Skip to main content
sharethis

กทม.รายงานผลการสืบสวนจัดซื้อเครื่องออกกำลัง พบซื้อแพงเกินจริง ตั้ง คกก.สอบสวนวินัยร้ายแรงใน 120 วัน  หลังสอบสวนกรณีต้องดำเนินคดีอาญาจะส่งให้ป.ป.ช.ดำเนินการ ส่วนในทางละเมิดกรณีซื้อแพงเกินจริงทำ กทม.เสียหายจะให้รับผิดชอบส่วนต่าง

30  ก.ค.2567 แฟนเพจกรุงเทพมหานคร ลงรายงานผลการตรวจสอบเรื่องการทุจริตของกรุงเทพมหานครกรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายสำหรับศูนย์กีฬาและศูนย์นันทนาการของกรุงเทพมหานครจำนวน 7 โครงการ โดยผู้แถลงคือ ณัฐพงศ์ ดิษยบุตร รองปลัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริตของกรุงเทพมหานคร (ศตท.กทม.)

ณัฐพงศ์ กล่าวว่าจากการสืบสวนทั้งพยานบุคคลและเอกสารพบว่า มีการจัดซื้อแพงเกินจริงและสูงกว่าราคาที่เคยจัดซื้อในปีก่อน และสูงกว่าราคาต้นทุนรวมค่าดำเนินการเป็นอย่างมาก ซึ่งรายละเอียด TOR พบว่ามีข้อกำหนดที่ไม่เปิดกว้างให้มีการเข้าเสนอราคาได้อย่างเท่าเทียม เช่น กำหนดคุณสมบัติของเครื่องออกกำลังที่เกินความจำเป็นเช่น เพิ่มกำลังแรงม้า เพิ่มโปรแกรมออกกำลัง เพิ่มการรองรับน้ำหนัก และจอแสดงผลระบบสัมผัส ไปจนถึงมีการกำหนดจำนวนสัญญากับภาครัฐในระยะเวลาจำนวนปี

รองปลัด กทม.ระบุว่าจากการตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อรวม 25 ราย และปลัด กทม.ได้มีการสั่งย้ายผู้บริหารที่เกี่ยวกับกระบวนการจัดซื้อทั้ง 7 โครงการไปปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักงานปลัด กทม.แล้ว

7 โครงการที่สืบสวนแล้วเสร็จ ประกอบด้วย

  1. โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกายสำหรับศูนย์นันทนาการ สังกัดสำนักงานนันทนาการและส่งเสริมการเรียนรู้ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
  2. โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถนะทางกาย 16 รายการ สำหรับศูนย์นันทนาการ สังกัดสำนักงานนันทนาการและส่งเสริมการเรียนรู้ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
  3. โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถนะทางกาย 21 รายการ สำหรับศูนย์กีฬาอ่อนนุช ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
  4. โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถนะทางกาย 21 รายการ สำหรับศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
  5. โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถนะทางกาย 10 รายการ สำหรับศูนย์กีฬามิตรไมตรี ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
  6. โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถนะทางกาย 11 รายการ สำหรับศูนย์กีฬาวชิรเบญจทัศ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
  7. โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถนะทางกาย 11 รายการ สำหรับศูนย์กีฬาวารีภิรมย์ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)

ส่วนกระบวนการหลังจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาผลการสืบสวนเพื่อเสนอผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงตาม ก.ก. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ.2565 ต่อไป และคณะกรรมการจะต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 120 วัน และพิจารณาลงโทษต่อไป และหากเป็นกรณีมีการจัดซื้อแพงเกินจริงทำให้ กทม.เสียหายก็จะมีการตั้ง คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 เพื่อให้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

เต็มสิริ เนตรทัศน์ ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (สำนักงาน ก.ก.) กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า หลังจากมีผลการสืบสวนแล้ว ก็จะมีการดำเนินการใน 3 ส่วน คือ

  1. การดำเนินคดีอาญาจะต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามกฎหมาย เนื่องจากกรุงเทพฯ ไม่มีอำนาจ
  2. การดำเนินการทางวินัยมีกำหนดระยะเวลา 120 วัน ขยายเวลาได้ 1 ครั้ง 60 วัน เพื่อให้โอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงและหาพยานหลักฐานมาแก้ต่างด้วย
  3. การดำเนินการทางแพ่ง คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจะพิจารณาหาผู้รับผิดมาคืนเงินแก่กรุงเทพมหานครต่อไป

เอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการดำเนินการของ กล่าวด้วยว่า การดำเนินงานของ ศตท.กทม.ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีคำสั่งไล่ออก/ปลดออกข้าราชการ จำนวน 29 ราย แบ่งเป็นกรณีเข้าข่ายทุจริตและประพฤติมิชอบ 12 ราย ได้แก่ ทุจริตเรียกรับสินบน 6 ราย ทุจริตไม่นำส่งเงิน 3 ราย และทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง 3 ราย  ส่วนอีก 17 ราย เป็นกรณีผิดวินัยอย่างร้ายแรงอื่น เช่น ขาดงานเกิด 15 วัน ละเมิดทางเพศผู้เรียน ลอกเลียนผลงาน ยาเสพติด ปลอมเอกสาร หลอกลวงนำเงินไปลงทุน

เอกวรัญญู ระบุด้วยว่าจากนโยบายของกรุงเทพฯ มีการตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการบริหารการงบประมาณให้มีประสิทธิภาพมาดูแลเรื่องงบประมาณ มีการเปิดเผยข้อมูลแบบ Open Data ให้ประชาชนร่วมตรวจสอบได้ มีการนำ ACT Ai มาช่วยตรวจสอบ มีการเตรียมทีมทำราคากลางเรื่องการจัดซื้อเครื่องออกกำลัง รวมถึงมีการตั้ง ศตท.กทม.

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net