'เสรีรวมไทย' ร้องกกต.สอบ 7 พรรคเล็กรับกล้วย - เอาผิดพรรคใหญ่เข้าข่ายยุบพรรคได้

'พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์-นภาพร-สมชัย' ยื่นกกต.สอบ 7 พรรคเล็กรับกล้วย มั่นใจหลักฐานคลิปเสียงชัด เอาผิดพรรคใหญ่เข้าข่ายยุบพรรคได้ แถมหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับ 1แสน -5 แสนบาท ชี้สภาพกกต.ที่เป็นอยู่ปัจจุบันสามารถดำเนินการได้เสร็จภายใน 1 เดือน

8 ส.ค.2565 เฟซบุ๊กแฟนเพจพรรคเสรีรวมไทย รายงานว่าา ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ถ.แจ้งวัฒนะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย นภาพร เพ็ชร์จินดา รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรค (อดีต กกต.) ยื่นเอกสาร ขอให้มีการไต่สวนพรรคการเมือง ที่มีการกระทำที่เป็นความผิดตาม มาตรา 28 และ มาตรา 29 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 กรณีพรรคใหญ่ครอบงำพรรคเล็กด้วยการจ่ายเงินเดือน 

สำนักข่าวไทย รายงานเพิ่มเติมกรณีนี้ด้วยว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า บรรดาพรรคเล็กที่ชอบกินกล้วยต้องหันไปซบพรรคใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่คือพรรคพลังประชารัฐ และปล่อยให้พรรคพลังประชารัฐเข้าครอบงำโดยไปรับเงินรายเดือนจากเขา เช่น พรรคพลังไทยรักไทย พรรคประชาธรรมไทย พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคครูเพื่อประชาชน พรรคพลังชาติไทยที่ไปพบปะกันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ และมีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นผู้จ่ายเงิน แม้แกนนำพรรคการเมืองขนาดเล็กจะอ้างว่าเงินที่ได้รับเป็นเงินกู้ ก็ไม่น่าเชื่อถือ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เรามีคลิปเสียงหัวหน้าพรรค 7 พรรคที่พูดสารภาพว่ารับเงินจริง เป็นหลักฐานยืนยันชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นกระทำผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคเมือง คนที่ยินยอมให้เขาครอบงำควบคุมพรรคมีความผิดตามมาตรา 28 มีโทษถึงยุบพรรค ส่วนพรรคพลังประชารัฐที่เข้าไปครอบงำเขาจะมีโทษหนักกว่า โดยหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับ 1แสน -5 แสนบาท

“ในอดีตพรรคไทยรักไทยเคยเข้าไปครอบงำจ้างพรรคเล็กไม่ให้ลง ก็ถูกตัดสิทธิไป อันนี้ถ้าว่ากันตรง ๆ ตามพยานหลักฐาน ไม่เอาพลังอำนาจจากไหนมาบีบกกต. ขอให้กกต.อิสระจริง ๆ การกระทำนี้ต้องถือว่าเป็นความผิดทั้งผู้ให้ ผู้รับ มันไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้ากกต.ไม่เบี้ยวนะ พยานหลักฐานที่เรานำมามอบให้กกต.มันชัดเจน สามารถนำไปสู่การยุบพรรคได้ และอีกทางหนึ่งกรณีนี้ถือว่ารับทรัพย์สินเกินกว่า 3 พันบาท ก็ได้ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.แล้ว” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

สมชัย กล่าวว่า ที่ยื่นวันนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่ากฎหมายศักดิ์สิทธิ์ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองในมาตรา 28   มาตรา29 เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าการที่บุคคลภายนอกมาครอบงำพรรคการเมืองมีความผิดชัดเจน ซึ่งการเขียนกฎหมายดังกล่าวนั้นเพื่อให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมของพรรคอย่างเป็นอิสระ ไม่ใช่อยู่ภายใต้อาณัติการชี้นำ การบงการของคนภายนอก เรื่องพรรคการเมืองที่ครอบงำซึ่งกันและกันเคยมีคดีแล้วเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2549 ขณะนั้นมีเหตุการณ์ที่ว่าพรรคใหญ่ครอบงำพรรคเล็ก โดยการให้พรรคเล็กโกงการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้คะแนนเสียงไม่เกิน 20% ของคนที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง จากนั้นมีการฟ้องร้องกกต. และพรรคการเมืองที่ทำความผิด

“กกต.โดนข้อหาไปสนับสนุนให้พรรคใหญ่ทำผิดได้ ด้วยเหตุที่ว่ากกต.ไปหย่อนเวลาในการรับฟังเพื่อให้มีการเลือกตั้งเร็ว ๆ และกกต.อนุญาตให้พรรคเล็กย้ายพรรค ซึ่ง 2 ข้อกล่าวหานั้นเป็นเพราะกกต.วางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้งครั้งนั้น ผลที่เกิดขึ้นคือกกต.ติดคุกและพรรคการเมืองใหญ่นั้นถูกยุบ ดังนั้น หลักฐานในเหตุการณ์ครั้งนี้ชัดเจนว่ามีการให้เงินสนับสนุนพรรคการเมืองเป็นรายเดือน มีการโอนเงินเข้าโอนออก ทราบเลขบัญชีและมีชื่อคนที่เกี่ยวข้อง หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ เป็นเรื่องที่กกต.ต้องดำเนินการโดยเร็วและตรงไปตรงมา” สมชัย กล่าว

สมชัย กล่าวว่า ภายใต้สภาพกกต.ที่เป็นอยู่ปัจจุบันสามารถดำเนินการได้เสร็จภายใน 1 เดือน จากนั้นถ้ากกต.มีความเห็นสอดคล้องกับการยื่นคำร้องนี้ กกต.ต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับคดียุบพรรคที่ผ่านมาในอดีต เชื่อว่าจะดำเนินการได้ 15 วันก็เสร็จ หวังว่าวันนี้ที่มายื่นจะทำให้กกต.ทำงานได้อย่างตรงไปตรงมา  และต้องสื่อสารกับประชาชนว่าเรื่องนี้คืบหน้าอย่างไรบ้าง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท