Skip to main content
sharethis

'พีระพันธุ์' ลงพื้นที่อุดรฯ พบอดีตแกนนำ นปช. นำทีมซบ รทสช. เตรียมเปิดตัวเป็นผู้สมัคร เชื่อคนเสื้อแดงรักชาติ ไม่กล้าเชิญ 'ประยุทธ์' ร่วมพรรคโยนนักข่าวถามเอง

27 พ.ย. 2565 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค และ นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ กรรมการบริหารพรรค ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี พบปะสมาชิกพรรคพื้นที่อีสานเหนือ ที่หอประชุมมณฑาทิพย์ฮอลล์ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น มีการผูกผ้าขาวม้าและรำเซิ้งเพลงหอมกลิ่นเมืองอุดรฯ ต้อนรับ ทั้งนี้สมาชิกพรรคที่มาวันนี้พร้อมใจกันใส่เสื้อสีแดงและสีน้ำเงิน ที่มีโลโก้พรรค ซึ่งทั้งหมดเคยเป็นแนวร่วม นปช. มาก่อน นำโดย นางรัตนา วรรณ สุขศาลา ประธาน นปช. อุดรธานี ปี 54-55

นางรัตนา แกนนำ นปช. อุดรธานี ให้เหตุผลการเข้าร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ไม่มีการแบ่งแยกสี เป็นสีเดียวกัน เห็นได้ชัดจากการเอาสีน้ำเงินและแดงมารวมกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน

นายวิทยา เล่าถึงการมาจังหวัดอุดรธานีครั้งแรกเมื่อ 5 เดือนที่แล้วหลังจากได้เตรียมการกับนายพีระพันธุ์ ว่ามีความประสงค์จะตั้งพรรคการเมือง ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่จะรักษาไว้ เพื่อรุ่นลูกรุ่นหลานและมีเจตนารมณ์ชัดเจนว่าอยากจะสร้างความสามัคคีกับคนในชาติ ทุกสีทุกกลุ่มทั้งหมด ตนเป็นนักการเมืองมา 30 กว่าปีและเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สุดท้ายเป็นผู้ต้องหาคดีกบฏในชุดแกนนำ กปปส. ซึ่งตนก็รับปากกับนายพีระพันธุ์ จะช่วยทำการเมือง ซึ่งสิ่งที่ตนกลัวที่สุดและไม่อยากมาคือจังหวัดอุดรธานี เพราะเรารู้ว่าเรามีบาดแผลอยู่ในใจ แต่เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของหัวหน้า เพื่อจะสร้างความสามัคคีปองดองภายในชาติ ตนในฐานะเป็นแกนนำ กปปส. ขออนุญาตเดินทางไปลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี และบ้านแรกที่ไปนั่งกินข้าวด้วยบ้านแรกคือบ้านของ นางรัตนาวรรณ แกนนำ นปช. จ.อุดรธานี เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว เรายืนกันคนละฝั่งเจอหน้ากันไม่ได้ เหมือนจะฆ่ากันให้ตาย แต่เมื่อเรามาเจอกันที่จังหวัดอุดรธานี กอดกันเหมือนมิตรสหายที่ไม่ได้เจอกันมานาน และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็มีสัญญาใจว่าเราทั้งหมดจะจับมือกัน เพื่อรักษาไว้ซึ่งชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยอย่างยิ่งเราจะร่วมกันสร้างนักการเมืองที่ซื่อสัตย์ต่อประชาชน

วันนี้พื้นที่จังหวัดอุดรธานี มีคนยื่นความจำนง สมัครส.ส. 9 เขต แต่มีผู้ยื่นความจำนงเกือบ 20 คน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ มีทั้งเพื่อน ส.ส. และน้องๆ ส.จ. และอดีตแกนนำ นปช. ทั้ง จ.อุดรธานี จ.หนองคาย และ จ.สกลนคร วันนี้เป็นวันเริ่มต้นที่จะมาขอบคุณทุกคนที่มาเป็นกำลังใจให้กับพวกเราพรรครวมไทย

