Skip to main content
sharethis

นักศึกษา ม.เกษตรฯ จัดในนามพรรคอาทิตย์ใหม่ จัดปราศรัย 'ส.ว.ใจทราม' เพราะประชาชนคือเจ้าของประเทศ เกษตรศาสตร์คือภาษีของประชาชน ย้ำสามข้อเรียกร้อง ส.ว.ลาออก-8 พรรค ปชต. จับมือตั้ง รบ.-ไม่ลดเพดานนโยบาย

 

21 ก.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (21 ก.ค.) ที่หน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ประชาชนนัดรวมตัวกัน เพื่อรอฟังปราศรัย "ร่วมขจัด ส.ว.ใจทราม เพราะประชาชนคือเจ้าของประเทศ เกษตรศาสตร์คือภาษีของประชาชน" นัดหมายโดยพรรคอาทิตย์ใหม่ โดยงานเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป

ขอให้ทุกคนตื่นตัว และร่วมส่งเสียง

เพลง สมาชิกพรรคอาทิตย์ใหม่ และเป็นผู้จัดงาน กล่าวถึงที่มาที่ไปของการจัดงานไล่ ส.ว.ใจทราม ครั้งนี้ว่า เดิมทีเริ่มจากเมื่อ 13 ก.ค. 2566 ทางกลุ่มมีแผนจัดงานแจกโบว์ดำ และเชิญชวนให้ทุกคนแต่งชุดดำ เพื่อต้านความอยุติธรรม แต่มาคิดอีกที แจกไปแล้วมันก็จบ เลยอยากทำอะไรที่อิมแพกต์มากกว่านี้ เลยมาทำเป็นการรูปแบบจัดแฟลชม็อบ เหมือนตอนปี 2562-2563

'เพลง' พรรคอาทิตย์ใหม่

สมาชิกพรรคอาทิตย์ใหม่ กล่าวต่อว่า ความคาดหวังวันนี้เธออยากเห็นประชาชนตื่นตัว เราไม่อยากให้นิสิต นักศึกษา หรือว่าเด็ก ผู้สูงอายุอะไรแบบนี้หมดหวัง และรู้สึกว่าเสียงตัวเองไม่มีความหมาย มันคือทุกกลุ่มที่มีความเดือดร้อน และที่สำคัญ อยากให้เสียงของทุกคนมันส่งผล กดดัน คือมันอาจจะไม่ได้มาก แต่ว่าก็ขอให้เขาเบรกจากการกระทำที่มันชั่วช้า ต่ำช้า จากเสียงประชาชน 

“มันไม่มีประเทศไหนในโลกใบนี้ที่เราเลือกตั้งได้นายกมาแล้ว ได้เสียงส่วนมากแล้ว แล้วเราต้องมาผ่านบุคคลไหนก็ไม่รู้ที่ถูกแต่งตั้งโดยอำนาจเผด็จการ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขามาได้ยังไง แต่งตั้งมายังไง แล้วก็มากินภาษีเราอีก แล้วต้องมาเลือกซ้ำซ้อนอีก สุดท้ายการกระทำที่ชั่วช้าของเขามันคือการที่หักหลังประชาชนโดยการไม่เคารพเสียงส่วนมาก คือการไม่เห็นชอบหรืองดออกเสียงให้กับคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เพลง กล่าว

สมาชิกพรรคอาทิตย์ใหม่ ฝากข้อความถึง ส.ว. ว่า ตอนนี้ก็คิดว่าคงจะมีคนสาปแช่งเขาเยอะ เห็นที่ออกข่าว ส.ว.จะฟ้องประชาชนที่ไปล่าแม่มดลูกเขา นั่นมันคือผลของการกระทำที่คุณควรได้รับ การกระทำที่คุณหักหลังทรยศคนที่คุณควรต้องรับใช้ และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ส.ว.ท่านหนึ่งพูดว่า ‘ขอประเทศคืน’ คืนจากใคร ในเมื่อเจ้าของประเทศตัวจริงคือประชาชนทุกคน ดังนั้น จึงอยากฝากว่าก็รับผลจากการกระทำ และวันหนึ่งมันจะส่งผลร้ายแรงกว่าเดิม 

