สส.กระบี่ ขอรัฐเร่งรัดงบฯ ซ่อมแซมเขื่อนกั้นคลื่นบนเกาะพีพี หลังพังทลายจากพายุลมหัวนอน ชี้ต้องออกแบบให้เหมาะสม พร้อมจี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าโครงการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะลันตา

เว็บไซต์สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมาว่านายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แถลงข่าวกรณีเกิดเหตุคลื่นลมแรงซัดเข้าหาฝั่ง ทำให้เขื่อนกั้น ตั้งแต่ทางเดินท่าเทียบเรือถึงด้านหน้าโรงพยาบาลเกาะพีพี หมู่ที่ 7 อำเภอเมือง ได้รับความเสียหายเป็นแนวยาว เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมาว่าเขื่อนกั้นดังกล่าวก่อสร้างโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ตั้งแต่หลังเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อปี 2549 และถูกคลื่นกัดเซาะมาตลอด ทำให้ทรุดโทรม เกิดการเอนเอียง ดังนั้น เมื่อเกิดพายุคลื่นรุนแรง หรือลมหัวนอน จึงทำให้เขื่อนพังทลาย ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ไม่มีงบประมาณเพียงพอในการซ่อมแซม จึงต้องการเรียกร้องไปยังรัฐบาลในการจัดสรรงบประมาณของปี 2567 ที่เหลือจ่ายมาดำเนินการซ่อมแซมและออกแบบให้มีความคงทนสวยงาม
         
นอกจากนี้ นายสฤษฏ์พงษ์ ยังกล่าวถึงโครงการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะลันตาที่มีความล่าช้า ว่าเดิมรัฐบาลที่แล้ว ให้ใช้งบประมาณในส่วนเงินกู้ภายในประเทศดำเนินโครงการฯ วงเงิน 1,800 ล้านบาท เป็นเงินกู้ 70% ต่อมากระทรวงการคลัง เห็นว่าควรไปรวมกับงบประมาณโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบจากพัทลุงไปสงขลา วงเงิน 4,800 ล้านบาท ใช้เงินกู้ 70% เช่นกัน ทำให้ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีใหม่ เป็นเหตุให้ล่าช้า ซึ่งการขอเงินกู้ต่างประเทศจากธนาคารโลก (World bank) ที่ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว แต่มีข้อสังเกตว่าบริเวณที่จะก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบจากพัทลุงไปสงขลา พบมีฝูงโลมาอิรวดี 14 ตัว ให้อนุรักษ์อย่างเป็นรูปธรรม จึงจะให้เงินกู้ โดยตนเห็นว่าไม่เกี่ยวกับการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะลันตาเลย แต่กลับจะถูกรวมหนี้ไปด้วย ทั้งนี้ จึงต้องการให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ต้องดำเนินการเรื่องนี้ เร่งรัดเสนอไปยังธนาคารโลก เพื่อให้โครงการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะลันตาสามารถเดินหน้าได้โดยเร็ว