ด้านนายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ความจริงตนมาอีสานหลายครั้งแต่ไม่ได้มา เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองและในความเป็นจริงเป็นชะตาชีวิตเราทุกคน ถูกกำหนดมาแล้ว ตั้งแต่เล็กๆ มาจนโตตนไม่เคยคิดที่จะเป็นนักการเมือง ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กคือเรื่องความเป็นธรรมและความถูกต้อง ทุกอย่างถ้าไม่มีความเป็นธรรม มันอยู่กันไม่ได้และตนก็เชื่อว่าหลายอย่างหลายปัญหาที่อยู่ในใจของประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องระดับรากหญ้าคือความหนักใจ ที่รู้สึกว่าทำไมเราไม่ได้รับความเป็นธรรมในหลายเรื่องมันอยู่ในใจลึกๆ ของพวกเรา จากตรงนี้จึงนำไปสู่ปัญหาทางการเมือง เราจะทำอย่างไร จึงจะหลอมรวมความคิดการทำงานร่วมมือกัน เพื่อพัฒนาชาติบ้านเมือง ความคิดของตนที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กพัฒนามาเรื่อยๆจนกระทั่งตนได้เป็นผู้พิพากษา ทำให้เห็นสภาพชีวิตของคนในชนบทหลายคน ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะความไม่รู้กฎหมายความเหลื่อมล้ำ ในเรื่องของฐานะทางเศรษฐกิจ และความเหลื่อมล้ำในการดำรงชีวิต ถูกเอารัดเอาเปรียบจากคนที่มีโอกาสมากกว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้ตนมีความรู้สึกว่า ถ้าเราไม่มีหน่วยงานที่จะช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจัง สังคมจะเกิดปัญหาและหยุดไม่ได้ ตนได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ที่เป็นผู้พิพากษาศาลด้วยกันและผู้ใหญ่หลายคน บอกว่ามีกฎหมายหลายฉบับที่ต้องปรับปรุงแก้ไข เพราะทำให้ประชาชนเดือดร้อน

สุดท้ายเราจึงอยากให้มีพรรคการเมืองที่สู้ เพื่อแก้ไขปัญหาประชาชน และมีที่พึ่งเพื่อประชาชน ในเวลามีปัญหาเดือดร้อน มันทำไม่ได้อย่างที่ใจคิด จึงได้ลาออกจากการเป็น ส.ส. ในสมัยที่ 6 เมื่อปี 2562 ออกมาได้ 10 กว่าวัน ก็ได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่ “ว่าออกทำไม ตนบอกว่าเบื่ออยากมีพรรคการเมือง ที่อยากทำแต่มันก็ไม่มี จึงไม่รู้จะอยู่ไปทำไม “ผู้ใหญ่ก็บอกว่าให้มาช่วยนายกรัฐมนตรีทำงานมาเป็นที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งตนไม่เคยรู้จักพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ถ้าหากประสงค์ ให้ตนช่วยงานชาติบ้านเมืองโดยไม่มีเรื่องการเมืองก็พร้อม

ซึ่งจากการทำงานการเมืองมา 30 ปี ไม่เคยเจอใครที่เหมือน พล.อ.ประยุทธ์ เพราะตลอดเวลาที่คุยกับตนทุกครั้ง มีแต่เรื่องของประชาชน อาจจะเห็นท่านเป็นคนโผงผาง แต่ในใจเป็นห่วงประชาชนและประเทศชาติมากที่สุด มันเลยทำให้ตนรู้สึกว่ามีความหวังว่าคนที่มาอยู่การเมืองแล้ว คิดเหมือนเราและทำงานเพื่อประชาชน นั่งคุยกันเรื่องปัญหาชาวบ้าน ไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมืองอาชีพ แต่เป็นใครก็ได้ที่มาทำตรงนี้

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า ตอนได้ยินม็อตโต้ของประโยค ที่พูดว่ารวมไทยสร้างชาติ จากปากนายกรัฐมนตรี ตนรู้สึกว่าคำนี้มันใช่ ถ้าคนไทยไม่ร่วมใจกัน ไม่ร่วมมือกัน สร้างชาติสร้างแผ่นดินแล้วเราจะอยู่กันทำไม ถ้าพวกเรามัวแต่แบ่งแยกไม่รวมกัน ตอนนั้นก็แค่คิดและคุยกับเพื่อนๆ คือนายวิทยา มาทำพรรคการเมืองเพื่อประชาชน จากนั้นพบว่านายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ไปจดทะเบียนแล้ว และนายเสกสกลไม่ได้ทำพรรคต่อ ตนจึงนำมาทำ