ทั้งนี้ กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา พูดเมื่อ 19 ก.ค. 2566 ระบุว่า เราไม่ยอมเปลี่ยนประเทศไทย และจะขอลูกหลานเราคืน ลูกหลานเราต้องกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ-แม่ และวัฒนธรรมประเพณีไทยต้องกลับมา ได้เรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีของไทย เอาเรื่องการศึกษา วัฒนธรรมของไทย และก็ประวัติศาสตร์ของชาติไทย ให้ลูกหลานเราได้ศึกษา เหมือนรุ่นพ่อ-แม่ ลูกหลานต้องเป็นคนดี มีประเพณีของไทย  
 

สำหรับพรรคอาทิตย์ใหม่ ผู้จัดงานกิจกรรมก่อตั้งโดยนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เมื่อปี 2563 โดยมีพันธกิจเดียว คือการเป็นองค์การบริหารโดยนิสิต ของนิสิต เพื่อนิสิต

เวลา 17.00 น. พิธีกรเวทีหลัก เริ่มปราศรัยเชิญชวนประชาชน โดยวันนี้จะมีการจัดกิจกรรมปราศรัย จากนักกิจกรรมการเมือง และการร้องเพลงจากวงสามัญชน

เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. มีกิจกรรมชักธงดำขึ้นสู่ยอดเสา ไว้อาลัยให้ความอยุติธรรมในการเมืองไทย

เพลง อายุ 23 ปี สมาชิก สมาชิกพรรคอาทิตย์ใหม่ กล่าวถึงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์นี้ว่า การชักธงดำขึ้นสู่ยอดเสา เพื่อไว้อาลัยความยุติธรรมในประเทศนี้ อย่างที่เห็นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโหวตลงมตินายกฯ แต่พรรคอันดับหนึ่งก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล

"คุณ (ส.ว.) ฉีกหลักการทุกอย่างทิ้งเพื่อจะได้ครองอำนาจนำ สุดท้าย คุณทำเพื่อประชาชน หรือคุณทำเพื่อใคร

"เราเลยอยากชักธงดำขึ้น ทุกคนคิดเหมือนกันแล้วว่า เราอยู่สถานการณ์ที่ย่ำแย่ ประเทศมันไปต่อไม่ได้แล้ว ทุกคนตาสว่างแล้ว เพียงแต่คุณเอาอำนาจปิดปากเขาอยู่ วันนี้มันสุดแล้ว แต่ถ้าวันไหนมันสุดกว่านี้ ใกล้ลงจากอำนาจแล้ว คุณจะโดนหนักกว่านี้ มันยังไม่เห็นผลตอนนี้ แต่ว่าเราจะรอต่อไป" เพลง กล่าว

 

มีหญิงสูงวัยเข้ามาต่อว่า ชู "ป้ายรักในหลวง" ทีมงานการ์ดพาออกจากพื้นที่ปลอดภัย หวิดปะทะ

ทีม Mobdata รายงานว่า เมื่อ 18.54 น. ที่หน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน มีหญิงสูงอายุคนหนึ่งเดินเข้ามากลางวงคนนั่งฟังปราศรัย บอกว่าตนเป็นผู้สนับสนุนประยุทธ์ และเป็นศิษย์เก่าที่นี่ ไม่เห็นด้วยกับการใช้สถานที่มหาวิทยาลัยฯ มาจัดการชุมนุมทางการเมือง มีผู้ชุมนุมบางส่วนเข้าไปปะทะ และนักข่าวเข้าไปรุมถ่ายรูป ทำให้ทีมงานต้องรีบเข้าไปจัดการสถานการณ์ แต่สื่อรุมจนทีมงานทำงานลำบาก ดึงตัวคู่ขัดแย้งออกมาไม่ได้ 

