ชมรมนักข่าวเพื่อเสรีภาพไทยเรียกร้องสื่อหลักเป็นกลาง ยุติทำสงครามข่าว

 
 
5 มี.ค. ชมรมนักข่าวเพื่อเสรีภาพไทย ออกแถลงการณ์เนื่องในวันนักข่าว 5 มีนาคม เรียกร้องให้สื่อยุติการทำสงครามข่าวเพื่อจุดชวนไปสู่การปราบปรามเสื้อแดง และเรียกร้องให้รัฐยุติการใช้สื่อของรัฐบิดเบือนยั่วยุสร้างความเกลียดชังแตกแยกในสังคม และยุติการคุกคามสื่อใหม่ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ
 
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 ก.ย.52 สื่อที่เรียกตนเองว่า “สื่อฝ่ายประชาธิปไตย” ได้รวมตัวกันก่อตั้งชมรมนักข่าวเพื่อเสรีภาพไทย (Thai freedom press club-TFPC) ขึ้นโดยกำหนดวัตถุประสงค์ในการร่วมมือกันผลิตสื่อที่ไร้การบิดเบือนสู่ประชาชน และตอบโต้การนำเสนอข้อมูลข่าวสารโฆษณาชวนเชื่อที่บิดเบือนขาวเป็นดำของสื่อที่ขาดจรรยาบรรณในวิชาชีพ โดยมีการประชุมของผู้แทนสื่อมากกว่า 50 ราย เช่น นิตยสารแนวร่วมRED คอลัมนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ ผู้บริหารและผู้ดำเนินรายการข่าวโทรทัศน์ ผู้บริหารและผู้ดำเนินรายการข่าววิทยุ รวมทั้งเว็บไซต์ต่างๆ เช่น ไทยอีนิวส์ (http://www.thaienews.blogspot.comUSA (www.norporchorusa.comUS (www.khonthaius.com) ความจริงวันนี้ (www.todayfact.tv) คนไทย (www.khonthai.org) พลังประชาธิปไตย (www.powerdmc.org) แดงนนท์ (www.rednon.org) นปช.พัทยา (www.norporchorpattaya.worldpress.com) หนังสือพิมพ์เลี้ยวซ้าย และชุมชนออนไลน์ฟ้าเดียวกัน (www.sameskyboard.com) เป็นต้น
 

 
แถลงการณ์ชมรมนักข่าวเพื่อเสรีภาพไทย ในโอกาสวันนักข่าว 5 มีนาคม 2553
 
 
ขอเรียกร้องให้สื่อยุติการทำสงครามข่าวเพื่อจุดชนวนนำไปสู่การปราบปรามกลุ่มเสื้อแดง และขอเรียกร้องให้รัฐยุติการใช้สื่อของรัฐบิดเบือนยั่วยุสร้างความเกลียดชังแตกแยกในสังคม และยุติการคุกคามสื่อใหม่ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ
 
ชมรมนักข่าวเพื่อเสรีภาพไทย ซึ่งเป็นองค์กรกลางประสานงานของผู้สื่อข่าวที่เคลื่อนไหวเพื่อให้ผู้สื่อข่าวนำเสนอข้อมูลข่าวสารด้วยความเป็นกลาง ไร้การบิดเบือน และสนับสนุนประชาธิปไตย คัดค้านเผด็จการเห็นว่า บทบาทของสื่อสารมวลชนทั้งของรัฐ และเอกชนในปัจจุบัน กำลังหมิ่นเหม่ต่อการตกเป็นเครื่องมือของผู้กุมอำนาจรัฐ และนำเสนอข่าวชี้นำสังคมไปในทางที่มีอคติต่อกลุ่มการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือแม้แต่การใช้สื่อสร้าง"สงครามข่าว"เป็นการชี้นำสาธารณชนให้เกิดการเกลียดชัง ก่อความรุนแรงได้ จึงขอเรียกร้องดังนี้
 
1.สื่อมวลชนกระแสหลักนำเสนอข่าวโดยขาดการตรวจสอบในกรณีที่เสนอข่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงได้ขึ้นบัญชีดำต่อบุคคล 53 รายที่อยู่ในฝ่ายรัฐบาล หรือสนับสนุนรัฐบาล รวมทั้งสื่อที่มีบทบาทสนับสนุนรัฐบาล และโจมตีต่อกลุ่มเสื้อแดงด้วยความอคติบิดเบือน โดยสื่อบางค่ายเช่น ผู้จัดการASTVนำเสนอว่าบุคคลทั้ง53รายตกเป็นเป้าการสังหารของคนเสื้อแดง
 
ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเพียงการไปโพสต์ข้อความในเวบไซต์เสธ.แดง โดยข้อความดังกล่าวไม่ได้บอกว่าบุคคลทั้ง53รายเป็นเป้าหมายการสังหาร หรือขู่เข็ญว่าจะประทุษร้ายแต่อย่างใด เป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์ว่าบุคคลทั้ง53รายนั้น สนับสนุนระบอบเผด็จการอำมาตย์ และทำลายประชาธิปไตย และต่างก็ประสบเคราะห์กรรมตามหลักพุทธศาสนาไปแล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นการติชมโดยสุจริตและเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
 
แต่การนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนกลับขาดการตรวจสอบ และนำไปขยายผลว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะประสงค์ร้ายต่อกลุ่มบุคคลทั้ง53ราย ซึ่งสุ่มเสี่ยงมากว่าเป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารด้วยความอคติลำเอียง และมีจุดประสงค์สร้างความเกลียดชังคนเสื้อแดง และอาจรวมไปถึงการสร้างกระแสเพื่อจุดชนวนให้ปราบปรามประชาชนที่จะจัดการชุมนุมใหญ่ในวันที่14มีนาคมนี้ได้
 
ลักษณะดังกล่าวไม่แตกต่างไปจากกรณีหนังสือพิมพ์ดาวสยาม และบางกอกโพสต์ตกแต่งภาพรัชทายาท และเป็นชนวนสำคัญนำไปสู่การปราบปรามนักศึกษาประชาชนในกรณี6ตุลาคม2519 แต่คราวนี้ย่ำแย่กว่ามากนัก เพราะไม่ได้มีเพียง2ฉบับ แต่สื่อมวลชนกระแสหลักแทบทั้งหมดกำลังบิดเบือน ตกแต่งข่าวป้ายสีและอาจเป็นชนวนเหตุนำไปสู่การปราบปรามประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยได้
 
จึงขอเรียกร้องให้ยุติการทำสงครามข่าวเพื่อจุดประสงค์ปูทางหรือจุดชนวนนำไปสู่การปราบปรามประชาชนโดยทันที
 
2.ที่ผ่านมาสื่อมวลชนกระแสหลักทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจำนวนมาก ได้แสดงตนอย่างเด่นชัดว่าขาดจากสถานภาพการเป็นสื่อสารมวชนที่เป็นกลาง และนำเสนอข่าวเยี่ยงนักวิชาชีพไปแล้ว เพราะนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ทัศนะที่สนับสนุนระบอบอำมาตย์เผด็จการ ให้ร้ายป้ายสีสร้างความเกลียดชัง ชี้นำให้มีการปราบปรามทำลายล้างประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย กลุ่มคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง
 
จึงขอเรียกร้องต่อองค์กรวิชาชีพสื่อ ทั้งสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เป็นต้น ได้มีมาตรการกำชับหรือบังคับอย่างมีประสิทธิภาพให้สมาชิกขององค์กรของตนให้ธำรงตนอยู่ในความเป็นกลาง เสนอข่าวอย่างรอบด้าน ไร้อคติ ปราศจากการบิดเบือนชี้นำ และองค์กรวิชาชีพเหล่านี้ต้องแสดงตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีด้วย
 
3.ขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องยุติการใช้สื่อของรัฐบิดเบือนสร้างความเกลียดชัง และยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ตลอดทั้งยุติการคุกคามปิดกั้นสื่อที่นำเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่ง เช่น วิทยุชุมชน โทรทัศน์ดาวเทียม สื่อใหม่ทางอินเตอร์เน็ตช่องทางต่างๆ ที่ใช้สิทธิวิพากษ์วิจารณ์มใต้กรอบรัฐธรรมนูญ
 
4.ขอเรียกร้องต่อหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนทั้งของรัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชนช่วยกันเรียกร้องกดดัน และติดตามตรวจสอบให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อข้างต้น
 
ด้วยจิตเจตนาที่เป็นกลาง และสงบสันติ สมานฉันท์
 
นายไพโรจน์ นิมิบุตร
 
ประธานชมรมนักข่าวเพื่อเสรีภาพไทย
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท