Skip to main content
sharethis

2 เม.ย. 2564 ศาลอาญาอนุญาตประกัน 'โตโต้' กลุ่ม We Volunteer หรือวีโว่ โดยใช้หลักทรัพย์ 45,000 บาท เนื่องจากตำรวจไม่สามารถแสดงหลักฐานมากพอว่าผู้ต้องหากระทำความผิดจริง ขณะถูกจับไม่มีท่าทีขัดขืน และไม่มีพฤติการณ์อุกอาจ

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า 2 เม.ย. 2564 เวลา 14.15 น. ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อนุญาตประกันตัวปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ นักกิจกรรมกลุ่ม We Volunteer หรือ วีโว่ โดยให้วางหลักประกัน 45,000 บาท เนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่สามารถแสดงหลักฐานมากพอว่า ผู้ต้องหากระทำความผิดจริง ขณะถูกจับกุมผู้ต้องหาอยู่กับพวกเพียง 2-3 คน และไม่มีท่าทีขัดขืน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังยึดได้เพียงเสื้อคล้ายเกราะ ทำให้ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์อุกอาจ

ทั้งนี้ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดไต่สวนคำร้องขอประกันตัวปิยรัฐ ซึ่งถูกฝากขังระหว่างสอบสวน คดีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นอั้งยี่, ซ่องโจร, ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ หลังทนายความยื่นประกันตัวครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา พร้อมขอให้ศาลไต่สวนกรณีที่พนักงานสอบสวนคัดค้านการให้ประกัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงประกอบการใช้ดุลพินิจของศาล และศาลมีคำสั่งให้ไต่สวนระหว่างวันที่ 31 มี.ค.–1 เม.ย. 2564

รายละเอียดการไต่สวน

31 มี.ค. 2564 ศาลอาญา ห้องพิจารณาที่ 701 มีพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ศาล 4 คน, ตำรวจศาล 1 คน และพนักงานรักษาความปลอดภัยอีก 1 คน มีการจำกัดไม่ให้ผู้ที่ไม่ใช่ญาติ หรือผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฟังการพิจารณา โดยมีเพียงเพื่อนของปิยรัฐ 1 คน และนักข่าว 2 คน ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องพิจารณา

11.00 น. ผู้พิพากษา 2 คน ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดี ศาลอธิบายต่อคู่ความว่า การไต่สวนในครั้งนี้เกิดขึ้นจากทนายผู้ต้องหายื่นคำร้องเข้ามาเพื่อโต้แย้งข้อเท็จจริงในการไม่ให้ประกันตัว หากไต่สวนแล้วข้อเท็จจริงออกมาเป็นอย่างไร ศาลจะพิจารณาเรื่องการประกันตัวอีกครั้ง

ศาลเริ่มไต่สวนโดยถามทนายความผู้ต้องหาว่า มีข้อโต้แย้งอะไรบ้างในวันนี้ ทนายผู้ต้องหาจึงอ้างถึงคำร้องประกอบคำร้องขอประกันตัวที่ยื่นต่อศาลเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2564 พร้อมทั้งระบุว่า เตรียมคลิปวิดีโอขณะจับกุมปิยรัฐ ใบเสร็จค่าอาหารซึ่งแสดงเวลาที่ปิยรัฐอยู่ในร้านอาหาร และภาพนิ่งจากกล้องวงจรปิดที่แสดงเวลาในเหตุการณ์จับกุมกลุ่มวีโว่ เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2564 มาแสดงต่อศาลด้วย 

ทนายผู้ต้องหาแถลงเพิ่มเติมว่า ตอนที่มีการจับกุมกลุ่มวีโว่ ปิยรัฐยังนั่งรับประทานอาหารอยู่ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดตามที่พนักงานสอบสวนระบุในคำร้องฝากขัง อีกทั้งขณะจับกุมตัวปิยรัฐ สิ่งของที่ยึดได้ถูกระบุว่าเป็นเสื้อคล้ายเกราะ ซึ่งไม่ผิดกฎหมายและมิใช่ยุทธภัณฑ์แต่อย่างใด ทนายยังขอให้ศาลเรียกเอกสารเกี่ยวกับการตรวจเสื้อที่ยึดได้มาดูว่าเสื้อคล้ายเกราะที่ว่านั้นไม่ใช่ยุทธภัณฑ์

