Skip to main content
sharethis

กกต. เผยเตรียมประกาศรับรอง 'ชาญ - ปทุมรักไทย' ภายใน 30 วันหากไม่มีข้อร้องเรียน และ 60 วันกรณีมีผู้ร้องเรียน

 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง 2 ตัวเต็ง คือ ชาญ พวงเพ็ชร์ จากกลุ่มปทุมรักไทย ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย และ คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตนายก อบจ.ปทุมธานี แชมป์เก่า ที่ชิงประกาศลาออกก่อนหมดวาระ

โดยเมื่อ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้ประกาศผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี อย่างไม่เป็นทางการ โดยมีรายละเอียดดังนี้

สำนักงาน กกต. ระบุว่า จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในปทุมธานี 949,421 ราย แต่มีผู้มาใช้สิทธิจำนวน 471,536 ราย หรือคิดเป็น 49.77 เปอร์เซ็นต์

อันดับ 1 ชาญ พวงเพ็ชร์ จากปทุมรักไทย ผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี เบอร์ 1 ได้คะแนน 203,032 คะแนน

อันดับ 2 คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี เบอร์ 3 ได้คะแนนทั้งสิ้น 201,212 คะแนน

อันดับ 3 นพดล ลัดดาแย้ม ผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี เบอร์ 4 ได้คะแนน 16,983 คะแนน

อันดับ 4 อธิวัฒน์ สอนเนย ผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี เบอร์ 2 ได้คะแนน 7,122 คะแนน

ขณะที่มีบัตรที่ไม่เลือกใคร จำนวน 32,855 คะแนน หรือคิดเป็น 6.96 เปอร์เซ็นต์

ป้องปราการ โสธรเทวาพิทักษ์ ผู้อำนวยการ กกต. จังหวัดปทุมธานี ระบุเมื่อ 2 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า หากไม่มีเรื่องร้องเรียนต่อ ชาญ พวงเพ็ชร์ จะมีการประกาศรับรองภายใน 30 วัน นับจากวันเลือกตั้ง แต่หากมีคำร้องเรียนก็จะประกาศผลเลือกตั้งภายใน 60 วัน

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

 

'ชาญ' อาจไม่ได้เป็นนายก อบจ.ปทุมฯ ?

วานนี้ (3 ก.ค.) เว็บไซต์ 'พีพีทีวี' รายงานว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า ชาญอาจจะไม่ได้เป็นนายก อบจ.ปทุมธานี หรือต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากตัวเขา และพวก กำลังถูกพิจารณาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ กรณีจัดซื้อถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดปทุมธานี จำนวน 2 ครั้ง เมื่อปี 2554 มูลค่านับล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งประทับฟ้องคดีนี้แล้ว และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล โดยจะมีการสืบพยานกลาง ก.ค. 2567

ขณะนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ 9 เสียง 'เห็นชอบ' ตามความเห็นคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า การกระทำของนายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จและรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151  มาตรา 157  และ มาตรา 162 (1), (4)

ประกอบมาตรา 91 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192

นอกจากนี้ ยังมีมูลความผิด ฐานละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 79

ขณะที่คณะกรรมการกฤษฏีกา ได้ให้ความเห็นทางกฎหมายตอบข้อหารือ กระทรวงมหาดไทย เรื่องการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารบริหารท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มีการให้ความเห็นว่า เมื่อศาลคดีอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้ประทับรับฟ้องในคดีอาญาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดผู้บริหารท้องถิ่นแล้ว ผู้บริหารท้องถิ่นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 93 อันเป็นการหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยผลของกฎหมาย ไม่ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะพ้นจากตำแหน่งและกลับมาดำรงดำแหน่งเดิมใหม่ โดยผู้กำกับดูแลมิต้องมีคำสั่งอีก แต่ผู้กำกับดูแลมีหน้าที่จะต้องดูแลให้มีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

นอกจากคดีดังกล่าวแล้ว ชาญ พวงเพ็ชร์ เคยปรากฏชื่อเป็น 1 ใน 5 นายก อบจ. ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ลงนามในคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 35/2560 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9 ซึ่งเป็นเหตุทำให้ต้องถูกระงับการปฏิบัติราชการ หรือหน้าที่เป็นการชั่วคราว เพื่อเข้าสู่กระบวนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนจากหน่วยงานต้นสังกัดเป็นทางการ

โดยกรณีดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการตั้งงบประมาณจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย เมื่อช่วงปี 2555-2556 จำนวนหลายสัญญา ซึ่งถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบว่า มีการตั้งราคาจัดซื้อสูงเกินกว่าความเป็นจริงถึงกว่า 40 ล้านบาท และมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับไปดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่ามีการผลการไต่สวนหรือชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่รัฐรายใด

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net