กระทรวงแรงงานรับเรื่องร้องทุกข์ คนงานไทยเก็บเบอร์รีที่ฟินแลนด์-สวีเดน ได้ค่าจ้างไม่เป็นธรรม เป็นหนี้ซ้ำ

ตัวแทนกระทรวงแรงงาน รับหนังสือขอความช่วยเหลือจากแรงงานไทยเก็บเบอร์รีในฟินแลนด์ และสวีเดน เหตุไปทำงาน 3 เดือน แต่ไม่ได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม ซ้ำเป็นหนี้เพิ่ม รับปากเร่งช่วยเหลือเงินค่าประกันรายได้สัปดาห์หน้า 

 

12 ต.ค. 2565 สื่อ ‘The Reporters’ รายงานวันนี้ (12 ต.ค.) ธีรศักดิ์ ภักดีนพรัตน์ อายุ 44 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี เป็นตัวแทนคนงานไทยไปทำงานเก็บเบอร์รีที่ประเทศฟินแลนด์ 22 คน และสวีเดน 27 คน รวมเป็น 49 คน เข้ายื่นหนังสือต่อ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อให้มีการช่วยเหลือกรณีที่แรงงานไทยไปทำงานแล้ว ไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม โดยมี สุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน และนายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

ธีรศักดิ์ ภักดีนพรัตน์ (ขวาสุด) และสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน (กลาง) (ที่มา: กระทรวงแรงงาน)

หลังรับมอบหนังสือ สุรชัย ในฐานะตัวแทนกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในประเด็นนี้ทาง รมว.แรงงาน ไม่ได้นิ่งนอนใจ และมีความห่วงใยแรงงานไทยเหมือนทุกคนในครอบครัว ซึ่งวันนี้แรงงานได้ยื่นข้อเรียกร้องจำนวน 3 ข้อ ประกอบด้วย 1. ให้นำเงินกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศไปจ่ายให้คนงานคนละ 30,000 บาท 2. กรมการจัดหางานในฐานะหน่วยที่จัดส่งการส่งแรงงานไปทำงานในต่างประเทศ ควรกำกับดูแลบริษัทไม่ให้หลอกลวงคนงาน และควบคุมจำนวนแรงงานที่ส่งไปไม่ให้มากเกินความเป็นจริงเพราะทำให้แรงงานมีรายได้กลับมาน้อย และ 3. ติดตามค่าจ้างค้างจ่ายจากบริษัทอาร์กติก

สำหรับประเด็นที่ 1 กรมการจัดหางานไม่สามารถนำเงินกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศมาจ่ายให้กับคนงานได้ เนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ แต่ในการจัดส่งแรงงานไปฟินแลนด์ บริษัทผู้ประสานงานในประเทศไทยต้องมีการวางเงินประกันรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายให้คนงานไทยคนละ 30,240 บาท โดยวางหลักประกันการเดินทาง (Bank Guarantee) ไว้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถนำมาจ่ายให้กับคนงานที่มีรายได้ไม่ถึงจำนวนเงินประกันรายได้ 

ประเด็นที่ 2 เรื่องที่บริษัทได้โควตาคนงานเดินทางไปเป็นจำนวนมากนั้น เรื่องนี้มีการประชุมร่วมกัน 3 ฝ่ายคือ ประเทศปลายทาง กรมการจัดหางาน และกรมการกงสุล ถึงจำนวนแรงงานที่ต้องจัดส่ง โดยในปีนี้ประเทศต้นทางมีการร้องขอให้ไทยจัดส่งแรงงานมากขึ้น ด้วยเหตุที่ปีนี้ไม่มีแรงงานจากยูเครนเข้าไปเก็บผลไม้ป่า 

ประเด็นที่ 3 เรื่องค่าจ้างค้างจ่าย  ขณะนี้ทางสถานทูตที่ฟินแลนด์กำลังติดตามอยู่ และ กรมการจัดหางานก็ได้ติดตามบริษัทผู้ประสานงานฝ่ายไทยที่ส่งแรงงานไปทำงานในต่างประเทศนี้ด้วย อีกทางหนึ่ง

สุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ชี้แจงให้แรงงานไทยที่ไปเก็บเบอร์รีฟินแลนด์-สวีเดน (ที่มา: กระทรวงแรงงาน)

