Skip to main content
sharethis

ฮ่องกงฟรีเพรส เผย6 เดือนที่ผ่านมา หลังฮ่องกงออกกฎหมายความมั่นคงใหม่ฉบับใหม่ “มาตรา 23” พบว่ามีการใช้กฎหมายนี้จับกุมเอาผิดประชาชนจากการการสวมเสื้อยึด, พ่นสีกราฟฟิตี้รถเมล์ หรือโพสต์โซเชียลมีเดีย ฯลฯ ด้วย “เจตนาปลุกระดม” มีคนถูกจับกุมไปแล้วกว่า 303 กรณี

 

26 ก.ย. 2567 นับตั้งแต่ที่มีการออกกฎหมายเทศบัญญัติความมั่นคงฮ่องกง หรือมาตรา 23 เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ก็มีคนถูกสั่งลงโทษจำคุกด้วยข้อหานี้แล้วอย่างน้อย 3 ราย ซึ่งคำตัดสินลงโทษดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา

คนที่ถูกตัดสินเป็นคนแรกคือ ชูไคปอง ถูกตัดสินให้มีความผิดฐาน "กระทำการโดยมีเจตนาปลุกระดมหรือด้วยเจตนาปลุกระดม" ตามเทศบัญญัติรักษาความมั่นคงฮ่องกงหรือมาตรา 23 โดยมีคำสั่งลงโทษจำคุก 1 ปี 2 เดือน และในวันเดียวกัน (19 ก.ย. 2567) อีกสองชั่วโมงถัดมา ก็มีการตัดสินลงโทษจุงแมนกิทด้วยข้อหาแบบเดียวกันโดยที่เขาได้รับโทษจำคุก 10 เดือน

ในวันที่ 20 ก.ย. 2567 อู๋กินไวถูกตัดสินจำคุก 1 ปี กับอีก 2 เดือน จากความผิดข้อหา "ตีพิมพ์เผยแพร่สิ่งพิมพ์ด้วยเจตนาปลุกระดมโดยรู้อยู่ก่อนหน้า"

คำตัดสินเหล่านี้ทำให้ ชูไคปอง, จุง และอู๋ กลายเป็น 3 คนแรกที่ถูกตัดสินต้องโทษจำคุกภายใต้กฎหมายมาตรา 23 ของฮ่องกงที่ออกมาเมื่อวันที่ 23 มี.ค.2567 โดยถูกมองว่าเป็นการเร่งผ่านกฎหมายนี้อย่างรวดเร็วด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ในสภานิติบัญญัติของฮ่องกง โดยไม่มีฝ่ายค้าน

กรณีของชูไคปองเขาถูกคุมขังตั้งแต่รอพิจารณาคดีแล้ว หลังจากที่เขาถูกดำเนินคดีเนื่องจากสวมใส่สัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงเมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นการประท้วงของฝ่ายประชาธิปไตย ชูไคปองได้สวมใส่หน้ากากสีเหลืองที่มีข้อความมระบุว่า "FDNOL." ซึ่งเป็นตัวย่อของวลีที่ว่า "Five Demands, Not One Less" (5 ข้อเรียกร้อง ไม่น้อยไปกว่านั้น) อันเป็นหนึ่งในคำขวัญของการประท้วงปี 2562

เทศบัญญัติรักษาความมั่นคงแห่งชาติ หรือมาตรา 23 เป็นกฎหมายที่สภานิติบัญญัติของฮ่องกงบังคับใช้เพิ่มเติมจากเดิมที่มีกฎหมายความมั่นคงจากจีนฉบับปี 2563 อยู่แล้ว โดยกฎหมายมาตรา 23 นี้ มุ่งปราบปรามการกระทำทรยศชาติ, การก่อกบฏ, การก่อวินาศกรรม, การแทรกแซงจากต่างชาติ, กาปลุกระดม, การจารกรรมความลับของรัฐ กฎหมายนี้เคยมีประวัติมานานแล้ว แต่ก็ถูกพับไปเมื่อปี 2546 ตอนที่มีการประท้วงใหญ่ และกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากพูดถึงเป็นเวลาหลายปี แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาทางการฮ่องกงที่มีอิทธิพลของจีนได้รื้อฟื้นกฎหมายนี้กลับมาอีกครั้งหลังจากที่มีการประท้วงต่อต้านอำนาจจีนเมื่อปี 2563 โดยทางการอ้างว่าเพื่อ "อุดช่องโหว่" ของกฎหมาย ป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งที่เป็นการแทรกแซงจากต่างชาติ

