Skip to main content
sharethis

แอดมินเพจเฟซบุ๊คผู้ไม่ได้มีบทบาททางกิจกรรมการเมือง ถูกชายสองคนอ้างว่าเป็นตำรวจ ขี่มอเตอร์ไซค์ปาดหน้า ยัดเยียดให้ โทร. หา “ผู้กองเดชา” ก่อนจะถูกแทะโลมด้วยวาจา เพื่อนนักกิจกรรมที่เข้ามาช่วยเหลือก็ตกเป็นเป้าหมายและถูกข่มขู่ว่าสามารถตามหาตัวได้ ล่าสุดกำลังรวบรวมหลักฐานดำเนินการทางกฎหมาย

กระดาษและหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้กองเดชา

17 ก.พ. 2565 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (14 ก.พ.) ประชาไทได้รับรายงานการถูกกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน. บางมดคุกคามและลวนลามทางโทรศัพท์ เมื่อได้สอบถามข้อมูลจากเรย์ (นามสมมติ) แอดมินเพจเฟซบุ๊คอายุ 18 ปี เหยื่อในเหตุการณ์คนแรก เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างเธอกำลังเดินกลับที่พักที่อยู่ในย่านพระราม 2 เมื่อเวลาราว 21.00 น. ของวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 ก.พ.) เมื่อเลยปากซอยไปก็พบว่ามีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งและผู้ขับขี่ทั้งสิ้นสองคนจอดขวางหน้า  

“เรานึกว่าเขาจอดทำธุระ ก็เลยเดินอ้อมไป พอเดินไปถึงกลางซอยที่ไม่มีคนแล้วเขาก็มาจอดดักหน้าอีก แล้วเราก็เดินถอยหลังเขาก็หันมาเรียกเรา เหมือนจะยื่นกระดาษอะไรสักอย่างให้ แต่เราไม่ได้เดินเข้าไปรับ พยายามเดินกลับมาทางเดิม เขาก็ตะโกนเรียกเรา พูดประมาณว่าไม่ได้จะทำอะไร ไม่ได้เป็นโจร เป็นตำรวจ จะกลัวอะไรแค่กระดาษแผ่นเดียว”

เรย์พยายามเดินหนีจนไปเจอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ที่ลานจอดรถใกล้เคียงจึงได้ขอความช่วยเหลือ ชายสองนั้นจึงขี่ไปยื่นกระดาษให้กับ รปภ. รายนั้นเพื่อให้มอบกระดาษให้กับเธอแทน พร้อมสำทับให้รีบติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ในกระดาษก่อนจะขี่จักรยานยนตร์จากไป เมื่อเปิดกระดาษก็พบว่ามีหมายเลขโทรศัพท์พร้อมชื่อ “ผู้กองเดชา” อยู่ด้านล่าง

เรย์เล่าว่า เธอไม่มีประวัติเข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมือง มีเพียงเคยไปนั่งเล่นกับเพื่อนในที่ชุมนุมกับชาวบ้านเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาเท่านั้น ในทางส่วนตัวก็ไม่เคยมีความขัดแย้งกับตำรวจ นอกเสียจากเคยเป็นล่ามให้หัวหน้าที่เป็นชาวต่างชาติในคดีเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า แม้ครั้งนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจขอไลน์เป็นการส่วนตัวและมีการทักมาแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร

เมื่อให้เพื่อนลองโทรศัพท์ไปหาตามหมายเลขโทรศัพท์ข้างต้น ชายผู้อ้างว่าเป็นผู้กองเดชาได้พูดในลักษณะมึนเมาว่าเรย์มีเสน่ห์ ไม่น่าจะเดินกลับบ้าน น่าจะนั่งรถเบนซ์ พร้อมบอกว่าตนมีเงินในบัญชีอยู่ 2 ล้านบาท เมื่อเธอติดต่อไปสอบถามเองก็พบว่าสนทนาไม่รู้เรื่อง จึงบล็อคเบอร์ไป

“ตอนนั้นแพนิคจริงๆค่ะ พอกลับห้องแล้วก็ยังกลัวอยู่ กลัวว่าเขาจะทำร้ายเพราะเราไม่เล่นด้วย เพราะที่ๆเขาเจอเราใกล้ที่พักเราด้วย หนูไม่คิดว่ามันมีอะไรแบบนี้ด้วย”

“คนที่เอาเบอร์มาให้ก็บอกว่าผมแค่ทำตามคำสั่ง” เรย์เล่า

เรย์จึงขอความช่วยเหลือไปยังบี (นามสมมติ) เพื่อนที่เป็นนักกิจกรรม ผู้ถูกตำรวจตามเป็นระยะๆ จากการเริ่มทำกิจกรรมทางการเมืองนับตั้งแต่ปี 2563 เมื่อบีติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว คนที่อ้างว่าเป็นผู้กองเดชาที่บอกเธอว่าเขาอยู่ที่ สน. บางมด ได้หันไปลวนลามบีในทางวาจาแทน เมื่อพยายามปฏิเสธ กลับถูกข่มขู่ว่าเขาสามารถหาที่อยู่ของเธอได้ ด้วยความกลัวจึงวางสายไป และไปขอความช่วยเหลือกับเพื่อนนักกิจกรรมคนอื่นๆ 

“หนูไปถามว่าทำไมทำกับเพื่อนหนูแบบนี้ เขาบอกเขาจะยัดเงินให้หนูด้วย หนูก็ไม่เอา มันชดใช้กันไม่ได้ คุยกัน 10 นาทีจากนั้นก็วาง จนเมื่อวาน (13 ก.พ.) เขาโทรมาหาทั้งวันเลย จนสี่ทุ่มหนูประชุมเสร็จก็กลับบ้าน เบอร์ไม่ได้เม็มไว้ ก็เลยโทร. ไปถามว่าใคร เขาก็บอกว่าผู้กองเดชา เขาก็เลยเล่าว่าเขาชอบหนูมากๆ ถูกชะตา ที่บ้านมีเงินใช้มั้ย ต้องการเงินมั้ย”

ประชาไทติดต่อไปยัง สน.บางมดเพื่อตรวจสอบ สตท.สาธิต สงทิพย์ ผบ.หมู่ สน.บางมด ให้ข้อมูลว่าไม่มีตำรวจชื่อดังกล่าว เมื่อลองติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของ “ผู้กองเดชา” อย่างต่อเนื่องและหลายครั้งเป็นเวลาสองวัน กลับไม่มีการรับสายแต่อย่างใด

บีได้ปรึกษากับทนายความเพื่อรวบรวมหลักฐานและดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

ปัญหาเรื่องอำนาจเป็นใหญ่

พิมพ์ชนก ใจหงษ์ เป็นนักกิจกรรมอีกคนที่ได้โทรศัพท์หาผู้กองเดชา หลังจากได้รับคำขอความช่วยเหลือจากบี เธอได้รับข้อมูลจากปลายสายว่าเขาอยู่ที่ สน.โคกคราม แถมยังถูกชวนไปกินข้าวที่บ้านของเขาด้วย 

เมื่อประชาไทลองสอบถาม สน.โคกคราม กลับพบว่าไม่มีตำรวจชื่อดังกล่าว นอกจากนั้นยังได้ติดต่อไปยังสถานีตำรวจที่ชื่อใกล้เคียงกันอย่าง สภ.โคกขาม จ.สมุทรสาคร ก็ไม่พบว่ามีตำรวจชื่อดังกล่าวเช่นกัน ในวันที่เผยแพร่ข่าวยังไม่ทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นใครและมีอาชีพเป็นตำรวจจริงหรือไม่

พิมพ์ชนกมองว่า การคุกคามในลักษณะนี้มีมาในสังคมไทยนานแล้ว และอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

“เราอยากให้กฎหมายมันแข็งกว่าเดิม เพื่อจะได้ทำยังไงกับบุคคลอันตรายอย่างนี้ เพราะไม่อย่างนั้น การใช้อำนาจเป็นใหญ่ มันไม่ใช่แค่กดกันทางการเมือง แต่ในเรื่องนี้ก็เป็นการแสดงออกว่า มันสามารถนำอำนาจ ความเป็นใหญ่มาใช้ได้ในทุกๆ เรื่อง แม้แต่เรื่องความรักใคร่ แล้วมันก็เป็นความน่ากลัว เราไม่รู้ว่ามันมีขีดจำกัดในเรื่องนี้แค่ไหน อย่างอยู่ดีๆ มาถึงมาโยนเบอร์ ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวแล้ว”

“แล้วถ้าวันนี้เราไม่ได้บอกว่าเราชอบคุณกลับ หรือเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณทำ เราไม่รู้ว่าความแรงของเรื่องนี้จะแรงแค่ไหน” พิมพ์ชนกผู้ถูกตำรวจจริงๆ คุกคามและติดตามเป็นระยะจากการทำกิจกรรมทางการเมืองกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net