ภาพจากแมวส้ม ประชาไท

บอย เล่าถึงเหตุการณ์ว่า คุณป้ามาโวยวายพร้อมชูป้าย "รักในหลวง" และต่อว่าผู้ชุมนุมและผู้ปราศรัยขณะนั้นคือ สมยศ พฤกษาเกษมสุข จากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย 

บอย ธัชพงศ์ กล่าวต่อว่า คิดว่าการแสดงความเห็นต่างในที่ชุมนุมมันเป็นปกติ แต่การแสดงความเห็นต่างใจกลางที่ชุมนุมอยู่เยอะๆ เลยเกิดความสับสน และอลวน ทางทีมงานก็มีความกังวลเรื่องความปลอดภัย และอารมณ์ของผู้ชุมนุม เนื่องจากแต่ละคนมีวุฒิภาวะและความอดทนต่อความเห็นต่างไม่เท่ากัน และเราเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำมาโดยตลอด พอมาโดนชี้หน้าต่อว่าแรงๆ ก็กังวลเรื่องความรุนแรง แต่ต้องขอบคุณและชื่นชมการดูแลของนิสิต ม.เกษตรฯ พาทีมงานการ์ดเข้าไปดูแลจนพาตัวคุณป้าออกมาได้ แม้ว่าเส้นทางการไปพาออกมานี่ค่อนข้างยากลำบาก เพราะมีสื่อมวลชน และประชาชนที่ยังสับสน นอกจากนี้ บอย ยืนยันว่าไม่ได้มีการทำร้ายร่างกาย

ส่วนประเด็นที่อยากฝากอะไรถึงผู้ที่เห็นต่างหรือไม่นั้น บอย มองว่า การชุมนุมของใครก็ตามเป็นสิทธิและเสรีภาพอยู่แล้ว แต่บางทีการเข้าไปในที่ชุมนุมที่มีความเห็นต่าง และแสดงท่าทีรุนแรง มันก็ค่อนข้างเสี่ยงเรื่องอารมณ์ผู้ชุมนุม เลยก็แนะนำว่าไม่อยากให้เข้าไป 

บอย กล่าวต่อว่า อยากให้เคารพกัน และลองรับฟังเหตุผลของแต่ละฝ่าย หากไม่เข้าใจสามารถเสิร์ชหาบนโลกออนไลน์ได้ และตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ 

"ผมยืนยันว่าเราต้องชุมนุมยึดหลักสันติวิธีไม่ว่าจะเห็นด้วย หรือเห็นต่างจากเราแค่ไหน เราไม่มีสิทธิที่จะทำร้ายเขา แล้วเขาก็ไม่มีสิทธิทำร้ายเรา 

"เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ เราจะพาเขาออกไปโดยปลอดภัยที่สุด ส่วนพ่อแม่พี่น้องมวลชนที่รู้สึกว่า เขาทำเรามาเยอะแล้ว ปล่อยเขาไปเถอะ เราแค่ชูสามนิ้วก็พอแล้ว ไม่ต้องไปด่า ถ้าเราพยายามใช้กำลังกลับ มันจะทำลายความชอบธรรม" บอย ทิ้งท้าย 

ไม่มีการลดเพดาน- 'ก้าวไกล' กับ 'เพื่อไทย' ต้องจับมือกันเท่านั้น

เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. อานนท์ นำภา ขึ้นปราศรัยหน้าหอประชุมใหญ่ กล่าวย้ำถึงความสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยร่วมกันระหว่าง พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล 

อานนท์ นำภา ถ่ายภาพโดย แมวส้ม ประชาไท

อานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวปราศรัยหน้าหอประชุมใหญ่ เมื่อเวลา 19.30 น. ขอบคุณผู้จัดงาน และกล่าวว่าทุกครั้งที่ขึ้นปราศรัย เขาจะย้ำเสมอว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เราต่อสู้กับใคร และต่อสู้อย่างไร