ทนายยังกล่าวเพิ่มเติมว่าในวันดังกล่าว ปิยรัฐเพียงนัดเจอกับแพทย์ผู้ที่ต้องการสนับสนุนเรื่องการซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์เท่านั้น มิได้เข้าร่วมชุมนุม นอกจากนี้ การระบุว่ามีเอกสารสืบสวนจากตำรวจสันติบาลว่าปิยรัฐมีพฤติการณ์เป็นอั้งยี่ก็ไม่ได้ถูกส่งเข้ามาประกอบกับสำนวนในคดีแต่อย่างใด

ยิ่งไปกว่านั้น ปิยรัฐไม่เคยถูกดำเนินคดีอั้งยี่ซ่องโจรมาก่อนตามที่พนักงานสอบสวนอ้าง และคดีในข้อหาอื่นก็ยังไม่ได้ถูกสั่งฟ้องแต่อย่างใด

ศาลกล่าวถึงเรื่องดุลยพินิจในการให้ประกันตัวว่า สำหรับคดีการเมืองเหตุที่ไม่ได้ประกันตัวนั้น เรื่องหลบหนีไม่ค่อยน่ากังวล จะมีก็แต่เรื่องการไปก่อเหตุซ้ำหรือไปก่อเหตุร้าย

ศาลถามพนักงานสอบสวนว่า การพบยุทธภัณฑ์เสื้อเกราะ ยืนยันว่าเป็นเสื้อเกราะตามกฎหมายยุทธภัณฑ์หรือไม่ ตำรวจตอบว่า ยืนยัน ที่ระบุในบันทึกตรวจยึดว่าเป็นเสื้อคล้ายเกราะนั้นอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง

ภาพขณะจับกุมกลุ่มวีโว่ และปิยรัฐ จงเทพ ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้า เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2564

ภาพขณะจับกุมกลุ่มวีโว่ และปิยรัฐ จงเทพ ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้า เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2564

เวลา 11.15 น. ทนายผู้ต้องหาเปิดคลิปไลฟ์สดของปิยรัฐขณะถูกจับกุมขึ้นจอโปรเจคเตอร์ และอธิบายประกอบว่า ตามคลิปนาทีที่ 3.07 ไม่มีกองกำลังอยู่ร่วมกับปิยรัฐ มีเพียงเพื่อนรวม 4 คนเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปตามการบรรยายในคำร้องฝากขังแต่อย่างใด และในนาทีที่ 3.20-3.25 ปิยรัฐไม่มีเสื้อเกราะ แต่ที่ผู้ต้องหาใส่คือเสื้อใส่เล่นปืน BB gun ศาลถามพนักงานสอบสวนว่า เสื้อเกราะที่นำไปตรวจเป็นชิ้นเดียวกับในภาพหรือไม่ พ.ต.ท.พิภัสสร์ตอบว่าใช่ โดยเสื้อดังกล่าวถูกตีความว่าเป็นยุทธภัณฑ์

ทนายความกล่าวย้ำว่า ตามคลิปเห็นได้ว่า ปิยรัฐไม่มีสิ่งของติดตัว และแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ในการตรวจต้นตัวเป็นอย่างดี 

ทนายยังกล่าวถึง กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินมาปัดโทรศัพท์ไม่ให้ถ่ายภาพ แต่กล่าวว่าเรื่องการถ่ายทอดสดของผู้ถูกจับกุมกับตำรวจเป็นเรื่องที่ยังต้องถกเถียงกัน

11.35 น. หลังจากดูคลิปจบ พ.ต.ท. พิภัศศร์ พูนลัน พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ขึ้นเบิกความตอบคำถามทนายความผู้ต้องหา 

ทนายความถามพนักงานสอบสวนว่า ที่กล่าวหาว่าปิยรัฐฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ อยากทราบว่า ปิยรัฐมีพฤติการณ์ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตอนไหน พ.ต.ท.พิภัศศร์ ตอบว่า กลุ่มของผู้ต้องหารวมตัวกันในห้างและในที่จอดรถ โดยปิยรัฐพร้อมทั้งผู้ต้องหาบางคนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ถือเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

ทนายความถามอีกว่า ข้อกำหนดที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นการห้ามรวมตัวกระทำการที่จะมีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ แต่ปิยรัฐไม่ได้ทำอะไรที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ เพราะการเข้าไปในห้างสรรพสินค้าต้องสวมหน้ากากอนามัยและหากอุณหภูมิสูงก็จะเข้าห้างไม่ได้ การเข้าไปรับประทานอาหารของปิยรัฐจึงไม่เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ใช่หรือไม่ พนักงานสอบสวนตอบเช่นเดิมว่า การฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ของปิยรัฐ เป็นการกระทำที่ทำร่วมกับคนอื่น

พ.ต.ท.พิภัศศร์ ยอมรับกับทนายผู้ต้องหาว่า ทางการสืบสวนที่บอกว่ามีการไปซุ่มดู พบว่า ขณะนั้นปิยรัฐไปทานข้าวจริง โดยจ่ายเงินเวลา 17.52 น. ตามที่ปรากฏในใบเสร็จจริง ก่อนออกจากห้างและพบกับชุดจับกุมบริเวณลานจอดรถเวลา 18.00 น. ซึ่งขณะถูกจับกุมปิยรัฐไม่ได้สะพายกระเป๋าใดๆ ทั้งนี้ เวลาที่ระบุในกล้องวงจรปิดอาจจะคลาดเคลื่อนได้ แต่หากไม่คลาดเคลื่อน ช่วงเวลาที่กลุ่ม WeVo ถูกจับ ปิยรัฐยังทานข้าวอยู่ในห้างจริง โดยปิยรัฐถูกจับภายหลังจากกลุ่มวีโว่ถูกจับกันไปแล้ว แต่ยืนยันว่าเป็นเหตุการณ์จับกุมที่ต่อเนื่องกัน

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท. พิภัศศร์ ยอมรับว่า ในวันเกิดเหตุตนดูแลการชุมนุมอยู่ที่ศาลอาญา ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ  หลังการจับกุมก็ได้ปล่อยตัวนายแพทย์ซึ่งถูกจับไปพร้อมปิยรัฐ แต่ให้เหตุผลว่า เนื่องจากหมอต้องไปรักษาคนต่อ

ทนายผู้ต้องหาถามอีกว่า บันทึกการจับกุมอ้างว่า มีรายงานสันติบาลเกี่ยวกับปิยรัฐและกล่าวหาว่าเป็นอั้งยี่ แต่ไม่ได้แนบรายงานดังกล่าวมาในสำนวนใช่หรือไม่ พนักงานสอบสวนตอบว่า มีการสืบสวนโดยสันติบาลและรายงานให้ตนทราบ แต่ไม่ขออ้างส่งรายงานดังกล่าว 

ทนายถามว่า หากปิยรัฐเป็นหัวหน้าบุคคลที่ถูกจับเหล่านั้นจริง ทำไมคนเหล่านั้นจึงไม่เตือนให้ปิยรัฐหนีไปเพราะหากออกมาก็จะถูกจับ พนักงานสอบสวนตอบว่า ไม่เห็นว่าบุคคลเหล่านั้นจะแจ้งปิยรัฐได้ เพราะถูกจับกุมแล้ว

ทนายความถามย้ำว่า พยานบอกว่ามีการสืบสวนพฤติการณ์ของปิยรัฐมานาน ดังนั้นพยานต้องทราบใช่หรือไม่ว่า ปิยรัฐโพสต์อย่างชัดเจนว่า จะไม่เข้าร่วมชุมนุมในวันที่ 6 มี.ค. 2564 พ.ต.ท.พิภัศศร์ไม่ตอบ

ทนายความยังได้ซักถามพนักงานสอบสวนในประเด็นที่มีการกล่าวหาว่า ตรวจค้นพบวัตถุซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ว่า ในบันทึกตรวจยึดของกลางของปิยรัฐระบุแค่ว่า มีเสื้อคล้ายเกราะเพียง 1 รายการ แต่ไม่ใช่ยุทธภัณฑ์ ส่วนที่ระบุในบันทึกจับกุมว่า ตรวจยึดของกลางอื่นๆ นั้น ไม่ได้ตรวจยึดจากปิยรัฐ ใช่หรือไม่

นอกจากนี้ ภาพเสื้อคล้ายเกราะที่ระบุว่า ตรวจยึดจากปิยรัฐ ก็ไม่ถูกแนบไว้ในท้ายสำนวนนี้แต่อย่างใด พนักงานสอบสวนยืนยันว่า มีการนำวัตถุดังกล่าวไปตรวจสอบแล้วว่าเป็นยุทธภัณฑ์  ทนายจึงขอให้ศาลขอผลตรวจดังกล่าวเข้ามาในสำนวนการไต่สวน

