เนื่องจากเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2553 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 สิงหาคม 2543 เรื่องทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยมีการเพิ่มเติมรายชื่อพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญเข้าไป 2 แห่ง คือ บึงสำนักใหญ่ (หนองจำรุง) จังหวัดระยอง และพรุแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ดังนั้นชาวบ้านแม่รำพึงจึงได้พิมพ์ป้ายขนาดใหญ่ระบุถึงเนื้อหาของมติ ครม.และรูปภาพของป่าพรุแม่รำพึงซึ่งได้รับการเห็นชอบจาก ครม.ให้เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญระดับชาติ นำไปติดไว้บริเวณหน้าอำเภอเมืองบางสะพานและบริเวณปากเข้าป่าพรุแม่รำพึง ในวันที่ 29 พ.ย. 2552 ที่ผ่านมา โดยมีชาวบ้านเข้าร่วมเป็นจำนวนกว่า 250 คน และชาวบ้านทั้งหมดยังได้มีเคลื่อนขบวนรณรงค์ประชาสัมพันธ์โดยรอบบริเวณตลาดเทศบาลอำเภอบางสะพาน เพื่ออธิบายถึงความสำคัญของป่าพรุแม่รำพึงที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับชาติและความเชื่อมโยงของระบบนิเวศน์ที่เกี่ยวข้องกับแหล่งวางไข่ของปลาทูบริเวณแหลมแม่รำพึง

นายวิฑูรย์ บัวโรย ประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กล่าวว่า การที่ชาวบ้านต้องมีการรวมตัวมาขึ้นป้ายและรณรงค์ถึงความสำคัญของป่าพรุแม่รำพึงให้ประชาชนได้รับทราบในวันนี้ ก็เนื่องมาจากว่ามีกลุ่มนายทุนในพื้นที่ได้มีความพยายามบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร โดยการออกรายการวิทยุท้องถิ่น และมีการกล่าวอ้างว่าป่าแห่งนี้ไม่มีความสำคัญและไม่ได้เป็นป่าพรุแต่อย่างใด เป็นเพียงบึงน้ำจืดเท่านั้น ทั้งยังบอกว่าป่าแห่งนี้ไม่ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ

เขากล่าวต่อมาว่า ชาวบ้านไม่ต้องการจะโต้แย้งแต่อย่างใด เพราะข้อมูลเหล่านี้ชาวบ้านในพื้นที่ต่างทราบดีมาโดยตลอดว่าป่าพรุถูกรับรองให้มีความสำคัญระดับชาติแล้ว และวันนี้เราต้องการออกมาแสดงหลักฐานในเชิงประจักษ์ว่าสิ่งที่นายทุนพยายามใช้สื่อในท้องถิ่นพูดเป็นข้อมูลที่บิดเบือน และอยากให้นายทุนที่ต้องการใช้พื้นที่ป่าแห่งนี้ทบทวนตัวเองว่าสมควรแล้วหรือไม่ที่ต้องสร้างโครงการที่จะก่อให้เกิดมลพิษอย่างรุนแรงติดกับพื้นที่ป่าพรุที่มีความสำคัญระดับชาติ