"ผมขออนุญาตอธิบายต่อพี่น้องทุกคนสั้นๆ ที่ทุกคนจะได้เข้าใจ ก่อนที่พรุ่งนี้เราจะชุมนุมบนท้องถนน และจะไม่กลับจนกว่าเราจะได้รับชัยชนะ เรากำลังต่อสู้ระหว่างกลุ่มคนที่เห็นว่าคนเราเท่ากัน กับกลุ่มคนที่ต้องการจะบอกว่าตัวเองเป็นอภิสิทธิ์ชน"

นี่คือสิ่งที่เราต่อสู้นับตั้งแต่เรามีพรรคการเมืองที่เราเลือกตั้งเข้าไป และมีนโยบายที่จะทำให้คนเท่ากันมากขึ้น อย่างนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค นั่นเป็นจุดกระโดดการทำให้คนค่อยๆ ขยับไปสู่การที่เป็นคนเท่ากัน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความหวาดกลัวของชนชั้นนำไทย เขากลัวสิ่งนี้จนกระทั่งนำไปสู่การยึดอำนาจของนักการเมืองเหล่านั้น เมื่อปี 2549 พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ทำรัฐประหาร นำไปสู่ระบบอำนาจอำมาตย์ ทหาร จนถึงทุกวันนี้ 

วันนี้เขากลัวอะไร วันนี้เขามีพรรคก้าวไกล เสนอว่ากฎอัยการศึกจากประกาศได้โดยทหาร เป็นต้องประกาศโดยพลเรือนเท่านั้น นี่คือยาแรงที่ป้องกันการรัฐประหาร และเขากลัว ลำพังพรรคก้าวไกล ทำไม่ได้แน่นอน แต่พรรคก้าวไกล เมื่อรวมกับพรรคเพื่อไทย อีก 141 เสียง และพรรคอื่นๆ รวม 312 เสียง ทำได้แน่นอน การป้องกันวงจรอุบาทว์ ป้องกันการทำรัฐประหาร เขากลัวสิ่งนี้ 

ทุกการรัฐประหารมันได้สร้างอภิสิทธิ์ชนใหม่ขึ้นมา และอภิสิทธิ์ชนใหม่ได้ยื่นข้อเสนอพรรคเพื่อไทย หากร่วมรัฐบาลต้องประกอบด้วยเงื่อนไข 11 ข้อ ส.ว. บังอาจแทรกแซงการเลือกตั้งที่มาจากประชาชน หรือ สมชาย แสวงการ สมชายเข้าสู่วงจรอุบาทว์ตั้งแต่ปี 2549 และยังได้รับเลือกจากคณะรัฐประหาร เป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จากนั้น ได้รับการสรรหาเป็น ส.ว. ระหว่างปี 2551-2557 รวม 2 สมัย จากปี 2557 รัฐประหารโดยประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับการแต่งตั้งเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และปี 2562 ได้เป็นวุฒิสมาชิกอีก และไม่ได้มีคนเดียว 

"หากเราไม่ต่อสู้เรื่องนี้ คนเช่นนี้อีกหลายคนจะกลับมาอีกแน่นอน พรรคก้าวไกลเสนอตัดอำนาจ ส.ว. และเสนอตัดทิ้ง ...แต่พรรคก้าวไกลทำไม่ได้ เพราะเสียงเราไม่พอ นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเราจึงเรียกร้องให้พรรคการเมือง 8 พรรค อย่าแตกแถวเพราะสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าเราไม่ร่วมมือกัน และนี่คือเหตุผลเช่นเดียวกันที่ฝั่งตรงข้ามเขาพยายามบั่นทอนให้พรรค 8 พรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคก้าวไกล เพื่อไทย ให้แตกกัน เพื่อป้องกัน เพื่อรักษาอำนาจของพวกเขาเอาไว้"

เรื่อง 112 มันเป็นแค่ข้ออ้าง เพราะพวกเขารู้อยู่แล้วต่อให้เข้าสภาไป พวกเขาก็มีพิจารณาปัดตกจนได้ แต่อ้างขึ้นมาเพื่อจะแยกเพื่อไทย และก้าวไกล ออกจากกัน และด้วยความจำเป็นนี้ เราต้องเป็นเชือก หรือทางเชื่อม สองพรรคนี้แตกกันไม่ได้ ประชาธิปไตยชิบหายแน่นอน เพราะถ้าเมื่อไรส่งพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ตัดสิทธิ์พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อีก 10 ปี ส.ส.ที่เหลือทยอยติดคุก เราจะไม่มี ส.ส.ไปอภิปรายเรื่องงบสถาบัน เรื่องตั๋วช้าง เราจะไม่มีส่วนนี้ ดังนั้น เราต้องเป็นกาวใจให้กับพรรคการเมืองในการฝ่าวิกฤตนี้ให้ได้

นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในพรรคการเมืองมีกลุ่มที่อพยพมาจากพรรคพลังประชารัฐ มาอยู่ในพรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่ง พวกนี้พร้อมไปแตะมือกับนายเก่าได้เสมอ มี ส.ส.บางพรรคที่มาแอบมาอิงกับฝ่ายประชาธิปไตย ออกมาบอกว่าก้าวไกล ต้องเสียสละ เสียสละอะไร เขาชนะอันดับหนึ่ง 

“บอกก้าวไกลเขาต้องเสียสละ เสียสละอะไร เขาชนะอันดับหนึ่ง ปาร์ตีลิสต์อันดับหนึ่ง 42-43 จังหวัด ส.ส.มากที่สุด เสียสละอะไร การที่เขาลงสมัครรับการเลือกตั้งและพวกเราเข้าไปเสนอนโยบายที่แหลมคม นั่นคือการเสียสละของพวกเขาแล้ว” อานนท์ กล่าว

อานนท์ กล่าวต่อว่า พวกเขาจะลดเพดานได้หรือไม่ ถ้าลดอีกคือการทรยศต่อคณะราษฎร คนเสื้อแดงเมื่อปี 53 ผู้ลี้ภัยที่โดนอุ้มฆ่า และทรยศต่อประชาชนที่เลือกเขามา

“วันนี้ขาหนึ่งในสภาฯ คือผู้แทนราษฎร ขอวิงวอนให้พวกท่านมั่นใจและทำหน้าที่ให้ถึงที่สุด จับมือกันไปให้ถึงที่สุด ผู้ลี้ภัยทุกคนอย่าแต่ทักษิณเลย แม้แต่สมศักดิ์ เจียมธีระสกุุล ก็ได้กลับบ้าน ทุกคนที่อยากกลับต้องได้กลับบ้าน ถ้าเราเป็นฝ่ายประชาธิปไตย วันนี้ถ้า ส.ว.ขอให้เราลดเพดาน มันไม่ใช่การถอย ได้คืบจะเอาศอก นี่คือสันดานของเผด็จการ เพราะฉะนั้น เราถอยไม่ได้แล้ว

อานนท์ กล่าวเชิญชวนให้คนมาร่วมต่อสู้บนท้องถนนอีกครั้ง เพราะแค่การเลือกตั้งยังไม่จบ แต่ต้องมีการเคลื่อนไหวนอกสภาฯ เราต้องเรียกร้องต้องวิงวอนให้สู้ให้ออกมากันเพิ่มขึ้น เพราะในจำนวนที่มีตอนนี้ มันยังไม่พอที่จะต่อรองกับผู้มีอำนาจ 

ขอส่งเสียงไปยังผู้แทนราษฎรทุกคนอย่าคิดว่าเลือกตั้งเสร็จก็เสร็จไป อย่าคิดว่าประชาชนเซ็นเช็คเปล่าไปให้พวกท่าน และจะทำอะไรก็ได้ อย่าคิดว่าพวกเราเป็นน้ำนิ่ง ต่อไปนี้แม่น้ำสายนี้จะกำหนดทิศทางเรืออย่างพวกคุณ เรือจะหันซ้ายหันขวาประชาชนจะเป็นคนกำหนดเท่านั้น ไม่มีใครมีอำนาจสูงกว่าประชาชน 

เราเคยทำได้แล้วเมื่อ 14 พ.ค. 2566 อย่าคิดว่ามันจะไม่จบ มันจบแน่ๆ ถ้าเราได้เป็นรัฐบาล ลูกหลานเราไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ตัดวงจรอุบาทว์ไป นั่งกระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงกลาโหม ไล่ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากบ้านหลวงออกไป มันง่ายนิดเดียวถ้าเราได้เป็นรัฐบาลร่วมกัน แต่ถ้ามีแค่พรรคเพื่อไทย และไปร่วมมือกับฝ่ายรัฐบาลเก่ามันทำไม่ได้ หรือถ้ามีแค่พรรคก้าวไกล มันทำไม่ได้ ต้องร่วมมือกันเท่านั้น ถึงจะฝ่าไปได้ น้ำดี 140 ลิตร ไปรวมกับน้ำเสีย 70 ลิตร ของภูมิใจไทย พี่น้องกล้าดื่มไหม น้ำดีไปบวกกับน้ำเสียมันคือน้ำเสีย 

อานนท์ กล่าวต่อว่า อย่ามาพูดว่าพวกเราต้องไปมีอำนาจก่อน พวกเราเคยมีอำนาจแล้ว แต่ถ้าไม่เปลี่ยนโครงสร้างเราเปลี่ยนประเทศนี้ไม่ได้ ถ้าไม่ทำให้กฎอัยการศึกประกาศโดยพลเรือนหรือรัฐบาล ตัดทหารเกณฑ์ออก เอาทหารออกจากส่วนกลาง เลือกตั้งกี่ครั้งมันก็เกิดรัฐประหาร ต้องแก้ส่วนนี้เท่านั้น ถ้าปล่อยให้มีอำนาจแล้วไม่ทำอะไรเลย จะย้อนกลับไปวงจรอุบาทว์อีกครั้ง 

วันนี้เรารู้เท่ากันแล้ว ทุกคนตาสว่างแล้ว ไม่ต้องอภิปรายเรื่องสถาบันกษัตริย์หรือทหารอีกแล้ว เหลืออย่างเดียวคือทำให้คนเท่ากัน พวกเราจะต่อสู้ร่วมกันอีกครั้ง ตอนแรกผมคิดว่ามันจะจบภายใน 10-20 ปี แต่ตอนนี้ผมคิดแล้วว่ามันจะจบภายใน 4-5 ปี เพราะเมื่อปรากฏการณ์ปี 2563 ชุมนุมขึ้นมา พูดอภิปรายปัญหาของประเทศนี้อย่างถึงราก การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างแน่นอน   

"วันนี้เราชนะการเลือกตั้ง เราต้องชนะในการจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยให้ได้ ด้วยการคุมนักการเมืองอย่าให้แตกแถว เป็นน้ำที่กำหนดทิศทางเรือ" อานนท์ ทิ้งท้าย

ย้ำสามข้อเรียกร้อง ส.ว.ลาออก-8 พรรค ปชต. จับมือตั้ง รบ.-ไม่ลดเพดานนโยบาย

ต่อจากนั้น ตัวแทนพรรคอาทิตย์ใหม่ ได้ขึ้นอ่านแถลงการณ์ของพรรคอาทิตย์ใหม่ หนุนข้อเรียกร้องของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จำนวน 3 ข้อ ประกอบด้วย 

รายละเอียดแถลงการณ์

วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 เป็นวันลงมติรับเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 นับเป็นวันที่ประชาชนนั้นต่างเฝ้ารอและคาดหวังที่จะเห็น ว่าที่นายกรัฐมนตรีที่ได้รับการไว้วางใจจากเสียงข้างมากจากประชาชนชาวไทย แต่กระนั้น การกลั่นแกล้งทางกฎหมาย การตีความโดยไม่ชอบธรรม รวมถึงเหล่าสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากเผด็จการ คสช.นั้น แสดงให้เห็นว่าการผลิบานของประชาธิปไตยนั้นกลับมีเปลวไฟที่มิอาจผ่านไปได้เสียที และเหตุการณ์ดังกล่าวจบลงตามหมากที่เหล่าอำนาจนิยมได้วางเอาไว้

เจตจำนงของประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้กลับถูกบดขยี้ด้วยเหล่าสมาชิกวุฒิสภาผู้กินภาษีของประชาชน พวกเขาเหล่านี้กำลังพรากชีวิตของพวกเราไป พวกเขาเหล่านี้พยายามทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ และพวกเขาเหล่านี้พยายามทำให้พวกเราเชื่อว่าประชาธิปไตยจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว

ถ้าเป็นดังเช่นนี้แล้ว พวกเราในนามพรรคอาทิตย์ใหม่และประชาชนขอแสดงจุดยืนในการสนบัสนุนข้อเรียกร้องของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมทั้งหมด 3 ประการที่มีต่อสมาชิกวุฒิสภาและพรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตยอันมีใจความ ดังต่อไปนี้

1. สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ขัดขวางและอนุมัติเจตจำนงของประชาชนด้วยการลาออกจากตำแหน่งวุฒิสภาโดยทันที

2. พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย 8 พรรคต้องธำรงซึ่งความสามัคคีอย่างเหนียวแน่น จับมือร่วมกันเพื่อรักษาความเป็นปึกแผ่นในพรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตยอย่างมั่นคง

3. พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย 8 พรรค ต้องยึดมั่นสัญญาข้อตกลงร่วมกัน และไม่ลดระดับสัญญาทางนโยบายใดๆ ที่ได้ให้ไว้แก่พี่น้องประชาชน

พรรคอาทิตย์ใหม่ จะขอยึดมั่นคำที่กล่าวไว้ว่า "ประชาชนคือเจ้าของประเทศ เกษตรศาสตร์คือภาษีของประชาชน" หลังจากนี้ จะเป็นวันที่นิสิตนักศึกษาและประชาชนจะไม่ยอมอดทนต่อการกระทำอันชั่วช้าที่เหยียบย่ำและดูถูก ไม่ว่าจะอยู่ในนฐานะใด ไม่ว่าจะอยู่แห่งไหน เราจะออกมาขับเคลื่อนและเรียกร้องสิทธิของเราในฐานะเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ออกมาแสดงออกร่วมกัน ออกมาเคลื่อนไหวพร้อมกัน อย่ารอให้เวลาที่จะอยู่ข้างเราโดยที่ยังนิ่งเฉย ขอให้ทุกคนออกมาสู้ด้วยแรงศรัทธา และเชื่อมั่นในความฝัน ความหวัง ที่จะเป็นประชาธิปไตยกลับมาเป็นของประชาชนอีกครั้ง

สมาชิกพรรคอาทิตย์ใหม่ ปราศรัยประกาศเกียรติคุณต่อศิษย์เก่าที่ปัจจุบันรับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา และขอตัดรุ่นพี่รุ่นน้องดังคำที่ว่า "KUไม่เอามึง" โดยสมาชิกวุฒิสภาที่เป็นศิษย์เก่า มก. ประกอบด้วย

1. วันชัย สอนสิริ

2. ประพันธ์ คูณมี

3. สมชาย ชาญณรงค์กุล

4. พิสิทธิ์ สิทธิสาร

5. ปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม

6. ปรัชญ์ชัย ใจชาญสุขกิจ

7. ธงชัย สาระสุข

8. วิชัย ทิตตภักดี

9. อดุลย์ แสงสิงแก้ว

10. ลักษณ์ วจนานวัช

เวลา 20.26 น. จากนั้นมีการแสดงดนตรีจากวงสามัญชน และผู้จัดการชุมนุม "ร่วมขจัด ส.ว.ใจทราม เพราะประชาชนคือเจ้าของประเทศ เกษตรศาสตร์คือภาษีของประชาชน” ประกาศยุติการชุมนุม

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net