Skip to main content
sharethis

โฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยผู้มีสิทธิจะสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งในเดือนธันวาคม 2566 จะได้รับสิทธิ วงเงินซื้อสินค้า ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม ค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ เป็นต้น

6 ธ.ค.2566 กรมบัญชีกลาง รายงานว่า ทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ผู้มีสิทธิจะสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งในเดือนธันวาคม 2566 จะได้รับสิทธิ ดังนี้

วันที่ 1 ธันวาคม 2566 (เป็นวงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)

- วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน

**สำหรับผู้มีสิทธิที่ยืนยันตัวตนวันที่ 27 ตุลาคม - 26 พฤศจิกายน 2566 และเริ่มใช้สิทธิได้วันที่ 1 ธันวาคม 2566 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง ยกเว้น ผู้ผ่านสิทธิรอบอุทธรณ์ (เพิ่มเติม) ครั้งที่ 2 จะได้รับการทบสิทธิวงเงินค่าซื้อสินค้า 8 เดือน (ของเดือนเมษายน – พฤศจิกายน 2566) รวมจำนวน 2,400 บาท

- วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (ตุลาคม - ธันวาคม 2566)

- วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL/EBM) และรถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ

วันที่ 6 ธันวาคม 2566 (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของ ผู้มีสิทธิหรือบัญชีเงินฝากธนาคารร่วมกับบุคคลอื่นหรือบัญชีบุคคลอื่น ที่ผู้มีสิทธิได้ยื่นหนังสือให้ความยินยอมไว้แล้ว) ที่กรมบัญชีกลางหรือสำนักงานคลังจังหวัด

- เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ในอัตรา 100 บาทต่อเดือน (ตั้งแต่เดือนเมษายน - กันยายน 2566) เฉพาะรายการแก้ไขการโอนเงินไม่สำเร็จ และผู้มีสิทธิที่ยืนยันตัวตนเพิ่มเติม

**สำหรับผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เกิดก่อนวันที่ 1 กันยายน 2506 และยืนยันตัวตน (e-KYC) ภายในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 ผูกบัญชีพร้อมเพย์ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566

วันที่ 20 ธันวาคม 2566 (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ของผู้มีสิทธิ หรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท)

- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน

**สำหรับผู้มีสิทธิที่เป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน ที่ยืนยันตัวตนวันที่ 27 ตุลาคม - 26 พฤศจิกายน 2566 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง ยกเว้น ผู้ผ่านสิทธิรอบอุทธรณ์ (เพิ่มเติม) ครั้งที่ 2 จะได้รับการทบสิทธิเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ (ของเดือนเมษายน – พฤศจิกายน 2566) ตามเดือนที่ได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท

 

“ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 0 2109 2345 หรือ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 ในวัน เวลาราชการ” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net