ด้าน ไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ได้แบ่งกลุ่มซักถามข้อมูลออกเป็น 2 แห่ง โดยแรงงานไทยที่ไปทำงานที่ประเทศฟินแลนด์ ได้มีการเจรจากับตัวแทนผู้ประสานฝ่ายไทย ที่ห้องประชุม ‘เทียน อัชกุล’ ชั้น 10 กรมการจัดหางาน อาคารกระทรวงแรงงาน และแรงงานไทยที่ทำงานที่สวีเดน ให้กรอกเอกสารร้องเรียนกรมจัดหางานที่โถง อาคารสำนักงานกระทรวงแรงงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการเจรจาระหว่างแรงงานไทยที่ฟินแลนด์ และตัวแทนผู้ประสานฝ่ายไทย ได้ความว่า หากแรงงานไทยแสดงบัญชีหลังหักรายจ่ายที่ไปทำงานในฟินแลนด์แล้ว ได้รับค่าตอบแทนไม่เกิน 30,240 บาท ทางกรมจัดหางานจะเร่งดำเนินการช่วยเหลือนำเงินที่ทางบริษัทมาวางเป็นหลักประกันไว้ที่ ธกส. มาจ่ายชดเชยให้แรงงานแต่ละคน  ตามข้อมูลหลักฐานข้อเท็จจริงโดยจะโอนเข้าบัญชีให้ภายใน 19 ต.ค.นี้

แรงงานไทยเก็บเบอร์รีที่ฟินแลนด์หารือกับผู้ประสานงานไทย และกระทรวงแรงงาน ที่ห้องประชุม ‘เทียน อัชกุล’ ชั้น 10 อาคารกระทรวงแรงงาน

ไพโรจน์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องแรงงานไทยไปเก็บเบอร์รีที่ฟินแลนด์มีปัญหาทุกปี และปีหน้าภาครัฐจะกวดขันให้มากขึ้น อย่างบริษัทรับซื้อเบอร์รีต้องส่งภาพที่อยู่อาศัยแรงงานให้กระทรวงตรวจสอบก่อนทุกครั้ง เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่าที่อยู่อาศัยแรงงานไม่ได้มาตรฐาน 

ขณะที่ The Reporters รายงานด้วยว่า สำหรับกรณีคนงานที่ไปทำงานที่สวีเดนสหภาพแรงงานของสวีเดนได้มีเงินประกันรายได้ให้คนงานคนละ 24,000 โครน คิดเป็นเงินไทยกว่า 80,000 บาท กระทรวงแรงงานจะเร่งติดตามนำเงินในส่วนนี้มาชดเชยให้กับแรงงานที่ได้รับรายได้ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ ขณะเดียวกัน กรณีแรงงานไทยรายใดที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งเรื่องรายได้ สวัสดิการ ความเป็นอยู่ สามารถยื่นคำร้องเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดในพื้นที่จังหวัดที่อาศัยอยู่ได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ

หลังการหารือกับกระทรวงแรงงาน ธีรศักดิ์ ภักดีนพรัตน์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อ The Reporters ว่า วันนี้เข้าใจและพอใจประเด็นต่างๆ ที่ท่านผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานอธิบายให้พวกเราฟัง ในเรื่องของเงินประกันรายได้ โควตาการจัดส่ง และค่าจ้างค้างจ่าย และท่านอธิบดีกรมการจัดหางานได้รับปากว่าจะเร่งนำเงินที่บริษัทวางเป็นหลักประกันรายได้ไว้ที่ธนาคาร ธกส.มาจ่ายให้กับคนงานภายในวันสัปดาห์หน้า ผมขอขอบคุณกระทรวงแรงงานที่เป็นที่พึ่งของพวกเราผู้ใช้แรงงานได้อย่างแท้จริง

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามต่อว่าเรื่องใดที่อยากเรียกร้องให้ทางกระทรวงแรงงานปรับปรุง ธีรศักดิ์ ระบุว่า เขาอยากให้กระทรวงแรงงานของไทยและฟินแลนด์ เปลี่ยนการจ้างงานที่ฟินแลนด์ เป็นรูปแบบ ‘สัญญาจ้าง’ มากกว่าเป็นลักษณะของ ‘จ้างทำของ’ เพื่อให้คนงานไทยที่ไปทำงานที่ฟินแลนด์มีหลักประกันเรื่องรายได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เวลาไปทำงาน จะไม่ได้รับการการันตีรายได้ 