หลังผ่านร่างบังคับใช้ครั้งใหม่กฎหมายฉบับนี้ก็ถูกวิจารณ์จากทั้งเอ็นจีโอ, ชาติตะวันตก และสหประชาชาติ เกี่ยวกับความกำกวมของเนื้อหา สามารถตีความได้กว้างและมีลักษณะ "อำนาจนิยมที่ล้าหลัง"

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

 

มีใครที่โดนจับกุม ดำเนินคดี และลงโทษด้วยมาตรา 23 ของฮ่องกงแล้วบ้าง

สื่อฮ่องกงฟรีเพรสได้ทำการรวบรวมข้อมูลพบว่าจนถึงวันที่ 22 ก.ย.2567 มีคนที่ถูกจับกุมด้วยกฎหมายมาตรา 23 ไปแล้วอย่างน้อย 14 ราย ทุกคนเผชิญข้อกล่าวหาเรื่องปลุกระดมทั้งหมด กรณีที่ถูกจับกุมรายแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้คนรวม 6 รายด้วยข้อหา "กระทำความผิดโดยมีความเกี่ยวข้องกับเจตนาปลุกระดม" หนึ่งในนั้นคือ เจาหั่งตุง นักกิจกรรมผู้ร่วมจัดงานรำลึกเหตุปราบปรามผู้ชุมนุมเทียนอันเหมินปี 2532

กลุ่มแรกที่ถูกจับกุมนี้ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ในกลุ่มของเฟซบุ๊กเรียกร้องให้มีการสนับสนุนเจาผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 โดยที่ทางการอ้างว่าเจาฝ่าฝืนกฎหมายความมั่นคงฉบับของจีน

ทางการฮ่องกงอ้างว่าบุคคลทั้ง 6 รายที่ถูกจับกุมนี้อาศัย "วันที่มีความอ่อนไหวที่กำลังจะมาถึง" ในการยุยงปลุกระดมความเกลียดชัง ซึ่งวันที่อ่อนไหวที่ว่านี้น่าจะหมายถึงวันรำลึกเทียนอันเหมิน 4 มิถุนายน เพราะจีนต้องการจะลบเลือนประวัติศาสตร์การปราบปรามผู้ชุมนุมเทียนอันเหมิน

นอกจากบุคคล 6 รายที่กล่าวไปแล้ว ต่อมา ทางการฮ่องกงก็จับกุมคนเพิ่มอีก 2 ราย โดยอ้างว่าต้องสงสัยว่าพวกเขาจะกระทำความผิดในแบบเดียวกัน หลังจากนั้นทางการก็อนุญาตให้ประกันตัวบุคคล 7 รายยกเว้นเจาโดยไม่ตั้งข้อหาพวกเขา

เจาหั่งตุงมักจะเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดรำลึกเหตุการณ์การปราบปรามผู้ชุมนุมจัตุรัสเทียนอันเหมินขึ้นในฮ่องกง จนกระทั่งในช่วงที่มีการระบาดหนักของโควิด-19 ตำรวจฮ่องกงก็ห้ามไม่ให้จัดงานโดยอ้างเรื่องโรคระบาด จนกระทั่งในปี 2564 ตำรวจก็แบนการจัดงานนี้รวมถึงจับกุมกลุ่มผู้จัดงานอย่าง อัลเบิร์ต โฮ, ลีเชิกยัน และเจาหั่งตุง โดยอ้างข้อหาต้องสงสัยยุยงให้เกิดการบ่อนทำลาย จากกฎหมายความมั่นคงฉบับของจีน

ถัดจากกรณีของ 8 คนแรกที่ถูกจับกุมด้วยมาตรา 23 ก็มีผู้ถูกจับกุมรายที่ 9 ในวันเดียวกับวันรำลึกเทียนอันเหมิน คือหญิงอายุ 68 ปีที่สื่อฮ่องกงมักจะเรียกว่า อเล็กซานดรา "คุณยาย" หว่องผู้ที่เป็นนักกิจกรรมอาวุโสผู้มีประสบการณ์ เธอถูกจับกุมเพราะตะโกนคำขวัญที่ย่านคอสเวย์เบย์ ใกล้กับแหล่งที่มักจะใช้จัดงานรำลึกเทียนอันเหมิน มีการตั้งข้อหาเธอว่าต้องสงสัยปลุกระดม แต่ก็ได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมาโดยไม่ตั้งข้อหาหลังจากที่เธอได้รับการประกันตัว

ในวันที่ 12 มิ.ย.2567 ซึ่งเป็นวันครบรอบเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจในการชุมนุมปี 2562 เป็นวันที่ชูไคปองถูกจับกุมด้วยสาเหตุที่กล่าวถึงไปแล้ว ทำให้เขากลายเป็นผู้ถูกจับกุมเป็นรายที่ 10 จากการอ้างใช้กฎหมายมาตรา 23

ในวันที่ 21 มิ.ย.2567 มีข่าวเปิดเผยออกมาเรื่องการจับกุมชาวฮ่องกงด้วยกฎหมายมาตรา 23 เป็นรายที่ 11 ซึ่งก็คือกรณีของอู๋กินไวถึงแม้ว่าทางการจะไม่ได้บอกว่าจับกุมเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ สาเหตุที่อู๋ถูกจับกุมมาจากโพสต์ในโซเชียลมีเดียข้อความระบุว่า "การปฏิวัติไม่ใช่อาชญากรรม การกบฏนั้นชอบธรรม" ซึ่งเป็นคำขวัญที่ใช้ตั้งแต่ในยุคสมัยปฏิวัติวัฒนธรรมจีน

จุงแมนกิทเป็นคนที่ 12 ที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา ด้วยข้อหาแบบเดียวกับคนอื่นๆ ซึ่งจุงถูกจับจากการพ่นกราฟิตี้บนที่นั่งรถเมล์เป็นคำขวัญการประท้วงปี 2562 ระบุว่า "ปลดปล่อยฮ่องกง การปฏิวัติในช่วงเวลาของพวกเรา" และอีกคำขวัญที่สื่อในเชิงเรียกร้องเอกราชฮ่องกงคือ "เอกราชของฮ่องกง คือทางออกเดียว"

การจับกุมในกรณีที่ 13-14 นั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา มีการจับกุมชายอายุ 41 ปี และหญิงอายุ 28 ปี ด้วยข้อหา "เจตนาปลุกระดม" คดีนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายของศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยซิตี้ฮ่องกง โดยมีการเผยแพร่รูปแคปหน้าจอสิ่งที่ดูเหมือนจดหมายลาตายของศาสตราจารย์ท่านนี้ ซึ่งเป็นรูปที่มีการแพร่กระจายไปทั่วและถูกตีความว่าการเสียชีวิตของเขาเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในฮ่องกงนับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา

สื่อฮ่องกงอ้างว่าผู้หญิงที่ถูกจับกุมเป็นผู้ทำปลอมจดหมายลาตายขึ้นมาเอง ส่วนชายที่ถูกจับกุมต้องสงสัยว่าเป็นผู้ที่วางโคมรำลึกถึงผู้ตายทั่วฮ่องกง ทั้งสองคนถูกปล่อยตัวหลังได้รับการประกันตัวโดยไม่มีการตั้งข้อหาแต่ถูกให้ไปรายงานตัวกับตำรวจปลายเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

ถึงแม้ว่าจะมีอย่างน้อย 14 กรณีที่ถูกจับกุมในฐานะผู้ต้องสงสัยฝ่าฝืนมาตรา 23 เท่าที่สื่อได้รับรู้ แต่หน่วยงานความมั่นคงทางการฮ่องกงเองได้เปิดเผยจำนวนตัวเลขผู้ถูกจับกุมจากมาตรา 23 นับตั้งแต่ที่บังคับใช้กฎหมายมาจนถึงวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา รวมแล้ว 303 กรณี

มีผู้ถูกดำเนินคดีจากมาตรา 23 ไปแล้วกี่ราย

ฮ่องกงฟรีเพรสได้บันทึกข้อมูลไว้ว่ามีกรณีผู้ถูกดำเนินคดีจากมาตรา 23 รวมแล้ว 3 ราย คือกรณี ชูไคปอง, จุง และอู๋พวกเขาถูกลงโทษจำคุกตั้งแต่ระหว่าง 10-14 เดือน อย่างไรก็ตามภายใต้กฎหมายมาตรา 23 มีการกำหนดให้นักโทษจากคดีเหล่านี้มีโอกาสได้รับการปล่อยตัวเร็วขึ้นโดยจะถูกลดโทษลง 1 ใน 3 ถ้าหากมีความประพฤติที่ดี

หลังจากที่มีการตัดสินลงโทษจำคุกชูไคปองกับจุง รัฐบาลฮ่องกงก็ออกแถลงการณ์ระบุว่า การตัดสินลงโทษชูไคปองนั้นเป็นการ "แสดงให้เห็นตัวอย่างว่าใครก็ตามที่เจตนาจะกระทำการเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติหรือยุยงปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังในสังคมจะไม่สามารถหนีพ้นจากการตัดสินลงโทษด้วยกฎหมาย"

แผนภาพเกี่ยวกับกฎหมายมาตรา 23 ระบุถึงการกำหนดโทษไว้ในหลายข้อหา ไม่ว่าจะเป็นข้อหากบฏ, ก่อการจลาจล, จารกรรมความลับทางราชการ มีโทษตั้งแต่จำคุก 7 ปี ไปจนถึงจำคุกตลอดชีวิต โดยการกำหนดโทษแบ่งเป็นสองกรณีโดยพิจารณาว่าที่มีการสมคบคิดกับต่างชาติด้วยหรือไม่ ถ้ามีจะมีการกำหนดโทษหนักกว่าแบบไม่มี

องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนนานาชาติอย่าง แอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล และ ฮิวแมนไรท์ฟาวน์เดชัน ต่างก็ประณามคำตัดสินลงโทษชูไคปอง แอมเนสตีระบุว่ามันเป็น "การโจมตีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกอย่างเห็นได้ชัด" ในขณะที่ฮิวแมนไรท์ฟาวน์เดชันระบุว่าฮ่องกงได้ใช้ "กฎหมายที่เขียนอย่างกำกวมและได้รับการหนุนหลังจากจีนในการยกระดับบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว" อีกทั้งยังเรียกร้องให้ทางการฮ่องกงปล่อยตัวและยกเลิกข้อกล่าวหาทั้งหมดต่อชูไคปองด้วย

 

 

เรียบเรียงจาก

How many people have been arrested under Article 23 and for what?, HKFP,

https://hongkongfp.com/2024/09/22/the-first-6-months-of-hong-kongs-new-security-law-3-jailed-over-a-seditious-t-shirt-bus-graffiti-social-media-posts/

Hong Kong national security police make 7th arrest under new security law, HKFP, 29-05-2024

https://hongkongfp.com/2024/05/29/hong-kong-national-security-police-make-7th-arrest-under-new-security-law/

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net