“ไม่มีเหตุผล เพราะเป็นไปตามกฎหมาย” กกต. แถลงใช้สูตรคำนวณ ส.ส. 27 พรรค
8 พ.ค. 2562 เวลา 18.25 น. แสวง บุญมี รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงว่า วันนี้ กกต. ได้ออกประกาศเรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส) แบบบัญชีรายชื่อ โดยได้ประกาศรายชื่อพรรคการเมือง และรายชื่อผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นรายชื่อ ส.ส. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 และมาตรา 129
แสวง กล่าวต่อว่า กรณีที่ไม่สามารถจัดสรรให้ครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด มาตรา 128 (7) ได้กำหนดให้คำนวณตามอัตราส่วนที่ทุกพรรคการเมืองจะได้รับการจัดสรร จำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เมื่อรวมแล้วไม่เกิน 150 คน ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์วิธีการ และวิธีพิจารณาที่จะเปิดเผยให้หลังจบการแถลงข่าว โดยจะเป็นวิธีคำนวณ 14 หน้า
“ท่านไม่ต้องถามว่าบคำนวณมาอย่างไรนะครับ มี 14 หน้าแจกพร้อมประกาศผลการเลือกตั้ง ทางสำนักประชาสัมพันธ์จะเอามาแจก กำลังผลิต น่าจะใกล้เสร็จแล้ว” แสวงกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการคำนวณที่ กกต. ใช้เป็นสูตรเดียวกับสูตรของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ แสวง ตอบว่า คำนวณตามมาตรา 128 โดยพรรคที่ได้รับการรับรองเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อมีทั้งหมด 26 พรรค รวมพรรคการเมืองในสภาทั้งหมด 27 พรรค (พรรคเพื่อไทยไม่ได้ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ)
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กรณีที่พรรคการเมืองซึ่งมีพรรคการเมืองได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ส.ส. 1 หนึ่งคนได้รับการจัดสรร กรณีนี้จะนำไปสู่การร้องเรียนจากพรรคการเมืองหรือไม่ แสวงตอบว่า กกต. ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ถ้าเห็นว่าไม่เป็นไปตามกฎหมายก็สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้
ต่อคำถามว่า มีเหตุผลพิเศษอะไรหรือไม่ที่ใช้สูตรคำนวณนี้ แสวงตอบว่า ไม่มีเหตุผล เพราะเป็นไปตามกฎหมาย
เมื่อผู้สื่อถามต่อว่า เพราะเหตุใดจึงมีพรรคได้รับที่นั่ง ส.ส. โดยที่คะแนนไม่ถึงค่าเฉลี่ยต่อ ส.ส. 1 คนได้ แสวงตอบว่า ได้แถลงไปส่วนหนึ่งแล้ว ถ้าดูตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุว่า กรณีที่ไม่สามารถจัดสรรให้ครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ใช้วิธีคำนวณตามมาตรา 128 (3) ถึง (7)
ต่อคำถามว่า ก่อนหน้านี้ที่มีสูตรคำนวณออกมาหลายแบบ นี่นเท่ากับว่าสูตรเหล่านั้นไม่ถูกต้องหรือไม่ แสวงตอบว่า ถ้าสูตรนี้ถูกก็ไม่มีสูตรอื่นอีกแล้ว เพราะ กกต. พิจารณาสูตรนี้ตามกฎหมาย
สำหรับที่นั่ง ส.ส. มีทั้งหมดดังนี้
พรรค |
คะแนนรวมทั้งประเทศ |
ส.ส.แบ่งเขต |
ส.ส.บัญชีรายชื่อ |
รวม |
1.เพื่อไทย |
7,881,006 |
136 |
0 |
136 |
2.พลังประชารัฐ |
8,413,411 |
97 |
18 |
115 |
3.อนาคตใหม่ |
6,254,716 |
30 |
50 |
80 |
4.ประชาธิปัตย์ |
3,757,620 |
33 |
19 |
52 |
5.ภูมิใจไทย |
3,734,055 |
39 |
12 |
51 |
6.เสรีรวมไทย |
822,240 |
0 |
10 |
10 |
7.ชาติไทยพัฒนา |
783,607 |
6 |
4 |
10 |
8.ประชาชาติ |
481,143 |
6 |
1 |
7 |
9.เศรษฐกิจใหม่ |
485,574 |
0 |
6 |
6 |
10.เพื่อชาติ |
419,121 |
0 |
5 |
5 |
11.รวมพลังประชาติไทย |
415,202 |
1 |
4 |
5 |
12.ชาติพัฒนา |
244,770 |
1 |
2 |
3 |
13.พลังท้องถิ่นไท |
212,953 |
0 |
3 |
3 |
14.รักษ์ผืนป่าประเทศไทย |
