โฆษกรัฐบาลยืนยันรักษาโควิด-19 ใช้สิทธิ UCEP ตาม 'อนุทิน' แจ้ง-สปสช.ขอจิตอาสารับสาย 1330 เพิ่ม

โฆษกรัฐบาล เผยพรุ่งนี้ (23 ก.พ.) ศบค.ชุดใหญ่ เตรียม พิจารณามาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าประเทศและแผนการฉีดวัคซีน ยืนยันตาม 'อนุทิน' เรื่องสิทธิการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 สีเขียวเข้า UCEP สีแดงเข้ารักษาฉุกเฉินทุกที่ ด้าน สปสช. ขอ 'จิตอาสา' เป็นกำลังเสริมคอลเซ็นเตอร์ด่วน หลังวานนี้ (21 ก.พ.) สายด่วน 1330 มีคนโทรเข้าสูงสุดทะลุ 49,000 สาย พร้อมแนะประชาชนลงทะเบียนเข้าระบบ Home Isolation ผ่านไลน์ @nhso หรือ สแกน QR code เพื่อลงทะเบียนด้วยตัวเอง เพื่อเลี่ยงปัญหาโทรเข้าสายด่วน 1330 ไม่ติด

22 ก.พ. 2565 วันนี้ (22 ก.พ. 2565) เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จะเป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ผ่านระบบ Video Conference ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ในวันพรุ่งนี้ (23 ก.พ. 2565) โดยที่ประชุม ศบค. จะพิจารณาการปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร และแผนการให้บริการวัคซีน โดยจะเน้นเรื่องความปลอดภัยของคนไทยเป็นสำคัญ รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วย หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขยกระดับการเตือนภัยโควิด-19 เป็นระดับ 4 ทั่วประเทศ โดยขอความร่วมมือประชาชนงดเข้าสถานที่เสี่ยง เลี่ยงการรวมกลุ่ม ชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด ดังนั้นหากมีความเสี่ยงขอให้กักตัวเอง โดยมาตรการในการควบคุมโรคยังมีความสำคัญ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังยีนยันถึงแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19  ประชาชนสามารถใช้สิทธิ์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง สิทธิประกันสังคม และสิทธิ์สวัสดิการข้าราชการ  อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยโควิด-19 มีอาการปอดบวม มีไข้สูง อยู่ในเกณฑ์สีแดงหรือภาวะการเข้าข่าย ฉุกเฉิน ก็ยังสามารถเข้ารักษา ยังหน่วยบริการนอกระบบตามหลักเดิมของ UCEP ที่มีอยู่เดิมได้ แต่หากไม่มีอาการก็เข้ารักษาในสถานพยาบาลตามสิทธิ์ ทั้งนี้ สิทธิการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือ UCEP คือ สิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐ เพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ให้สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งที่ใกล้ที่สุดได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย จนพ้นวิกฤตและสามารถคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมง สำหรับประกาศยกเลิกการกำหนดให้ผู้ "ติดโควิด" เป็น "ผู้ป่วยฉุกเฉิน" หรือ UCEP แล้วให้ไปใช้สิทธิตามหลักประกันสุขภาพของแต่ละบุคคล จะเริ่มในวันที่ 1 มี.ค. นี้

อย่างไรก็ตาม กรุงเทพธุรกิจและแนวหน้า รายงานเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้เลื่อนประกาศใช้ดังกล่าวออกไป เพื่อให้ประชาชนได้ทำความเข้าใจกับการใช้บริการด้านสุขภาพของตัวเอง และเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่อาจจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นด้วย ดังนั้น จึงขอให้ยึดหลักเจ็บป่วยวิกฤตฉุกเฉินรักษาฟรีทุกที่ หรือ UCEP ตามเดิม แต่ยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมว่าจะเลื่อนออกไปจนถึงเมื่อไร

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

สปสช. ขอกำลังเสริมสายด่วน 1330 ช่วยผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้าระบบการรักษาที่บ้าน

ขณะเดียวกัน วันนี้ (22 ก.พ. 2565) ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้มีผู้ติดเชื้อโทรเข้ามาที่สายด่วน 1330 เพื่อประสานเข้าระบบการดูแลรักษาที่บ้านหรือ Home Isolation หรือขอความช่วยเหลืออื่นๆ รวมประมาณวันละ 20,000 สาย วานนี้ (21 ก.พ.65) มีคนโทรเข้าสูงสุด 49,005 สาย ทำให้เกิดปัญหาโทรติดแล้วไม่มีเจ้าหน้าที่รับสาย (Abandon Call) เนื่องจากมีผู้โทรเข้าเบอร์ 1330 จำนวนมากในช่วงเวลาเดียวกัน

ทพ.อรรถพร กล่าวต่อไปว่า สปสช. ได้แก้ปัญหาในหลายๆ รูปแบบ เช่น การเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ Call Center อีก 70 ที่นั่ง การประชาสัมพันธ์ให้ผู้ติดเชื้อลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ Home Isolation ด้วยตัวเองทางเว็บไซต์ สปสช. https://crmsup.nhso.go.th/#TicketHI หรือผ่านไลน์ออฟฟิเชียล @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6

อย่างไรก็ดี เพื่อให้การดูแลผู้ติดเชื้อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ให้ทุกคนได้รับการดูแลโดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง สปสช. จึงขอเชิญชวนหน่วยงานต่างๆ ที่มีบริการ Call Center เข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานของ 1330 ในการรับสายจากประชาชนและประสานเข้าสู่ระบบการดูแลแบบ Home Isolation อีกทางหนึ่ง รวมถึงรับสมัครจิตอาสาช่วยตอบคำถามผ่านไลน์ สปสช. โดย สปสช.จะทำการอบรมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานและจิตอาสาที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการทำงาน เพื่อให้ทราบถึงแนวปฏิบัติและช่องทางการส่งต่อข้อมูลและการประสานหน่วยบริการต่างๆ

"จุดเด่นของคนไทยอย่างหนึ่งคือเมื่อใดที่เกิดวิกฤติอะไรก็ตาม คนไทยเรารวมพลังช่วยเหลือกันและกันอยู่เสมอ ที่ผ่านมาเราสามารถฝ่าวิกฤติการระบาดของโควิด-19 มาได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐ หน่วยงานเอกชนและจิตอาสากลุ่มต่างๆ และ ตอนนี้เป็นอีกครั้งที่เราอยากขอรับการสนับสนุน Call Center จากท่าน หากว่าหน่วยงานใดที่มีศักยพภาพเพียงพอ และประสงค์จะช่วยเหลือประชาชน ขอเชิญชวนท่านติดต่อเข้ามาที่ สปสช. ได้ทันที" ทพ.อรรถพร กล่าว

ทพ.อรรถพร กล่าวอีกว่า ในระยะนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการโทรเข้าสายด่วน 1330 แล้วโทรไม่ติดหรือไม่มีคนรับสาย ขอเชิญชวนให้ใช้ช่องทางอื่นอีก 2 ช่องทาง คือ 1. ไลน์ออฟฟิเชียล @nhso โดยสามารถ  Add friend ที่ @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 ในนั้นจะมีเมนูเกี่ยวกับโควิด-19 ให้เข้าไปกรอกข้อมูลเพื่อรับการดูแลแบบ Home Isolation ได้เช่นกัน หรือหากกรอกข้อมูลไม่เป็น ก็สามารถพิมพ์สอบถามแอดมินได้ระหว่างเวลา 08.00-20.00 น.

และช่องทางที่ 2. ลงทะเบียนด้วยตัวเองด้วยการสแกน QR code ที่อยู่บนเว็บไซต์ สปสช. หรือที่ลิงก์ https://crmsup.nhso.go.th/#TicketHI จะมีแบบฟอร์มให้กรอกชื่อ เบอร์โทร ที่อยู่ปัจจุบัน โรคประจำตัว น้ำหนัก ส่วนสูง เมื่อบันทึกข้อมูลแล้ว 15-20 นาที ก็สามารถตรวจสอบได้เลยว่าจะมีหน่วยบริการไหนมาเป็นเจ้าภาพรับดูแลทำ Home Isolation ให้

"อยากแนะนำให้ลงทะเบียนด้วยตัวเองด้วยการสแกน QR code ก่อน หรือถ้าหา QR code ไม่เจอ ก็เข้าไป @nhso เพื่อกรอกข้อมูล ทั้ง 2 ช่องทางนี้ข้อมูลจะถูกส่งเข้าระบบเช่นกันและมีข้อดีคือไม่ต้องใช้เวลารอนานเหมือนการโทรเข้า 1330 แต่ถ้าหากไม่ถนัดเรื่องเทคโนโลยีก็สามารถโทรเข้า 1330 ได้ตามปกติ และถ้าโทรไม่ติดหรือไม่มีคนรับก็อย่ากังวล เราจะมีเจ้าหน้าที่โทรกลับไปหาท่าน เพียงแต่อาจจะต้องรอสักพักหนึ่ง" ทพ.อรรถพร กล่าว 

ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ วันนี้ (22 ก.พ. 2565) รวม 18,363 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 18,236 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 127 ราย ผู้ป่วยสะสม 526,126 ราย (ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565) หายป่วยกลับบ้าน 15,651 ราย หายป่วยสะสม 389,302 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 169,074 ราย เสียชีวิต 35 ราย ล่าสุดการให้บริการวัคซีน โควิด-19 สะสมอยู่ที่ 121,989,737 โดส เข็มที่ 1 ฉีดสะสม 53,180,882 โดส เข็มที่ 2 ฉีดสะสม 49,497,055 โดส เข็มที่ 3 ฉีดสะสม 17,806,551 โดส เข็มที่ 4 ฉีดสะสม 1,505,249 โดส อย่างไรก็ตาม ทั่วโลกฉีดวัคซีนแล้ว 10,558 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 29.1 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 550 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 215 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท