3 เยาวชนปลดแอกตานี รับทราบข้อหา 'คาร์ม็อบปัตตานี' ยันสู้ต่อ หนุนเสริมส่วนกลาง ไล่ประยุทธ์ออกไป

3 เยาวชนปลดแอกตานี เข้าพบตำรวจรับทราบข้อหา 'คาร์ม็อบปัตตานี' ยันสู้ต่อ หนุนเสริมส่วนกลาง ไล่ประยุทธ์ออกไป  โดยทั้ง 3 ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทั้งร่วมกันจัดกิจกรรมหรือชุมนุมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค 

30 ส.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ส.ค.2564) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สภ.เมืองปัตตานี อารีฟีน โสะ อายุ 28 ปี ซูกิฟฟรี ลาเตะ อายุ 25 ปี และ ซูฮัยมี ลือแบซา อายุ 22 ปี จากกลุ่มปลดแอกตานี เดินทางพร้อมทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เพื่อรับฟังข้อกล่าวหาคดี "คาร์ม็อบปัตตานี" โดยมี พ.ต.ท.กรกฤษ เกาะยอ เป็นผู้กล่าวหา

ณรงค์​ อาแว​ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการนัดสอบคำให้การ ทุกคนจะโดนไปคนละ 2 คดี (คดีที่จัดคาร์ม็อบเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 1 คดี และคดีที่จัดคาร์ม็อบเมื่อวันที่ 14 ส.ค. อีก 1 คดี รวมเป็น 2 คดี) ซึ่งทางพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเหมือนกันทั้งหมด 2 ข้อ (1) ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมมากกว่า 5 ฅน (2) ร่วมกันชุมนุม หรือ การจัดกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่โรคระบาดในพื้นที่ที่มีประกาศ หรือ คำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด แต่ผู้ต้องหาทั้ง 3 ฅน ก็ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ซูฮัยมี ลือแบซา หนึ่งในผู้ร่วมจัดคาร์ม็อบปัตตานี กล่าวว่า การโดนคดีในครั้งนี้มันคือกลไกหนึ่งที่เขาต้องการจะสกัดกั้นพวกเรา และต้องการจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกในทางการเมือง ซึ่งส่วนตัวคิดว่า การยัดคดี หรือ ดำเนินคดีในทางกฎหมายไม่อาจจะหยุดยั้งกระแสการเปลี่ยนแปลง หรือ กระแสการลุกขึ้นสู้ของประชาชนได้ ถึงเราจะโดนคดีเพิ่มอีกกี่คดีพวกเราก็ยังยืนยันที่จะสู้ต่อไป

"การต่อสู้ในยุคนี้ คือ การต่อสู้ทางความคิด และแน่นอนมันต้องใช้เวลาต่อสู้ที่ยาวนาน ถ้าสังเกตความคิดของคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะออกจากมหาวิทยาลัย หรือ คนรุ่นใหม่ที่กำลังจะเข้ามาในมหาวิทยาลัย มุมมองทางการเมืองของพวกเขากว้างขึ้น และพวกเขายังมองเห็นตัวละครทางการเมืองที่ชัดมากขึ้น พวกเขารู้ด้วยซ้ำว่าฝ่ายไหนทำเพื่อประชาชน และฝ่ายไหนเอาเปรียบประชาชน" ซูฮัยมี กล่าว

"อีกหนึ่งผู้ร่วมจัดคาร์ม็อบปัตตานีที่ก่อนหน้านี้ถูกกล่าวหาในคดีคาร์ม็อบยะลาไปแล้ว 1 คดี เปิดเผยว่า "รอบนี้ตนโดน 2 คดี รวมกับคดีคาร์ม็อบยะลาเป็น 3 คดี ก็ยังรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวกับสิ่งที่เขายื่นให้มา ยุคนี้โดนคดีไล่ประยุทธ์เท่ห์จะตาย" อารีฟี​น โสะ กล่าวติดตลก

อารีฟิน กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าเจตนารมณ์การยัดคดีของเจ้าหน้าที่จะเป็นจงใจสะกัดกั้นม็อบหรือไม่ก็ตาม พวกเราก็ยืนยันที่จะเดินหน้าต่อ พร้อมที่จะขับเคลื่อนร่วมกันกับมิตรสหายทั่วประเทศ เพื่อเป้าหมายเดียวกันของพวกเรา คือ ไล่ประยุทธ์ออกไป

อารีฟิน กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า แม้ว่าอย่างมากสุดสำหรับการเคลื่อนไหวในต่างจังหวัดหากมองผิวเผิน คือ การแสดงเชิงสัญลักษณ์ หรือ การสร้างบรรยากาศเพื่อสนับสนุนเพื่อนจากส่วนกลาง แต่อย่าลืมว่าภารกิจหนึ่งที่เรากำลังสร้าง คือ แนวร่วมทางการเมือง ปลุกให้ทุกคนมีส่วนร่วมทางการเมือง มีส่วนร่วมในการตั้งคำถามกับสังคมในพื้นที่ภูมิภาคของตนเอง เป็นต้น

นอกจาก 3 รายจากปัตตานีแล้ว กิจกรรมคาร์ม็อบเพื่อไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งนายกฯ นั้น มีผู้ร่วมกิจกรรมในพื้นที่ชายแดนใต้ถูกดำเนินคดีแล้ว คาร์ม็อบยะลา มีผู้ถูกดำเนินคดี 12 ราย ส่วนที่นราธิวาส ถูกดำเนินคดี 4 ราย และถูกตั้งนั้นรวม 5 ข้อ ประกอบด้วย (1) ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมมากกว่า 5 คน (2) ร่วมกันชุมนุม หรือ การจัดกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่โรคระบาดในพื้นที่ที่มีประกาศ หรือ คำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (3) ส่งเสียง หรือ ทำให้เกิดเสียง หรือ กระทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันควร (4) ขับรถในลักษณะขีดขวางทางจราจร (5) หยุดรถในช่องทางเดินรถและในลักษณะกีดขวางทางจราจร นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมกิจกรรมที่ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามถึงบ้านหลังร่วม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท