หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 (ฉก.ทพ.46) แจงกรณีกิจกรรมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังเพจเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ เผยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยึดรูปภาพ ผู้รู้ทางศาสนา ธงชาติปาเลสไตน์ - 'กัณวีร์' ย้ำสิทธิเสรีภาพทั่วโลกแสดงออกได้

8 ก.ย. 2567 ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า รายงานว่าจากกรณีที่มีการแชร์วีดีโอ เจ้าหน้าที่ทหารพรานขอความร่วมมือเข้าไปเก็บป้ายรูปภาพ และป้ายสัญลักษณ์ของกลุ่มเยาวชนที่ร่วมขบวนพาเหรด การจัดกิจกรรมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น เมื่อช่วงเช้า วันที่ 7 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา

หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ขอชี้แจงข้อเท็จจริงให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ ดังนี้

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีชื่อว่า กิจกรรมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ 2567 ก่อนจัดกิจกรรมมีการจัดการประชุม โดยมี นายมาหะมะ  ลาเต๊ะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสะตอ เป็นประธาน พร้อมทั้งชาวตำบลโคกสะตอและคณะกรรมการจัดกิจกรรม เพื่อประชุมและหารือ ได้มีมติตกลงกันไว้ว่า ในการเดินขบวนพาเหรดในพิธีเปิดกิจกรรม จะต้องแสดงออกถึงประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นเท่านั้น ต้องไม่มีการแสดงออกถึงสัญลักษณ์ที่สื่อออกไปนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเป็นการส่งเสริมถึงความสามัคคีตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินการของกิจกรรม

ทั้งนี้ทางคณะกรรมการจัดงานโดย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสะตอ ได้เชิญผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 4 อำเภอ ในจังหวัดนราธิวาส ได้แก่ อำเภอศรีสาคร อำเภอยี่งอ อำเภอจะแนะ และอำเภอรือเสาะ ซึ่งก่อนเริ่มกิจกรรม ตัวแทนทุกอำเภอได้มีการลงทะเบียน และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีการแสดงสัญลักษณ์ที่สื่อออกไปนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ของการจัดงาน แต่มีเพียงเยาวชนบางกลุ่ม ได้เดินทางมาล่าช้า ไม่ผ่านลงทะเบียน และได้มีความตั้งใจ ที่จะฝ่าฝืนกฎเกณฑ์การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ คณะกรรมการจัดกิจกรรมได้ตรวจพบกลุ่มเยาวชนเหล่านี้ที่ได้ทำผิดวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม และได้แจ้งทางเจ้าหน้าที่ทหารพรานให้ทราบ เนื่องจากคณะกรรมการ ได้ให้การต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ประธานในพิธีฯ อยู่ในขณะนั้น ทางคณะกรรมการจึงขอความร่วมมือให้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารพรานเข้าไปชี้แจงต่อกลุ่มเยาวชนให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน โดยทางผู้ควบคุมกลุ่มเยาวชนได้ขอฝากรูปภาพ และธงชาติปาเลสไตน์ ไว้กับเจ้าหน้าที่ และเมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมแล้วจะมารับคืนในภายหลัง จึงทำให้เกิดเป็นประเด็นทางสื่อออนไลน์ขึ้นมา ทางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 มิได้มีเจตนา เข้าไปละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกในที่สาธารณะ เพียงแค่หน่วยทำตามวัตถุประสงค์ของผู้จัดงานเพื่อให้การดำเนินงานกิจกรรมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

'กัณวีร์' ห่วงยึดธงปาเลสไตน์-รูปผู้นำศาสนา ย้ำสิทธิเสรีภาพทั่วโลกแสดงออกได้

8 ก.ย. 2567 มติชนออนไลน์ รายงานว่านายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวว่า ตนเองขอร่วมแสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ที่หน่วยงานกองกำลังทหารพรานพื้นที่ ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ยึดธงปาเลสไตน์ในขบวนพาเหรดชุมชนมุสลิมและยึดรูปผู้นำศาสนาที่เยาวชนใช้ในกิจกรรมดังกล่าว

นายกัณวีร์ ระบุว่า กรณีที่ทหารพรานได้แจ้งว่าการเดินขบวนพาเหรดของเยาวชนที่ชูรูปอูลามาอ์ขัดกับวัตถุประสงค์ของการจัดงานสืบสานประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นนั้น คงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ยังทบทวนกันไม่กระจ่างของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ที่ไม่เข้าใจบริบทที่สำคัญและละเอียดอ่อนอันนี้

นายกัณวีร์ กล่าวว่า ปัญหาในเขตพื้นที่ปาเลสไตน์ที่ประชาคมโลกกล่าวประณามการใช้ความรุนแรงฆ่าฟันประชาชนผู้บริสุทธิ์ในขณะเหตุการณ์ความรุนแรงทางทหารและสงครามที่เกิดขึ้น และโดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดเป็นพี่น้องมุสลิมด้วยแล้ว จึงทำให้พี่น้องมุสลิมทั่วโลกจึงมีความรู้สึกร่วมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เราเห็นครับว่าพี่น้องมุสลิมทั่วโลกเดินขบวนเรียกร้องความยุติธรมให้เกิดขึ้นและเรียกร้องการยุติความรุนแรงที่มีผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ในปาเลสไตน์ การเดินขบวนเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนการเรียกร้องที่มีทั่วทุกมุมโลก จึงถือเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกที่ไม่ได้ส่อเสียดถึงการกระทำใดๆ ที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง”

นายกัณวีร์ กล่าวว่า ในทางตรงกันข้ามแสดงถึงจุดยืนด้านสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม ที่ร้องขอให้เกิดสันติภาพ ยุติการใช้ความรุนแรง และยึดหลักการด้านสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมในการดูแลและปกป้องพี่น้องผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นการกระทำใดๆ ที่หักล้างต่อการแสดงจุดยืนดังกล่าวจึงถือว่าเป็นการริดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานในการใช้เสรีภาพทางความคิดและการแสดงออก (Freedom of Opinion and Expression-FOE)

“หรือนี่คือผลสะท้อนของนโยบายที่รัฐบาลที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 12 ก.ย. นี้ที่แถลงว่าไทยจะไม่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างประเทศ”

นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง ไทยจะลำบาก เพราะนี่จะเท่ากับการที่ไทยหันหลังอย่างไม่มีเยื่อใยต่อหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมที่ไม่มองถึงความสำคัญในการให้ความคุ้มครองระหว่างประเทศต่อผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบในภาวะสงคราม และที่มากไปกว่านั้นมันเป็นการแสดงออกว่าไทยไม่ได้เคารพต่อกฎหมายระหว่างประเทศด้านมนุษยธรรมที่ปกป้องคุ้มครองประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงครามนั่นเอง

“จะได้เจอกันในรัฐสภาครับท่านนายกรัฐมนตรีและ ครม.ชุดใหม่ จะขออภิปรายเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมในสังคม และเพื่อลดเงื่อนไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอให้เตรียมพร้อมตอบกันให้ได้นะครับ” นายกัณวีร์ กล่าวทิ้งทาย