334,532 |
0 |
2 |
2 |
15.พลังปวงชนไทย |
79,783 |
0 |
1 |
1 |
16.พลังชาติไทย |
73,189 |
0 |
1 |
1 |
17.ประชาภิวัฒน์ |
68,973 |
0 |
1 |
1 |
18.ไทยศิวิไลย์ |
60,354 |
0 |
1 |
1 |
19.พลังไทยรักไทย |
60,298 |
0 |
1 |
1 |
20.ครูไทยเพื่อประชาชน |
56,308 |
0 |
1 |
1 |
21.ประชานิยม |
56,215 |
0 |
1 |
1 |
22.ประชาธรรมไทย |
47,787 |
0 |
1 |
1 |
23.ประชาชนปฎิรูป |
45,374 |
0 |
1 |
1 |
24.พลเมืองไทย |
44,961 |
0 |
1 |
1 |
25.ประชาธิปไตยใหม่ |
39,260 |
0 |
1 |
1 |
26.พลังธรรมใหม่ |
34,924 |
0 |
1 |
1 |
27.ไทยรักธรรม |
33,754 |
0 |
1 |
1 |
รวมทุกพรรค |
349 |
149 |
498 |
หมายเหตุ: เหลือ 2 ที่นั่งที่ยังไม่มีการรับรองผลเนื่องจาก เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่มีการเลือกตั้งใหม่ และหากการเลือกตั้งใหม่เสร็จสิ้นได้ ส.ส. เขตแล้ว กกต. นำคะแนนมาคำนวณอีกครั้งเพื่อเพิ่ม ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่ออีก 1 ที่นั่ง
ผู้สื่อข่าวประชาไทรายงานเพิ่มเติมว่า ความต่างของการคำนวณที่นั่ง ส.ส. ที่ถกเถียงกันในช่วงที่ผ่านมานั้นมีปมปัญหาหลักคือ การจะนำพรรคการเมืองที่ได้คะแนนไม่ถึงตัวเลขสัดส่วนคะแนนเสียงต่อ ส.ส. 1 คน (นำคะแนนเสียงที่พรรคการเมืองทุกพรรคได้รับหารด้วยจำนวนที่นั่ง ส.ส. ทั้งหมด) ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้มีตัวเลขประมาณ 71,000 เสียง
ซึ่งตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 (5) ระบุว่า ถ้าพรรคการเมืองใดมีผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เท่ากับหรือสูงกว่าจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตาม (2) ให้พรรคการเมืองนั้น มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามจํานวนที่ได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และไม่มีสิทธิได้รับ การจัดสรรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และให้นําจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อทั้งหมดไปจัดสรรให้แก่พรรคการเมืองที่มีจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ต่ำกว่าจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตาม (2) ตามอัตราส่วน แต่ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดดังกล่าวมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินจํานวนที่จะพึงมีได้ตาม (2) (หมายเหตุ (2) คือการนำคะแนนเสียงที่พรรคการเมืองทุกพรรคได้รับหารด้วยจำนวนที่นั่ง ส.ส. ทั้งหมด)
ดังนี้หากยึดตามเงื่อนไขว่า “ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดดังกล่าวมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินจํานวนที่จะพึงมีได้” นั้นจะส่งผลให้ พรรคที่มีคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ดังกล่าวจะไม่มีที่นั่งในสภาผู้แทน ทำให้มีผู้แทนในสภาทั้งหมดจาก 16 พรรคการเมือง
แต่หากไม่ได้ยึดตามเงื่อนไขดังกล่าวนั้น แล้วมีการจัดสรรที่นั่งให้กับพรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงไม่ถึงเกณฑ์ตาม (2) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จะส่งให้
ผลความแตกต่างจากการใช้สูตรคำนวณที่นั่ง ส.ส. แบบ 18 พรรคการเมือง กับ 27 พรรคการเมือง จะส่งผลให้ที่นั่งของพรรคอนาคตใหม่หายไป 6 ที่นั่ง มีผู้แทนในสภาทั้งหมดจาก 27 พรรคการเมือง ให้พรรคอนาคตใหม่ที่นั่งหายไป 7 ที่นั่ง ขณะที่พรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น บางพรรคการเมืองได้รับคะแนนจากการเลือกตั้งประมาณ 30,000 กว่าเท่านั้น