1 เม.ย. 2564 พนักงานสอบสวนนำผลการตรวจเสื้อคล้ายเกราะมาแสดงต่อศาล พร้อมทั้งแถลงว่า เสื้อที่มีแผ่นเหล็กข้างในถูกตีความว่าเป็นเสื้อเกราะซึ่งถือเป็นยุทธภัณฑ์ ศาลกล่าวว่า พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ฯ ไม่ได้ให้นิยามว่า เสื้อเกราะจะต้องมีลักษณะอย่างไรบ้าง แต่ตามความเห็นของศาล เสื้อเกราะควรเป็นเสื้อที่กันกระสุนได้ พนักงานสอบสวนแถลงว่า จากการตรวจสอบโดยใช้ปืนยิง พบว่ายิงไม่เข้าทั้งหมด ทนายความแย้งว่า ตามผลการตรวจที่พนักงานสอบสวนอ้างส่งต่อศาลนี้ เป็นการตรวจเสื้อเกราะสีดำ สีเขียว แต่ไม่มีเสื้อสีเทาซึ่งปิยรัฐสวมในคลิปวิดีโอใช่หรือไม่ พ.ต.ท.พิภัสสร์ รับว่าใช่

ทนายความถามพนักงานสอบสวนอีกว่า การค้านประกันโดยบอกว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์ลักษณะซ้ำๆ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองนั้น ปรากฏว่า ทุกคดีที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหายังไม่เคยมีคดีใดถูกฟ้อง และไม่เคยถูกฟ้องในข้อหาเป็นอั้งยี่ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.พิภัศศร์ ตอบว่า เท่าที่ตรวจสอบยังไม่มี

ส่วนประเด็นที่มีการเอ่ยถึงรายงานของตำรวจสันติบาลที่รวบรวมข้อมูลว่า ปิยรัฐมีพฤติการณ์เป็นอั้งยี่ซ่องโจร ศาลถามว่า ปิยรัฐไม่เคยถูกดำเนินคดีอั้งยี่มาก่อนใช่หรือไม่ พนักงานสอบสวนยอมรับว่า ไม่เคยถูกดำเนินคดีมาก่อน

ศาลถามอีกว่า ในการจับกุมทำไมจึงไม่มีหมายจับ พนักงานสอบสวนตอบว่า จากการสืบสวน เชื่อว่าเป็นการเข้าจับกุมเพื่อระงับเหตุร้าย หากในวันเกิดจับกุมไม่ได้คงจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ เคยเกิดเหตุความวุ่นวายรุนแรงในการชุมนุม 28 ก.พ. 2564 ทนายถามแย้งว่า จากเหตุวันที่ 28 ก.พ. 2564 ยังไม่เคยมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับปิยรัฐแต่อย่างใดใช่หรือไม่ แสดงว่าปิยรัฐไม่เกี่ยวข้องด้วยกับเรื่องดังกล่าว 

พ.ต.ท.พิภัศศร์ตอบว่า เหตุการณ์วันที่ 28  ก.พ. 2564 ที่หน้ากรมทหารราบที่ 1 ในทางการสืบสวนของสันติบาลระบุว่า ปิยรัฐอยู่ในฐานะผู้สั่งการให้เกิดเหตุรุนแรง ทนายความแย้งอีกครั้งว่า แต่คดีดังกล่าวยังไม่มีหมายเรียกหรือหมายจับจาก สน.ดินแดง เลยใช่หรือไม่ พนักงานสอบสวนตอบว่า ไม่ทราบ

ปิยรัฐยกมือและพูดต่อพนักงานสอบสวนว่า จะขอใช้สิทธิในการดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนจากการกล่าวหาว่าตนเป็นผู้บงการให้เกิดเหตุวุ่นวายเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2564 ศาลบอกว่าใจเย็น ผู้ต้องหาจะพูดได้เมื่อศาลอนุญาต 

ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการไต่สวน ศาลได้ถามปิยรัฐว่า มีอะไรจะแถลงหรือไม่ ปิยรัฐกล่าวว่า ตนมีข้อเท็จจริงที่อยากแถลงเพียงว่า วันเกิดเหตุตนตั้งใจจะไปเล่นกีฬา จึงใส่เสื้อ BB gun ไป และได้โพสต์บอกชัดเจนในเฟซบุ๊กซึ่งมีผู้ติดตาม 1.2 แสนคนว่า จะไม่ไปชุมนุม

หลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลจึงนัดฟังคำสั่งในวันที่ 2 เม.ย. 2564 เวลา 13.30 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net