พร้อมกันนี้นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวด้วยว่าการแบ่งแยก สีต่างๆ ก็แค่การแบ่งแยกเท่านั้น แต่เชื่อว่า ในใจของแต่ละคน อยากเห็นประเทศชาติมั่นคง หากมีแนวทางเดียวกัน ขอให้ทุกคนสลัดสีออก เหลือไว้แต่ความเป็นคนไทยเหมือนกัน ให้เอาความสามารถของทุกคน มา สร้างชาติบ้านเมือง ดีกว่าทะเลาะกัน เพราะเสียเวลามามากแล้ว

พร้อมย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า หากเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ จะไม่ผิดหวัง ประชาชนพึ่งได้ รวมไทยสร้างชาติ จะทำให้ทุกอย่าง พร้อมชูนโยบาย ปลดหนี้กองทุนหมู่บ้าน เป็นกองทุนสร้างชาติ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา เพื่อแก้ปัญหาหนี้ให้คนไทยทั้งประเทศ เพื่อทำให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และแก้ปัญหาปุ๋ยแพงให้เกษตรกร โดยเฉพาะพื้นที่อีสานเป็นพื้นที่ที่มีแร่โปรแตสมากที่สุด ที่ขณะนี้นายกรัฐมนตรีมีการหารือความร่วมมือกับซาอุดีอาระเบียและจีน ในการที่จะทำเหมืองแร่โปรแตส พร้อมย้ำขอให้เลิกแบ่งสีแบ่งฝ่ายเพื่อร่วมกันพัฒนาชาติ

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าในการปราศรัยพูดคุยกับประชาชน นายพีระพันธุ์ พูดชื่นชมนายกรัฐมนตรีอยู่ตลอดเวลา

ไม่กล้าเชิญ 'ประยุทธ์' ร่วมพรรค โยนนักข่าวถามเอง

นายพีระพันธุ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีนางรัตนาวรรณ สุขศาลา แกนนำ นปช. จ.อุดรธานี เข้าร่วมสมาชิกพรรคแสดงว่าสามารถแก้ปัญหาความแตกแยกได้ใช่หรือไม่ ว่า ตนพูดมาตลอดตั้งแต่ตั้งพรรคว่าเป้าหมายสำคัญ คือเลิกทะเลาะกันได้แล้ว รวมใจมาช่วยกันสร้างบ้านเมือง ไม่ว่าจะเสื้อสีอะไรเชื่อว่าในใจลึกๆของทุกคนก็คือก็คือเพื่อชาติบ้านเมืองเหมือนกัน เหมือนที่ได้คุยกับนางรัตนาวรรณ นี่คือความสำเร็จที่อย่างน้อยก็ได้ทำความเข้าใจกันได้ และจะร่วมกันทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง โดยไม่ได้มองว่าพื้นที่อีสานจะเจาะยากหรือเจาะง่าย เพราะต้องการเริ่มต้นความสามัคคี อย่าไปเรียกว่าดึงคนเสื้อแดงมา แต่เป็นการทำความเข้าใจ เพราะทุกคนมีแนวทางของตัวเอง ไม่มีใครดึงใคร จะว่ายากก็ตอบไม่ถูก จะว่าง่ายก็ไม่ใช่ ทั้งนี้ ตอนแรกหวั่นใจว่าจะมีใครมาร่วมงานหรือไม่ แต่ตอนนี้เลยและล้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม

เมื่อถามถึงกรณีกระแสการแยกตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และมีแนวโน้มจะมาพรรค รทสช. นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ก็เป็นการคาดการณ์ แต่อย่างที่บอกเป้าหมายเหมือนกัน คือ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เอาความสามารถมารวมกันก็สามารถที่มีมาทำงานร่วมกันได้ทั้งนั้น แต่ตอบไม่ได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมาร่วมงานเมื่อไหร่ เราไม่ได้เป็นคนกำหนด

