Skip to main content
sharethis

'พีมูฟ' แถลงการณ์ตั้งคำถามถึงรัฐบาล 'เศรษฐา ทวีสิน' และการบังคับใช้กฎหมายจำกัดการชุมนุม ประกาศไปยังเครือข่ายประชาชนทั่วประเทศให้ร่วมกันออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิและสนับสนุนการชุมนุมโดยสงบ - ศาลแพ่งยกคำร้อง ชี้ ผกก.สน.ดุสิตไม่มีอำนาจยื่นขอให้สั่งพีมูฟหน้ายูเอ็นยุติการชุมนุม

6 ต.ค. 2566 เพจขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม P-move เผยแพร่ แถลงการณ์ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เรื่อง คำถามถึงรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และการบังคับใช้กฎหมายจำกัดการชุมนุม ระบุว่าสืบเนื่องจากการปรากฏข่าวว่าผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อให้กลุ่มพีมูฟยุติการชุมนุม ซึ่งภายหลังศาลยกฟ้องนั้น อย่างไรก็ตามการดำเนินการเช่นนี้ของตำรวจแสดงให้เห็นถึงเจตนาในการดำเนินการตามกฎหมายกับชาวบ้าน ซึ่งอาจนำไปสู่การสลายการชุมนุมตามที่พวกเราเครือข่ายประชาชนห่วงกังวลได้

ที่ผ่านมาเรายืนยันว่าเราได้เจรจากับรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอเชิงนโยบายทั้ง 9 ด้าน และอีกทางหนึ่งคือการเจรจาเพื่อให้รัฐบาลไม่บังคับใช้มาตรการทางกฎหมายกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาเรียกร้องการแก้ไขปัญหา ดังที่เคยเกิดภาพความรุนแรงและการละเมิดสิทธิในการแสดงออกในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดุสิตก็ได้ยืนยันกับเราเสมอมาว่าเข้าใจว่ามีการเจรจากันแล้วในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันว่าตนได้รับอำนาจเต็มจาก เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องแล้ว

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทำให้พวกเราพีมูฟไม่สบายใจ และจำเป็นต้องตั้งคำถามถึงท่าทีของรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ว่ามีความจริงใจในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนคนยากคนจนจริงหรือไม่ เมื่อทางหนึ่งรัฐบาลก็พยายามเปิดการเจรจากับประชาชน แต่อีกทางหนึ่งก็ยังใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อควบคุมเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนเช่นเดิม

เรายืนยันว่า เราชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน การชุมนุมของเรานั้นเกิดขึ้นจากปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และได้เรียกร้องการแก้ไขปัญหามาหลายรัฐบาล เมื่อนโยบายของรัฐบาลมีแนวโน้มจะสร้างผลกระทบต่อประชาชน เราจึงมีความชอบธรรมในการออกมาใช้สิทธิเสรีภาพของเรา ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ และการใช้กฎหมายพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 นั้น ควรเป็นไปเพื่อการเอื้ออำนวยและคุ้มครองสิทธิในการชุมนุมโดยสงบของประชาชน มิใช่ใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมและปราบปรามประชาชนเหมือนรัฐบาลเผด็จการที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลจะต้องมีคำอธิบายให้กับประชาชนว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่การเจรจากำลังไปได้ดี และทุกท่านก็รับปากว่าจะไม่ใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการกับพวกเรา

ทั้งนี้ เราขอประกาศไปยังเครือข่ายประชาชนทั่วประเทศที่จับตาการเคลื่อนไหวของพวกเรา ให้ร่วมกันออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิ และสนับสนุนการชุมนุมโดยสงบของกลุ่มพีมูฟนับแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 10 ตุลาคมนี้ และเรายืนยันว่าจะไม่ย้ายสถานที่ปักหลักชุมนุมเด็ดขาดแม้จะต้องเผชิญกับมาตรการทางกฎหมายที่ละเมิดสิทธิรวมถึงการกดดันจากเจ้าหน้าที่หลังจากนี้

พีมูฟทวงสิทธิ สร้างอำนาจกำหนดชีวิตประชาชน
6 ต.ค. 2566
ณ ประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล

ศาลแพ่งยกคำร้อง ชี้ ผกก.สน.ดุสิตไม่มีอำนาจยื่นขอให้สั่งพีมูฟหน้ายูเอ็นยุติการชุมนุม

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2566 ว่าจากกรณีที่พีมูฟไม่แก้ไขการชุมนุมตามประกาศเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ ตามที่ผู้กำกับสน.ดุสิตได้มาเจรจาในช่วงวันที่ 2-4 ต.ต. 2566 ประกอบกับกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีคำสั่งที่ 409/2566 ลงวันที่ 2 ต.ค.2566 เรื่อง ประกาศห้ามชุมนุมสาธารณะในรัศมีไม่เกิน 50 เมตร รอบทำเนียบรัฐบาล ตามมาตรา 7 วรรคท้ายแห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 จึงขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายกลับไปจัดการชุมนุมที่บริเวณหน้าองค์การสหประชาชาติ (UN) แต่ทางพีมูฟยังคงยืนยันปักหลักชุมนุมที่เดิม สน.ดุสิตจึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม

เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา มีความคืบหน้ากรณีผู้กำกับ สน.ดุสิตยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง คือ ในคดีหมายเลขแดงที่ ชส 4/2566 มีคำสั่งโดยสรุปได้ว่า ในกรณีที่เป็นการชุมนุมสาธารณะที่ต่อเนื่องหลายพื้นที่ ให้ผู้บังคับการหรือผู้บัญชาการตำรวจซึ่งรับผิดชอบพื้นที่การชุมนุม แล้วแต่กรณี เป็นเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ ตามมาตรา 19 วรรคสอง เมื่อปรากฏว่าการชุมนุมสาธารณะดังกล่าวเป็นการชุมนุมสาธารณะที่ต่อเนื่องหลายพื้นที่ระหว่างสน.ดุสิต ดังนั้นผู้มีอำนาจยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อมีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมสาธารณะคือ ผู้บังคับการหรือผู้บัญชาการตำรวจซึ่งรับผิดชอบพื้นที่การชุมนุมแล้วแต่กรณี และผู้ร้องเป็นผู้กำกับสน.ดุสิต มายื่นคำร้องขอต่อศาล โดยไม่ปรากฏว่ามีการมอบอำนาจหรือได้รับมอบหมายจากผู้บังคับการหรือผู้บัญชาการตำรวจ แล้วแต่กรณี ตามมาตรา 19 วรรคสอง

ดังนั้นผู้ร้องจึงไม่อำนาจยื่นคำร้อง เรื่องอำนาจฟ้องร้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net