ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ จัดกิจกรรมค้านเขื่อนหน้าสถานกงสุลจีน พร้อมยื่นหนังสือต้านการสร้างเขื่อน จี้ทบทวนการพัฒนา แนะใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโขงร่วมกัน
วานนี้ (3 เม.ย.) เวลา 11.00 น.กลุ่มชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ กว่า 20 คนซึ่งประกอบด้วย นักศึกษา ศิลปิน และนักพัฒนา รวมตัวหน้าสถานกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำ จ.เชียงใหม่ จัดกิจกรรมการอ่านบทกวี และยืนสงบนิ่งไว้อาลัยแก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขง เพื่อเรียกร้องกรณีที่จีนสร้างเขื่อนหลายแห่งกั้นลำน้ำโขง ทำลายสมดุลของสายน้ำ แหล่งอาหาร รวมถึงวิถีชีวิตของประชาชนริมแม่น้ำโขง ทำให้เกิดปรากฏการณ์ลำน้ำโขงแห้ง
จากนั้น นายวิเชียร ทาหล้า ตัวแทนชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือได้ยื่นหนังสือคำประกาศเจตจำนง "แม่น้ำโขงของพวกเรา" ผ่านนายโจว กว่าง ซวี่ ผู้ช่วยกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำ จ.เชียงใหม่ โดยเรียกร้องให้อำนาจรัฐ และกลุ่มทุนหยุดสร้างเขื่อน และการระเบิดเกาะแก่ง พร้อมเสนอให้ทบทวนการพัฒนาและใช้ประโยชน์แม่น้ำโขงอย่างมีส่วนร่วม ทั่วถึง และยั่งยืน
คำประกาศเจตจำนง : แม่น้ำโขงของพวกเรา
หากมนุษย์ยังคงคิดว่า “อยู่เหนือธรรมชาติ” สามารถจัดการ การดำรงอยู่ของธรรมชาติได้ และมุ่งแสวงหาผลประโยชน์จากธรรมชาติอย่างไร้ขีดจำกัด อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดเลย ที่ธรรมชาติจักตอบแทนเรา ด้วยการเหือดแห้งของแม่น้ำสายหลักสายสำคัญแห่งภูมิภาคอินโดจีนแห่งนี้ “แม่น้ำโขง”
นี่คือสัญญาณการ “เอาคืน” ของธรรมชาติ
ด้วยแนวทางการพัฒนาของทุน ที่มีสายตาแห่งหาจ้องกลืนกินทรัพยากรทุกอย่างบนโลกใบนี้ แม้แต่ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างเช่น จีน ก็เดินตามกระแสของทุน การสร้างเขื่อนหลายแห่งในประเทศ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม โดยการกั้นลำน้ำโขง ทำลายสมดุลแห่งสายน้ำ ทำลายแหล่งอาหารสำคัญในสายน้ำ ทำลายวิถีชีวิตริมน้ำโขง รวมถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด การเหือดแห้งของน้ำในแม่น้ำโขง ที่ก่อผลกระทบและส่งผลชัดเจน
ต่อมนุษย์
คงมากพอแล้ว สำหรับการทำร้ายสายน้ำอันเป็นสายเลือดของมนุษย์ และคงเกินไปแล้ว สำหรับการอดกลั้นต่อการกระทำโดยไร้การคำนึงถึงความยั่งยืน
ณ วันนี้ เราขอมีส่วนร่วม กำหนดสายน้ำสายเลือดของเรา
ด้วยการประกาศเจตจำนงของพวกเราว่า
1. ให้อำนาจรัฐและทุนทั้งหลายที่ได้ทำร้ายสายน้ำโขงแห่งนี้ ได้หยุด! หยุดการสร้างเขื่อน หยุดการระเบิดแก่ง และหยุดการทำร้ายสายน้ำโดยไม่คำนึงถึงความยั่งยืน
2. กลับมาทบทวนการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากลำน้ำโขง โดยการมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึงและยั่งยืน โดยเฉพาะจากผู้คนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับลำน้ำสายนี้ นับตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
สุดท้าย เราขอยืนยันว่าเรามีสิทธิปกป้องแม่น้ำโขงแห่งนี้ ในฐานะที่แม่น้ำสายนี้
มีส่วนสำคัญในการหล่อเลี้ยงชีวิตของเราและผู้คนอีกมากมาย
และเราจะรวมพลังกัน เพื่อปลดปล่อยแม่น้ำสายนี้ให้เป็นอิสระ
“แม่น้ำโขง... ของเราทุกคน”
ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ
3 เมษายน 2553