ในวันเดียวกันนี้ นอกจากตัวแทนคนงานไทยเก็บเบอร์รีที่สวีเดน และฟินแลนด์ ยื่นหนังสือให้กับ รมว.แรงงานแล้ว ได้มีการยื่นหนังสือในประเด็นเดียวกันให้กับ สุเทพ อู่อ้น ประธานกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ด้วย 

ตัวแทนแรงงานไทยทำงานเก็บเบอร์รีที่ฟินแลนด์และสวีเดนยื่นหนังสือกับ กมธ.แรงงาน สภาผู้แทนราษฎร

รายละเอียดหนังสือถึง รมว.แรงงาน และ ประธาน กมธ.แรงงาน 

เรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, สุชาติ ชมกลิ่น 

เรียน ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน, สุเทพ อู่อ้น 

เรื่องขอเข้าพบ และยื่นจดหมายร้องเรียนต่อ รมต.ว่าการกระทรวงแรงงาน สุชาติ ชมกลิ่น และประธานกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ในวันพุธที่ 12 ตุลาคม 2565 เวลา 11 โมงเช้า ณ หน้ากระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี ดินแดง กรุงเทพ เพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนกับคนงานที่เสียหายจากการไปเก็บผลไม้ป่าที่ประเทศฟินแลนด์ และสวีเดน 

พวกเรากลุ่มคนงานที่เดินทางไปเก็บสตอร์เบอร์รีฟาร์ม และเก็บผลไม้ป่าที่ประเทศฟินแลนด์ ปี 2565 จากหลายบริษัท ร่วมกันขอเรียกร้องความเป็นธรรม และขอให้กระทรวงแรงงานอนุมัติเงินช่วยเหลือคนงานที่ประสบปัญหาที่ต่างประเทศ ในวงเงินคนละ 30,000 บาท ให้กับคนงานที่เสียหายจากฤดูกาลเก็บเบอร์รีปี 2565 โดยเร่งด่วน แม้ว่าเงินจำนวนนี้ ยังไม่พอที่จะจ่ายหนี้สินที่กู้ยืมไปทำงานเก็บเบอร์รีปีนี้ แต่ก็ยังจะช่วยผ่อนปรนวิกฤตให้หลายครอบครัวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่พวกเรายังรอผลการตัดสินของการดำเนินเรื่องเรียกร้องค่าจ้างและค่าเสียหายจากบริษัทที่ประเทศฟินแลนด์กันอยู่ 

การไปเก็บเบอร์รีป่า และเบอร์รีฟาร์มที่สวีเดนและฟินแลนด์ จะต้องได้รับโควต้าจากประเทศต้นทาง และได้รับอนุญาตจากกระทรวงแรงงาน เรื่องนี้กระทรวงแรงงานจึงไม่ควรปัดความรับผิดชอบที่จะต้องดูแลคนงานที่ได้รับความเสียหาย และหลายกรณีคนงานถูกหลอกให้หลงเชื่ออย่างผิดๆ ว่าจะได้เงินแสนถึงหลายแสนกลับบ้าน จนทำให้คนหลงเชื่อและพากันเดินทางไปเก็บเบอร์รีฟาร์ม และเบอร์รีป่าในฤดูกาลนี้รวมกันถึงประมาณ 10,000 คน และทำให้มีผู้คนเสียหายจำนวนมาก ยิ่งกว่านั้นคนที่ไปกันเป็นครอบครัว ต้องเผชิญกับการสูญเสียเงินจำนวนมาก และเสียรายได้ในช่วงเวลา 3 เดือนของฤดูกาล

ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานรับรู้ปัญหาเหล่านี้ และได้รับการร้องเรียนปัญหามาอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่คนงานที่เสียหายในปีที่ผ่านมาบอกเล่ากันมา ก็คือถ้อยคำของเจ้าหน้าที่ทุกระดับของกระทรวงแรงงานว่า “ให้จำไว้เป็นบทเรียน” “รู้ว่าเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก” โดยไม่ีได้มีมาตรการช่วยเหลือคนงานที่เสียหายใดๆ ทำให้คนงานหลายหมื่นคนในปีที่ผ่านมา ต้องทนแบกรับความเสียหาย และกลับมาใช้หนี้เบอร์รีกันหลายปี หลายครอบครัวก็ยังคงใช้หนี้เบอร์รียังไม่จบจนถึงวันนี้ 

คนงานที่เสียหายในฤดูกาลเก็บเบอร์รีที่ประเทศฟินแลนด์ และที่ประเทศสวีเดน ในฤดูกาลปี 2565 หลายคนเป็นคนที่ไม่เคยไปทำงานเมืองนอก และไม่เคยไปทำงานเก็บเบอร์รีมาก่อน แต่เพราะได้รับผลกระทบทางด้านรายได้ และการตกงาน อันเนื่องมาจากวิกฤติโควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จึงตัดสินใจไปทำงานด้วยความหวังว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ แต่คนงานจำนวนมากกับไปเพิ่มหนี้สินที่เกิดจากงานเก็บเบอร์รีให้กับตัวเอง และครอบครัวอีกคนละหลายหมื่นบาท

ด้วยเหตุนี้ พวกเรากลุ่มคนงานเก็บเบอร์รีป่า ที่สวีเดน และฟินแลนด์ จึงรวมตัวกันมาร้องเรียน และร่วมกันเรียกร้องยังท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สุชาติ ชมกลิ่น ให้พิจารณากรณีขอความข่วยเหลือของพวกเราอย่างเร่งด่วน และพวกเราขอเรียกร้องให้ประธานกรรมาธิการแรงงานของรัฐสภา ท่านสุเทพ อู่อ้น ร่วมกันทำหน้าที่กำกับและตรวจสอบการทำงานของกระทรวงแรงงาน ในการดูแลผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวง และถูกพาไปเก็บเบอร์รีที่สวีเดน และฟินแลนด์ปีนี้ ให้ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างจริงจัง และเต็มจำนวนเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือคนทำงานไปทำงานในต่างประเทศ และ/หรือถ้ามีการช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือคนทำงานจากรัฐบาลและกระทรวงต่างๆ ที่มี ที่สามารถนำมาช่วยเหลือเยียวยาพวกเราที่เสียหายได้ ก็จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง 

พวกเราทุกคนที่ไปเก็บเบอร์รีป่าในฤดูกาล 2565 ได้รับการชวนเชื่อว่าเบอร์รีปีนี้มีเยอะ และไปเพราะความเชื่อว่าเมื่อกระทรวงแรงงานส่งเสริม และยังมีกองทุนช่วยเหลือฯ การไปทำงานจึงไม่มีความเสี่ยง แต่พวกเราก็ประสบปัญหาตั้งแต่ก่อนเดินทาง กระนั้น คนจำนวนมากก็จำเป็นต้องไปเพราะเดินเรื่องไปแล้ว และจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้บริษัทไปแล้ว นอกจากนี้ บางบริษัทยังมีการแก้สัญญาให้คนงานเซ็นใหม่เมื่อผิดเงื่อนไขสัญญาที่เซ็นกันในฉบับแรก

คนงานทุกคนไม่ได้รับสำเนาเอกสารที่เซ็น ไม่มีการชี้แจงว่าเอกสารที่เซ็นแต่ละแผ่นคืออะไรได้ แต่ถูกบอกว่าให้เร่งๆ เซ็น พอเดินทางไปถึงประเทศฟินแลนด์ ประเทศสวีเดน ทุกบริษัทปฏิบัติกับคนงาน แตกต่างจากคำสัญญาที่บอกกับเราทั้งทางวาจา และทางเอกสาร

พวกเราจึงรวมตัวกันมาร้องเรียนต่อ รมต.ว่าการกระทรวงแรงงาน และประธานกรรมาธิการแรงงานของรัฐสภา ขอให้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือพวกเราที่เสียหายอย่างจริงจัง พร้อมทั้งอนุมัติเงินเยียวยาพวกเราจากกองทุนช่วยเหลือคนทำงานไปทำงานในต่างประเทศโดยเร่งด่วน และดำเนินกสนสอบสวนพฤติกรรมหลอกลวงและค้ามนุษย์ของบริษัทเบอร์รีที่ฟินแลนด์และสวีเดน และผู้ประสานงานชาวไทยของบริษัทเหล่านี้ตามกรอบกฎหมายปราปรามการค้ามนุษย์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท