ภาคประชาสังคม กังวลผู้ลี้ภัยอาจถูกผลักดันกลับ หลัง จนท.สั่งห้ามผู้ลี้ภัยถ่ายรูป หรือให้ข้อมูลนักข่าว ชาวบ้านท่าตาฝั่ง จ.แม่ฮ่องสอน กังวลเครื่องบินรบพม่าประชิดชายแดนไทย หวั่นโดนลูกหลง ด้านรัฐบาลเงาของพม่า NUG ปฏิเสธเจรจากับกองทัพพม่า จนกว่าจะปล่อยนักโทษการเมืองทั้งหมด
29 เม.ย.64 มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน (Friends without Borders) เปิดเผยสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยงว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ุ64 มีการโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาประมาณ 7 ครั้ง โดยมีการทิ้งระเบิดบริเวณใกล้และทางเหนือของพื้นที่ค่ายผู้พลัดถิ่นภายในอิตูทา (IDPs) จังหวัดมูตรอ รัฐกะเหรี่ยง 2 ครั้ง และ 5 ครั้งบริเวณดากวิน ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
การโจมตีส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยอพยพหนีภัยสงคราม และการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินรบพม่าข้ามมาฝั่งไทย มีหลายกลุ่มที่เข้ามาเมื่อวันที่ 28 เม.ย.2564 และช่วงกลางคืนอพยพข้ามมาฝั่งไทย ราว 200-300 คน โดยเจ้าหน้าที่ไทยก็รับเข้ามา พร้อมกับให้ความช่วยเหลือ โดยชาวบ้านกล่าวขอบคุณทหารพรานไทยที่อนุญาตให้เข้ามาหลยภัย อีกทั้งยังยินยอมให้อยู่บริเวณที่มีน้ำใช้ตามที่ชาวบ้านร้องขอ
มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน ระบุเพิ่มว่า ทางผู้ลี้ภัยยังมีอาหารพอสำหรับรับประทาน แต่คาดว่าจะมีผู้ลี้ภัยเดินทางเข้ามาเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้ผู้ลี้ภัยน่าจะกระจาย ๆ อยู่ตามแนวชายแดนริมแม่น้ำสาละวิน ซึ่งก็ต้องติดตามต่อไปว่า ทางการไทยจะปฏิบัติกับผู้ลี้ภัยอย่างไร
เวลาประมาณ 12.30 น. มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก แฟนเพจ “Friends without Borders” แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ผู้ลี้ภัยอาจถูกผลักกลับ เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่ไทยสั่งห้ามไม่ให้ผู้ลี้ภัยถ่ายรูป หรือส่งภาพให้กับสำนักข่าวใดๆ สิ่งที่ผู้ลี้ภัยหวาดกลัวมากที่สุด คือการที่ทหารไทยจะผลักดันพวกเขากลับภายใน 48 ชั่วโมง หรือทันทีที่เครื่องบินเงียบเสียงไปไม่กี่ชั่วโมงเหมือนครั้งก่อน เพื่อที่จะไม่ต้องโยกย้ายพวกเขาไปยังพื้นที่ที่เตรียมไว้ หรือยินยอมให้มหาดไทยกับหน่วยงานมนุษยธรรมเข้าถึงตามที่มีการแถลงข่าวไว้
ดังนั้น เพื่อนไร้พรมแดน เรียกร้องรัฐไทยไม่ปฏิเสธการลี้ภัย และไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับแม้เสียงระเบิดและปืนกลจะสงบไปชั่วคราว การส่งกลับจะต้องเป็นการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และไม่อาจตัดสินได้จากการที่เครื่องบินรบหยุดบินไปเพียงครึ่งวันหรือหนึ่งวัน
ข้อเรียกร้องต่อมา ให้หน่วยงานความมั่นคงเปิดทางให้ความช่วยเหลือจากภาคประชาสังคมไทยได้เข้าถึงผู้ลี้ภัยที่กำลังทุกข์ยากอยู่ในขณะนี้ และยินยอมถ่ายโอนความรับผิดชอบให้กับมหาดไทยและองค์กรมนุษยธรรมที่มีประสบการณ์
การปกปิดไม่ให้เห็นภาพผู้ลี้ภัยไม่ได้ทำให้พวกเขาหายไป ผู้ลี้ภัยอยู่ที่นี่ ในขณะนี้ ขอให้ทั้งหลายช่วยกันส่งเสียงเพื่อให้รัฐไทยทำในสิ่งที่ถูกต้องสักครั้ง
ขณะที่สำนักข่าว The Reporters รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-พม่า จาก ต.บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน วันที่ 29 เม.ย. ระบุว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง นำโดย ทหาร หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 ร่วมกับ อส. และ อบต.แม่สามแลบ ตั้งจุดตรวจบริเวณหน้า อบต.แม่สามแลบ ห้ามบุคคลภาพนอก และสื่อมวลชน เข้าไปในพื้นที่ บ้านแม่สามแลบ อ.สบเม จ.แม่ฮ่องสอน ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.64 ด้านศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.แม่ฮ่องสอน ที่ให้ปิดจุดผ่อนปรนการค้านบ้านแม่สามแลบ และห้ามล่องเรือในแม่น้ำสาละวิน
ชาวบ้านกังวลเรื่องความปลอดภัย หลังเครื่องบินรบพม่าบินประชิดชายแดน
เมื่อวันที่ 28 เม.ย.64 ตามที่มีคลิปวิดีโอถ่ายโดยชาวบ้านหมู่บ้านแม่ตาฝั่ง พบเห็นมีเครื่องบินรบจากกองทัพพม่าบินประชิดชายแดนไทยเข้ามาจนชาวบ้านสามารถถ่ายวิดีโอเห็นเครื่องบินไว้ได้
ชาวบ้านบางรายกล่าวว่ารู้สึกเหมือนมีเครื่องบินบินผ่านเหนือหัวไปเลย จึงทำให้ชาวบ้านท่าตาฝั่งมีความหวาดกลัว และหนีเข้าไปอยู่ในป่า เนื่องจากหวั่นเกรงอันตราย
ดังนั้น ประชาชนจึงมีข้อทวงถามรัฐไทย ทำไมปล่อยให้เครื่องบินรบของประเทศอื่น บินใกล้ชายแดนไทยขนาดนี้
รัฐบาลเงา NUG จะเจรจากองทัพพม่าต่อเมื่อมีการปล่อยนักโทษการเมืองทั้งหมด
สำนักข่าว เรดิโอฟรีเอเชีย (Radio Free Asia - RFA) รายงานวันที่ 28 เม.ย.64 ระบุว่า รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือรัฐบาลคู่ขนานของพม่า แถลงเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 64 ปฏิเสธการเจรจากับกองทัพพม่า ซึ่งทำรัฐประหารยึดกุมอำนาจบริหารประเทศจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อ 1 ก.พ.64 จนกว่าจะปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมด มากกว่า 3,000 ราย
เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สมัยพิเศษ ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย บรรลุฉันทามติ 5 ข้อต่อการคลี่คลายวิกฤตเมียนมา โดยการจัดเวทีเจรจาระหว่างฝ่ายพรรคการเมืองพลเรือน และกองทัพพม่า และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดใช้ความรุนแรง และใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด
หลังการประชุมฯ สมาชิกรัฐมนตรีของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 16 เม.ย.64 ระบุว่า พวกเขาจะไม่เข้าร่วมการเจรจาจนกว่าจะมีการปล่อยตัวผู้นำทางการเมือง จากพรรคสันนิตบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) อย่างประธานาธิบดี วินมยิ้ด และที่ปรึกษา อองซานซูจี นอกจากนี้ สมาชิกรัฐบาล NUG ยังเรียกร้องให้สมาชิกอาเซียนและชาติอื่น ๆ ยอมรับรัฐบาล NUG เป็นรัฐบาลที่มีความชอบธรรมของเมียนมา
“เพื่อให้การเจรจามีความหมาย มันชัดเจนว่า หนทางเดียวที่เป็นไปได้คือผู้นำของเราได้รับการปล่อยตัว” จ่อโมทุน ผู้แทนถาวรองค์กรสหประชาชาติจากเมียนมา ให้สัมภาษณ์ RFA
“พวกเราเชื่อว่า ถ้าใดก็ตามมีการปล่อยตัวผู้นำทางการเมือง การเจรจาจะมีความยุติธรรมและความหมาย” จ่อโมทุน กล่าวเพิ่ม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งกองทัพพม่าทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน มีการจับกุมผู้นำพรรครัฐบาล ขณะที่บางรายต้องหลบหนีการจับกุม ซึ่งนักการเมืองพลเรือนที่เหลือของ NLD มาร่วมกันก่อตั้ง NUG
ผู้นำทางการเมืองและนักวิเคราะห์การเมืองเมียนมา วิเคราะห์ว่า ท่าทีของอาเซียนไม่ยุติธรรมกับฝั่งสนับสนุนประชาธิปไตย และถือเป็นการช่วยเหลือกองทัพพม่าให้อยู่ในอำนาจได้นานขึ้น
สมาชิก NUG ยังระบุว่า การปล่อยตัวนักโทษการเมืองมากกว่า 3,400 คน ที่ถูกควบคุมตัวโดยกองทัพพม่าต่างหาก คือเงื่อนไขการแก้ไขวิกฤตเมียนมาที่ถูกที่ควร
อนึ่ง รายงานจากสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า หรือ AAPP ระบุตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายชุมนุมของกองกำลังความมั่นคงเมียนมาตั้งแต่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา จนถึง 28 เม.ย. 2564 มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 756 ราย มีประชาชนถูกกองทัพพม่าควบคุมตัวในข้อหาทางการเมือง 4,501 ราย มีประชาชนถูกควบคุมตัว/ตัดสินจำคุก 3,449 ราย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)