สถานการณ์บ้านป่างาม หมู่ที่ 3 ต.ตลิ่งชันในวันที่ 7 มิ.ย.50 หลังจากที่พล.ต.จำลอง คุณสงค์ เลขาธิการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า(กอ.รมน.) ได้ส่งหนังสือที่ นร.5114.02 ลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2550 ถึงผู้อำนวยการบริษัทการปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) เรื่องขอความร่วมมือระงับการดำเนินการวางท่อก๊าซชั่วคราว จนกว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องแนวท่อส่งก๊าซที่ผาดผ่านกลางหมู่บ้านป่างาม ซึ่งเป็นแนวท่อส่งก๊าซที่เชื่อมจากโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซียไปใช้สำหรับโรงไฟฟ้าจะนะ

อย่างไรก็ตาม แม้หนังสือที่ออกโดยกอ.รมน.จะส่งถึงบริษัทการปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) หรือ "ปตท."เป็นระยะเวลาล่วงเลยกว่าครึ่งเดือนแล้ว แต่ ปตท.กลับไม่สนใจและไม่ให้ความใส่ใจกับข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของกอ.รมน.

ทั้งนี้ คนงานของบริษัทรับเหมาก่อสร้างยังคงเข้าไปดำเนินการทำงานอยู่ทุกวันอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเสียงคัดค้านของชาวบ้านกลุ่มคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซียและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อ.จะนะ จ.สงขลา ชาวบ้านได้เข้าไปขอความร่วมมือให้ยุติการดำเนินต่างๆไม่ว่าการขนดินลูกรังมาถมบริเวณแนวท่อส่งก๊าซ การไถปรับสภาพพื้นที่ ตลอดจนการขุดเจาะวางแนวท่อก๊าซ ชาวบ้านได้ยื่นหนังสือที่ออกโดยกอ.รมน.ที่ขอความร่วมมือระงับการดำเนินโครงการและหนังสือของ นายเกษม และทีมนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตลิ่งชัน เรื่องระงับและยุติการวางท่อส่งก๊าซผ่านพื้นที่หมู่ที่ 2 และ หมู่ที่ 3 ต.ตลิ่งชัน เพราะโครงการวางแนวท่อส่งก๊าซดังกล่าว ทำลายวิถีการดำเนินชีวิตของชุมชน ทำลายสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญสร้างความแตกแยกในชุมชนมุสลิม

แต่คนงานของบริษัทไม่สนใจยังคงดำเนินการต่อเนื่องภายใต้การกำกับดูแลและควบคุมของ นายโส๊ะ หัดเหาะ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตลิ่งชัน และเป็นหัวหน้ารักษาความปลอดภัยแนวท่อส่งก๊าซจาก อ.จะนะ ถึง อ.สะเดา และนายฉาเร็ม ยุมหัด สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลตลิ่งชัน

ล่าสุดมีการข่มขู่กลุ่มคัดค้านท่อก๊าซโดยให้คนงานของบริษัท ซึ่งเป็นชาวบ้านควนหัวช้าง หมู่ที่ 6 ต.คลองเปียะ โทรศัพท์มาหาชาวบ้านกลุ่มคัดค้านฯว่าให้หยุดการเคลื่อนไหวและหยุดคัดค้านเสีย เพราะหากยังเคลื่อนไหวคัดค้านทาง ปตท.จะว่าจ้างชายฉกรรจ์นอกพื้นที่มาจำนวน 40 คน เพื่อเตรียมปะทะกับชาวบ้านกลุ่มคัดค้านฯ หากเข้าไปคัดค้านการวางแนวท่อส่งก๊าซอีก โดยหากสามารถเคลียร์ชาวบ้านกลุ่มคัดค้านฯได้สำเร็จคนงานคนดังกล่าวจะได้รับเงินจากปตท.จำนวน100,000บาท

พฤติกรรมของบริษัทปตท.ที่ผ่านมาเคยได้ใช้ความรุนแรงและอำนาจจัดการกับชุมชนมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการวางท่อก๊าซไทย-พม่าที่จังหวัดกาญจนบุรี ที่ใช้อำนาจและกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจัดการกับชาวบ้านที่คัดค้านโครงการจนจับขึ้นศาลดำเนินคดีในกรณีของอ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ กรณีของจะนะที่ใช้กองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรในจังหวัดสงขลามาตั้งศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจบริเวณบ้านตลิ่งชัน เพื่อทำหน้าดูแลความปลอดภัยของโรงแยกก๊าซและคนงาน และใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการตีและจับกุมชาวบ้านบริเวณมัสยิดลานหอยเสียบจนสลบและถูกดำเนินคดี จนกระทั่งโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซียสามารถสร้างได้สำเร็จ

ครั้งนี้ ปตท.อาจกำลังดำเนินการกดดันชาวบ้านที่จะนะอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้กลยุทธ์ยั่วยุชาวบ้านกลุ่มคัดค้านให้เกิดการใช้ความรุนแรงตอบโต้ ที่ผ่านมาคนงานของบริษัทเคยเข้ามาแย่งกล้องถ่ายรูปและล็อกคอเยาวชนในหมู่บ้านที่เข้าไปถ่ายภาพขณะที่คนงานทำงานอยู่ ขู่จะใช้เครื่องจักรเจาะลอดผ่านในที่ดินแปลงที่เจ้าของไม่ยอมขายโดยไม่สนใจว่าเจ้าของจะยอมหรือไม่ยอม ล่าสุดคำขู่ที่จะใช้กองกำลังชายฉกรรจ์มาจัดการกับกลุ่มคัดค้าน

อยากเรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้หลักผู้ใหญ่ที่บริหารบ้านเมืองรีบลงมาแก้ไขปัญหาก่อนที่สถานการณ์จะรุนแรงและบานปลายไปมากกว่านี้ ในความเป็นจริงเวลานี้ปตท.ได้มีการแปรรูปไปแล้ว แต่กลับยังแสดงท่าทีและใช้อำนาจเหมือนดังครั้งที่ยังเป็นของรัฐ ทั้งที่ผลประโยชน์กำไรจากการดำเนินการของ ปตท.ตกไปอยู่ในมือต่างชาติ ดังการสำรวจหุ้นกลุ่มปตท.5 บริษัทจ่ายปันผลให้นอมินีต่างชาติปี 2548 มูลค่ารวมกว่า 7.5 พันล้านบาท คิดเป็น21% ของปันผลทั้งเครือขณะที่งวดครึ่งปีปตท.-ปตท.สผ.จ่ายให้เกือบ 2 พันล้านบาท โดยเฉพาะคัสโตเดียน สิงคโปร์ได้มากสุดรวม 255 ล้านบาท[1] ผลประโยชน์และกำไรที่ตกอยู่ในมือต่างชาติกลับได้มาจากการดำเนินโครงการของปตท.ที่มักละเมิดสิทธิชุมชน ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและทำลายวิถีชีวิตชุมชนมุสลิม ซึ่งการต้องสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไปไม่คุ้มค่ากับการทำให้นายทุนหรือนอมินีต่างชาติบางรายร่ำรวยขึ้นจากผลกกำไรจากการดำเนินงานของปตท.