอยู่ในกลุ่มบุคคลมีที่การเดินทางและพบปะผู้คนจำนวนมาก วัคซีน แอสต้าเซนเนก้า ป้องกันการป่วยรุนแรง ลดโอกาสรับเชื้อและแพร่เชื้อซึ่งได้รับการรับรองว่าสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 ในผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป

โดยการฉีดมี 8 ขั้นตอนตามระบบของกระทรวงสาธารณสุข เริ่มจากการลงทะเบียน,ตรวจร่างกาย ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต คัดกรองความเสี่ยง รับการฉีดวัคซีน, จัดห้องพักสังเกตอาการหลังฉีดเป็นเวลา 30 นาที มีแพทย์ประจำเฝ้าสังเกตุอาการ ทรงปลอดภัยและไม่มีพระอาการเเพ้ใดๆ

'แนวทางการให้วัคซีนโควิด 19ในสถานการณ์การระบาดปี 64 ของประเทศไทย' ของ กรมควบคุมโรค กุมภาพันธ์ 2564 หน้า 17 ที่มา https://ddc.moph.go.th/uploads/files/1729520210301021023.pdf

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบเอกสาร 'แนวทางการให้วัคซีนโควิด 19ในสถานการณ์การระบาดปี 64 ของประเทศไทย' ของ กรมควบคุมโรค กุมภาพันธ์ 2564 ในระยะที่ 1 เมื่อมีวัคซีนปริมาณจำกัดนั้น ไม่พบเงื่อนไขให้ฉีด "กลุ่มบุคคลมีที่การเดินทางและพบปะผู้คนจำนวนมาก" ในเอกสารนี้

โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้พิจารณาและมีนโยบายให้จัดลำดับกลุ่มเป้าหมายในการเข้าถึงวัคซีน ดังนี้
ระยะที่ 1 เมื่อมีวัคซีนปริมาณจำกัด มีวัตถุประสงค์: 1) ลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 และ  2) รักษาระบบสุขภาพของประเทศ  ที่มีกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน บุคคลที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย

ทั้งนี้ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยเหลือผู้ป่วย นักเทคนิคการแพทย์ เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการโควิด 19 เจ้าหน้าที่ในสถานพยาบาลที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อผู้ป่วยโควิด 19 (เช่น เวรเปล เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดหอพักผู้ป่วย เจ้าหน้าที่แผนกซักฟอกในโรงพยาบาล) เจ้าหน้าที่สอบสวน โรค เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในสถานที่กักกัน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.)/ อาสาสมัคร
สาธารณสุขแรงงานต่างด้าว (อสต.) ที่ต้องสัมผัสผู้ป่วยโควิด 19 เป็นต้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net