“หากยังไม่ชัดเจนอะไร ผมก็ไม่กล้าเชิญ เห็นครั้งหลังท่านบอกหลังเอเปค หลังปีใหม่ แต่ท่านจะตัดสินใจเมื่อไหร่ ผมก็ไม่รู้ ต้องถามท่าน ผมก็ไม่กล้าถามท่าน เพราะท่านเป็นผู้บังคับบัญชา และการที่นายกฯไม่ชัดเจนก็ไม่กระทบกับกระแสของพรรค” นายพีระพันธุ์ กล่าว

เมื่อถามถึงกระแสข่าวลือว่า แต่งตั้งนายพีระพันธุ์ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เพิ่งเห็นข่าวเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา ตัวเองก็ไม่เคยทราบ ครั้งก่อนที่แล้วบอกมีข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเสนอชื่อ ก็ไม่มี เพราะมีความสุขกับการทำหน้าที่ตรงนี้ วันนี้ก็เช่นกัน ข่าวที่ออกมาตนก็ไม่ทราบ ตนทำงานการเมือง มีตำแหน่งก็ทำได้ ไม่มีตำแหน่งก็ทำได้ อยู่ที่ใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง

นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวยอมรับว่า ได้มีโอกาสพบนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ท่านสอบถามความเห็นเรื่องกฎหมาย หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา และอีกฉบับ คือ ร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 30 พ.ย. ที่จะถึงนี้ว่าจะมีผลทางการเมืองอย่างไรบ้าง และรัฐบาลต้องทำอะไรหรือไม่ แต่ไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องความคืบหน้าการทำพรรค รทสช. หรือเรื่องอื่นแต่อย่างใด

ซูเปอร์โพล 54.7% สนับสนุนรัฐบาล ชู 'ประยุทธ์' แก้ไขความขัดแย้งของคนในชาติ 'จุรินทร์' นำเจรจาเศรษฐกิจสากลกับนานาประเทศ

ซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน2,008 ตัวอย่าง เรื่อง แกนนำรัฐบาล กับ ผลงานที่พอใจ ระหว่างวันที่ 24 – 26 พ.ย. 2565 ที่น่าสนใจคือ ด้านแก้ขัดแย้งของคนในชาติ ไม่สูญเสีย ไม่มีการเผาบ้านเผาเมืองเหมือนในอดีต ได้แก่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 85.0 ด้าน ทำตามที่พูด นโยบายกัญชา ช่วยชาวบ้านคนตัวเล็กตัวน้อย ฐานรากสังคม ได้แก่ นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 79.0 ด้านที่โดดเด่นช่วยเหลือบุคลากรการแพทย์ อสม. แก้วิกฤตโควิด จัดการวัคซีน ได้แก่ นาย อนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ร้อยละ 72.6 ด้านช่วยเหลือเกษตรกร ประกันรายได้ พืชเศรษฐกิจ ข้าวข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา และปาล์ม ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 72.3 ด้านมุมานะ อดทน ดูแลประชาชน ช่วงฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตชาติ ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 63.7 นอกจากนี้ ด้านแกนนำรัฐบาลเด่น เจรจาเศรษฐกิจสากลกับนานาประเทศ ช่วงประชุมเอเปค ได้แก่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 62.8 ด้านจุดยืนมั่นคง จงรักภักดี ปกป้องเสาหลักของชาติ ได้แก่ นาย อนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 55.1 และด้านผลงานภาพจำ ช่วยที่ดินทำกิน แก้หนี้นอกระบบ บริหารจัดการน้ำ ได้แก่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 44.1 ตามลำดับ

ที่น่าพิจารณาคือ จุดยืนทางการเมืองของประชาชน พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 54.7 สนับสนุนรัฐบาลมากกว่า ไม่สนับสนุนรัฐบาลร้อยละ 13.2 และกลุ่มพลังเงียบ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ร้อยละ 32.1 เหตุผลที่ฐานสนับสนุนรัฐบาล มากกว่า ไม่สนับสนุน เป็นผลพวงจาก การก่อม็อบช่วงประเทศไทยจัดประชุมเอเปคและเหตุรุนแรงในภาคใต้ ที่ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่า มีกลุ่มการเมือง พรรคการเมืองอยู่เบื้องหลังและผลงานรัฐบาลที่พอใจของประชาชน


ที่มาเรียบเรียงจาก: สำนักข่าวไทย [1] [2] | สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net