อันเนื่องมาจากบทสัมภาษณ์ นายสนั่น ชูสกุล ในหนังสือเนชั่นรายสัปดาห์ฉบับล่าสุด “สมัชชาคนจนไม่ได้เสริมบารมีใคร” ในฐานะที่เป็น NGO ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน โดยได้กล่าวถึงบทความเรื่อง “สมัชชาคนจน NGO: ไร้เดียงสาทางการเมือง?” ที่ลงในสื่อออนไลน์ ไทยอีนิวส์ และประชาไท
ผู้เขียนในฐานะที่เขียนบทความนี้ กล่าวโดยรวมแล้วผู้เขียนเห็นด้วยกับคุณสนั่น เกือบทั้งหมดในบทสัมภาษณ์ต่อเรื่องราวปัญหาคนจน ปัญหาทางโครงสร้างของสมัชชาคนจน รากเหง้าความยากจน ฯลฯ
ยกเว้นหัวใจสำคัญ ที่คุณสนั่นกล่าวถึงบทความเหมือนกำลังคิดว่าผู้เขียนคิดว่า “รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม เพราะฉะนั้น รัฐบาลนี้จึงไม่ควรแก้ไขปัญหาให้กับคนจน” ทำให้คิดกันได้ว่าผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาของคนจน
เท่ากับคุณสนั่น อ่านบทความไม่แตกหรือไม่เข้าใจหัวใจของบทความ เพราะผู้เขียนไม่ได้ปฏิเสธการแก้ไขปัญหาของคนจนเลยไม่เฉพาะกรณีของสมัชชาคนจนเท่านั้น แต่รวมถึงทุกกลุ่มที่เดือดร้อนด้วย
และไม่ว่ารัฐบาลทหาร รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง รัฐบาลหุ่นเชิดอำมาตยาธิปไตยปัจจุบันก็เช่นกันสมควรทำหน้าที่ของรัฐที่ดีแก้ไขปัญหาของคนจน
เพียงแต่ผู้เขียนวิพากษ์วิจารณ์ไปที่ปรึกษาสมัชชาคนจน NGO ปัจจุบัน ซึ่งจำนวนไม่น้อยล้วนหนุนรัฐประหารที่ผ่านมา ชื่นชมระบอบอำมาตยาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยไม่ว่าจะออกหน้าหรืออีแอบก็ตาม ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ก็มีจำนวนหนึ่งหาได้เป็นเช่นนั้นไม่
ผู้เขียนวิจารณ์ ในฐานะที่พวกเขาเหล่านั้นเป็นเสนาธิการการขับเคลื่อนของสมัชชาคนจน ผู้วางแผน ผู้ประสานรัฐบาล
ผู้เขียนวิจารณ์ในทางยุทธวิธี โดยที่ผู้เขียนก็เดาไม่ออกว่าเป็นความบริสุทธิ์ใจหรือความตั้งใจกันแน่ ?
แต่ผู้เขียนมีความคิดเห็นว่า ไม่จำเป็นอย่างยิ่งที่การแก้ไขปัญหาคนจนในภาวะการต่อสู้ทางการเมืองที่เข้มข้นแหลมคมระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายอำมาตยาธิปไตยในปัจจุบัน สมัชชาคนจนจะปล่อยให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ฉวยโอกาสสร้างภาพลักษณ์ สร้างความชอบธรรม หรือเอาสมัชชาคนจนเป็นกลไกในการสร้างความชอบธรรมของรัฐบาลท่ามกลางการแก้ไขปัญหาคนจนโดยการมีโครงการต่างๆ ที่ผิดพลาดมีการคอร์รัปชั่นไม่สอดคล้องความเป็นจริง เช่น โครงการจ่ายเงินให้กับคนที่มีเงินเดือนจำนวนมากอยู่แล้ว โครงการซื้อตู้หยอดน้ำ โครงการซื้ออุปกรณ์ของสาธารณสุข ฯลฯ และการไม่แก้ไขปัญหาที่ดินที่กระบี่และสุราษฏร์ธานีเมื่อเครือข่ายเจ้าของที่ดินเป็นคนในแวดวงรัฐบาล การใช้ความรุนแรงกับสหภาพแรงงานไทรอัมพ์ฯ โดยใช้ระบบเสียงทำลายโสตประสาท ตลอดทั้งการบิดเบือนระบบที่ดินโฉนดชุมชน
หรือภายใต้ที่คนจนทั่วประเทศจำนวนมากเอือมระอาต่อต้านรัฐบาลอำมาตยาธิปไตยอยู่ขณะนี้
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง สมัชชาคนจน อาจจะกลายเป็นองค์กรรากหญ้าที่โดดเดี่ยวจากพลังรากหญ้าประชาธิปไตยกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่สมควรให้เกิดขึ้นอย่างยิ่งในฐานคนจนผู้รักประชาธิปไตยเหมือนกัน
แต่ทำไม NGO ที่ปรึกษาของสมัชชาคนจน จึงไม่สนใจกับเรื่องราวแบบนี้
น่าจะมีทางออกในการแก้ไขปัญหาของยายไฮ และสมัชชาคนจน โดยไม่จำเป็นต้องให้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ไปเอาคะแนนเอาแต้มถึงศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน ก็เมื่อต้องจ่ายเงินให้ยายไฮ อยู่แล้ว ตามหน้าที่ที่รัฐต้องรับผิดชอบผ่านมติคณะรัฐมนตรีแล้วเป็นความชอบธรรมของยายไฮ
สมัชชาคนจน เป็นองค์กรประชาชนต้องส่งเสริมประชาธิปไตย สมัชชาคนจน เป็นองค์กรคนรากหญ้า จึงต้องทำให้ประชาธิปไตยกินได้
และประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เท่านั้นจึงเป็นหลักประกันให้ปัญหาคนจนที่ต้องต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเพื่อสังคมที่ยุติธรรม มิเพียงปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ได้อย่างมีอนาคตและมีเสรีภาพ
ดังนั้น สมัชชาคนจน จึงต้องเป็นแบบอย่างขององค์กรประชาชนชั้นล่างในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งเพื่อให้อำนาจทางการเมือง เป็นอำนาจอธิปไตยมาจากปวงชน เพื่อให้เกิดประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ความเป็นธรรมทางสังคม
และท่ามกลางการขับเคลื่อนเพื่อการแก้ไขปัญหาของคนจน ก็ไม่ควรปล่อยให้รัฐบาลอำมาตยธิปไตยฉวยโอกาสใช้งบประมาณแผ่นดินภาษีอาการของประชาชนทั้งประเทศจำนวนไม่น้อย ระดมทั้งทหารตำรวจ ใช้เฮลิคอปเตอร์มาอารักขานายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์เพื่อมาสร้างความชอบธรรมในการแก้ไขปัญหาคนจนอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
เพราะสมัชชาคนจนไม่ได้เสริมบารมีใคร
แต่สมัชชาคนจนต้องเสริมสร้างประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ ใช่หรือไม่?