'อภิวัฒน์ ขันทอง' ทนายความของ 'ประยุทธ์' แจ้งความเอาผิด 'เลขาพรรค-แอดมินเพจก้าวไกล' หลังโพสต์ภาพ 'ประยุทธ์' คู่ 'ธรรมนัส' ฐานหมิ่นประมาท-พ.ร.บ.คอมฯ

อภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมายัง สน.นางเลิ้ง เพื่อแจ้งความเอาผิด แอดมินเพจก้าวไกล และนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 

สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2564 ว่านายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมายัง สน.นางเลิ้ง  เพื่อแจ้งความเอาผิด แอดมินเพจก้าวไกล และนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล  ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์  มาตรา 14  ฐานการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตาม  จากกรณีการโพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ คู่กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  และมีข้อความที่เป็นการหมิ่นประมาท  จึงได้แจ้งความดำเนินคดีเพื่อเอาผิดตามข้อมูลที่ตรวจพบ

ทั้งนี้ในส่วนของการโพสต์โจมตีนายกรัฐมนตรีประเด็นอื่น  ทั้งการบริหารจัดการโควิด-19 และวัคซีนโควิด มีการตรวจสอบและดำเนินคดีไปบางส่วนแล้ว โดยเฉพาะคนที่บิดเบือนข้อเท็จจริงการนำเข้าวัคซีนโควิด  ที่กล่าวหาว่าไม่ให้เอกชนนำเข้าก็ดำเนินคดีไปแล้ว พร้อมกันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบบัญชีเฟสบุคที่เข้ามาคอมเม้นต์ในลักษณะหมิ่นสถาบัน ในเพจเฟสบุ๊คของนายกรัฐมนตรีด้วย หากตรวจพบว่าทำผิดก็จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีด้วย

ส่วนกรณีที่แจ้งความนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เรื่องการกล่าวหาเกี่ยวกับการผลิตวัคซีนของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด นั้นทราบว่าขณะนี้นายธนาธรขอเพิ่มพยานในชั้นสอบสวน ต้องติดตามว่าพนักงานสอบสวนอนุญาตให้เพิ่มหรือไม่

กรณีการให้สัมภาษณ์ของนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เห็นว่าเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมากกว่าไม่ใช่การหมิ่นประมาท จึงไม่ได้แจ้งความเอาผิดนายธีรัจชัยแต่อย่างใด ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการหรือกำชับอะไรเป็นพิเศษ เพราะเป็นหน้าที่ของทนายที่ได้รับมอบหมาย

เฟสบุ๊คประยุทธ์ปิดไม่ให้แสดงความเห็น

The Reporters รายงานว่า เฟสบุ๊ค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ปิดไม่อนุญาตให้เข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยมีการปิดตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังโพสต์ข้อความสื่อสารบนเฟซบุ๊กกับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบถึงความคืบหน้าในการบริหารราชการ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 และเปิดให้แชร์โพสต์ได้ตามปกติ ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลมีเดียว่านายกฯ ไม่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และถามหาเหตุผลในการปิดกั้นการเข้ามาแสดงความคิดเห็นดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายกฯ มีความกังวล เรื่องการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ที่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน และมองรัฐบาลในแง่ลบในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และฝ่ายกฎหมายของนายกฯ ติดตามข่าวเท็จ และข่าวปลอม (เฟกนิวส์) ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อการบริหารประเทศ เพื่อดำเนินคดีต่อไป