6 ต.ค. น้ำท่วมเขตเมืองเชียงใหม่เริ่มลดระดับ มวลน้ำไป 'สารภี-ลำพูน' ต่อ - โดยเฉพาะ อ.สารภี ท่วมวิกฤตหลายพื้นที่ เรืออพยพผู้ป่วยล่ม สูญหาย 2 คน

ที่มาภาพ: PR Chiangmai

6 ต.ค. 2567 ตลอดทั้งวันของวันนี้ (6 ต.ค.) ระดับแม่น้ำปิงในตัวเมืองเชียงใหม่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา  20.00 น. ณ จุดวัดระดับน้ำ P1 เชิงสะพานนวรัฐ วัดได้ 3.09 เมตร แม้ว่าระดับน้ำในพื้นที่ทางเหนือและลำน้ำสาขา อาทิ แม่น้ำแตง ซึ่งไหลมารวมกับแม่น้ำปิง ได้กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้วก็ตาม แต่เนื่องด้วยน้ำได้ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ในตัวเมืองเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้น้ำท่วมขังในย่านธุรกิจกลางเมืองเชียงใหม่ลดระดับลงอย่างเชื่องช้า

เว็บไซต์ 3Plus News  รายงานว่า นายอัฎฐวิชย์ นาควัชระ ผอ.สำนักงานชลประทาน ที่ 1 คาดการณ์ว่า หลังเที่ยงคืนนี้จนถึงเช้าวันพรุ่งนี้ (7 ต.ค.) ปริมาณน้ำปิงจะลดลงต่อเนื่อง โดยน้ำที่ท่วมอยู่จะไหลกลับสู่น้ำปิง มีเพียงพื้นที่ลุ่มต่ำอย่าง อ.สารภี ต้องรอใช้เวลาระบายน้ำ

อย่างย่านตลาดเมืองใหม่ ตลาดค้าส่งติดแม่น้ำปอง น้ำยังท่วมสูง ประชาชนต้องเดินลุยน้ำเข้าไปซื้อของ เช่นเดียวกับย่านตลาดวโรรส น้ำยังท่วมสูงเช่นกัน พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการ ยังปิดร้านชั่วคราว รอจนกว่าน้ำจะลดลงจึงจะเร่งทำความสะอาดฟื้นฟูและทำการค้าขายตามปกติ

ส่วนย่านถนนช้างคลานและไนท์บาร์ซ่า ต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ และเรือเท่านั้นในการสัญจรเข้าออก คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 ถึง 4 วัน น้ำที่ท่วมขังย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองเชียงใหม่น่าจะลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

อ.สารภี ท่วมวิกฤตหลายพื้นที่

วันนี้ (6 ต.ค.) มวลน้ำที่ท่วมขังในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ ได้ไหลทะลักลงไปท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในเขต อ.สารภี ซึ่งเป็นพื้นที่รับมวลน้ำต่อจากตัวเมือง โดยน้ำได้ไหลทะลักท่วมถนนซุปเปอร์ไฮเวย์สายเชียงใหม่-ลำปาง หรือทางหลวงหมายเลข 11 ขาเข้าเมืองเชียงใหม่หลายจุด ทั้งบริเวณสี่แยกหนองประทีป ทางต่างระดับดอนจั่น ทางต่างระดับเชียงขาง รวมทั้งถนนมหิดล ตลอดทั้งสาย รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางถนนสมโภช 700 ปี วงแหวนรอบ 3 ในการเดินทางเข้า – ออก ตัวเมืองเชียงใหม่ 

ขณะที่พื้นที่ลุ่มในเขต ต.ท่าวังตาล ต.ไชยสถาน ต.หนองผึ้ง ต.ดอนแก้ว และ ต.หนองแฝก อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ระดับที่ท่วมขังกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มาภาพ: Sureeporn Promwong

บริเวณถนนหน้าโรงเรียนสารภีพิทยาคม (ถนนทางหลวงชนบท 4091) และปากทางเข้าหมู่บ้าน (ขัวดำ) ต.หนองแฝก อ.สารภี เมื่อเวลา 12.00 น. บางจุดมีน้ำท่วมมีกระแสน้ำไหลเชี่ยงกราก ต่อมามีรายงานว่ารถไม่สามารถสัญจรผ่านถนนทางหลวงชนบท 4091 บางช่วงได้แล้ว

ที่มาภาพ: กรมประชาสัมพันธ์

16.10 น. มีรายงานรับเเจ้งจากศูนย์เอราวัณ ว่าเกิดเหตุเรืออพยพผู้ป่วยล่ม บริเวณบ้านกานกนกทาวน์ 1 ถนนเลียบเชียงเเสน (ถนนเลียบรางรถไฟ) ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่

โดยรับแจ้งว่ามีผู้จม 3 ราย  ขึ้นมาได้ 1 คน (ต้องทำ CPR) สูญหาย 2 คน กำลังนำเรือกับชุดประดาน้ำสนับสนุน

ที่มาภาพ: PR Chiangmai

นอกจากนี้ เพจ PR Chiangmai  ยังรายงานว่าวันนี้ (6 ต.ค.) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางกันยา ปัญญา รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ไปยังตำบลหนองผึ้ง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ นำข้าวกล่อง จำนวน 500 กล่อง พร้อมกับน้ำดื่ม และอาหารแห้ง ไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ โดยได้เดินแจกให้กับชาวบ้านตามบ้านเรือนต่างๆ

ขณะที่บริเวณทางลอดใต้สะพาน แยกไทวัสดุ อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้มีทีมกู้ภัยสว่างจากทั่วประเทศ เดินทางมารวมตัวกันโดยจุดดังกล่าวเป็นจุดรับ-ส่ง และอพยพผู้ประสบภัยที่อยู่ในพื้นตำบลยางเนิ้ง อำเภอสารภี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีระดับน้ำค่อนข้างสูงกว่า 1.5 เมตร ทำให้ประชาชนยังคงใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก หลายบ้านต้องขนย้ายสิ่งของไปอาศัยอยู่บนชั้นสองของบ้าน

โดยในวันนี้ ทีมกู้ภัยสว่างเมธา จ.อุดรธานี ได้เข้าไปอพยพชาวบ้านที่มีทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยออกจากพื้นที่ โดยลำเลียงผ่านเรือ ชาวบ้านต้องปีนหน้าต่างจากชั้นสองของบ้านออกมาเพื่อขึ้นเรือออกนอกพื้นที่ ซึ่งมีญาติมาคอยรอรับอยู่ที่บริเวณทางแยกไทวัสดุ

ด้าน นายณัชพล โล่ห์ศรีทอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างเมธาจังหวัดอุดรธานี ได้เปิดเผยว่า การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำยาก เนื่องจากกระแสน้ำค่อนข้างแรง ทำให้การบังคับเรือต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ขณะเดียวกันในช่วงกลางคืนทศนวิสัยที่มืดมิดก็เป็นปัญหาหลักในการเข้าพื้นที่ด้วยเช่นกัน จึงฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่าหากเจ้าหน้าที่เข้าไปพื้นที่ช่วยเหลือประชาชาล่าช้า ขอให้ผู้ประสบภัยเข้าใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ ในส่วนการสนับสนุนภารกิจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ กู้ชีพ กู้ภัย จังหวัดเชียงใหม่และ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประสานงานร่วมกับทีมกู้ภัย อปท.ในพื้นที่โดยการแจ้งพิกัดขอรับความช่วยเหลือ นำทาง ตลอดจนได้สนับสนุนน้ำดื่ม อาหาร มาให้เจ้าหน้าที่ลำเลียงส่งให้ผู้ประสบภัยที่พักอาศัยอยู่ในบ้าน

เตือนชาว จ.ลำพูน เตรียมรับมวลน้ำมหาศาลจาก อ.สารภี จ.เชียงใหม่

คาดการณ์มวลน้ำที่จพเข้าสู่ จ.ลำพูน | ที่มาภาพ: ส่วนติดตามภัยพิบัติ ลำพูน-เชียงใหม่

เพจส่วนติดตามภัยพิบัติ ลำพูน-เชียงใหม่  แจ้งเตือนชาว จ.ลำพูน เตรียมรับมวลน้ำมหาศาลจาก อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ถนนเรียบรางรถไฟ เนื่องจากระดับน้ำที่ล้นน้ำปิงจากตัวเมืองเชียงใหม่ ทำให้พื้นที่หลายตำบลได้รับผลกระทบจำนวนมาก น้ำได้ทะลักเข้าสู่บ้านเรือน และ ทิศทางน้ำไหลไม่เป็นทิศทาง

- อ.สารภี มีปริมาณน้ำมาก และมวลน้ำกำลังไหลมาทาง จ.ลำพูน บนถนนเรียบรางรถไฟ

- จ.ลำพูนเตรียมรับมวลน้ำ กรอบสีฟ้านี้ คือพื้นที่เสี่ยงได้รับน้ำต่อจาก อ.สารภี เชียงใหม่ คาดว่าจะไหลมาทางถนนเรียบรางรถไฟ เข้าสู่ ต.อุโมงค์ จ.ลำพูน หากวางแผนจัดการน้ำที่ไหลไม่เป็นทิศทางได้ ให้มวลน้ำลงสู่น้ำกวงได้ เตือน! มวลน้ำมหาศาลจะไหลลงสู่น้ำกวง ทำให้ จ.ลำพูน อ.เมืองมีโอกาสเกิดน้ำท่วม น้ำล้นตลิ่งซ้ำอีกรอบ

- เตือน บ้านก่อม่วง บ้านป่าเห็ว บ้านป่าเส้า บ้านไร่ บ้านหนองหมู บ้านชัยสถาน ต.อุโมงค์ จ.ลำพูน บ้านต้นผึ้ง บ้านเหมืองง่า บ้านศรีบุญยืน ต.เหมืองง่า เฝ้าระวังมวลน้ำที่อาจจะได้รับผลกระทบ

* หากมวลน้ำไหลลงน้ำกวง

- เตือน บ้านเวียงยอง บ้านศรีเมืองยู้ บ้างวังไฮ บ้านสันต้นธง บ้านหลวย บ้านสันมะกรูด บ้านท่าศาลา บ้านปากล้อง ตลอดจนหมู่บ้านติดน้ำกวง เฝ้าระวังน้ำกวงที่เพิ่มสูงขึ้น และอาจจะล้นเข้าท่วมบ้านเรือนให้ได้รับความเสียหายได้

พื้นที่บริเวณหมู่บ้านอุโมงค์งาม ตามแผนจัดการน้ำ บริเวณนี้เป็นที่ชะลอน้ำที่ไหลมาด้วยความแรงจากถนนเลียบทางรถไฟ ก่อนที่จะกำหนดทิศทางให้น้ำไหลลงสู่ลำน้ำสาขาและลำน้ำสายหลัก (ถ่ายเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. 6 ต.ค. 2567) | ที่มาภาพ: ส่วนติดตามภัยพิบัติ ลำพูน-เชียงใหม่

ทั้งนี้ ยังมีรายงานว่า เทศบาลตำบลอุโมงค์ ได้เตรียมพื้นที่บริเวณหมู่บ้านอุโมงค์งาม ต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน ตามแผนจัดการน้ำ บริเวณนี้เป็นที่ชะลอน้ำที่ไหลมาด้วยความแรงจากถนนเลียบทางรถไฟ ก่อนที่จะกำหนดทิศทางให้น้ำไหลลงสู่ลำน้ำสาขาและลำน้ำสายหลัก

ด้วยปริมาณน้ำที่มากและเกินระดับวิกฤติต่อเนื่องนานนับหลาย 10 ชั่วโมง ปริมาณน้ำที่เอ่อล้นออกมาจากพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ ได้ขยายป็นวงกว้าง จนยากต่อการกำหนดทิศทางได้ จังหวัดลำพูน ได้พยายามร่วมกันหาแนวทางเพื่อบริหารจัดการน้ำให้น้ำที่เข้ามาออกไปให้เร็วที่สุด เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด