Skip to main content
sharethis

นักเศรษฐศาสตร์ทำนาย เศรษฐกิจปีกระต่าย GDP โต 5.0% ส่งออกโต 14.6% เงินเฟ้อ 3.7%   อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.75%  และ เงินบาทอยู่ที่ 29.1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 26 แห่ง เรื่อง “คาดการณ์เศรษฐกิจปี 2554” พบว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวร้อยละ 3.9 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 5.0 ราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ 90.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ร้อยละ 3.7

ในส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายนักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 76.1 เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับปัจจุบันไปสู่ระดับร้อยละ 2.75 ภายในสิ้นปี 2554 ส่วนค่าเงินบาทคาดว่าจะอยู่ที่ 29.1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และการส่งออกจะขยายตัวร้อยละ 14.6 ด้านการเคลื่อนไหวของ SET Index นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 62.0  เชื่อว่าดัชนียังคงมีทิศทางขาขึ้นโดยจุดสูงสุดของปีจะอยู่ที่ 1,150 จุด 

 ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยปี 2554 คือ อันดับ 1 ปัญหาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก (ร้อยละ 67.6) อันดับ 2 ปัญหาการเมือง/การชุมนุมประท้วง/เสถียรภาพของรัฐบาล (ร้อยละ 64.8) อันดับ 3 ปัญหาด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่ว่าจะเป็นค่าเงินบาทแข็งค่า/สงครามค่าเงิน/ค่าเงินหยวน (ร้อยละ 59.2)

สำหรับข้อเสนอต่อรัฐบาล/หน่วยงานเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจปี 2554 คือ

- รักษาความสมดุลระหว่าง การเติบโตทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และอัตราแลกเปลี่ยน โดยใช้นโยบายการเงินและการคลังที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา

- ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศให้เพิ่มขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ด้วยการเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ ดูแลการกระจายรายได้ให้ทั่วถึงและเป็นธรรม

- แก้ปัญหาคอร์รัปชัน รวมถึงไม่ควรใช้นโยบายประชานิยมจนเกินไป แต่ควรเน้นนโยบายเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ   และเป็นนโยบายที่มีความยั่งยืน

 

 

(รายละเอียดของผลสำรวจ มีดังต่อไปนี้)


 1. คาดการณ์ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2554 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2553

 

จะขยายตัวร้อยละ 5.1-6.0               

 

ร้อยละ   7.1

จะขยายตัวร้อยละ 4.1-5.0               

ร้อยละ   36.6

จะขยายตัวร้อยละ 3.1-4.0               

ร้อยละ   36.6

จะขยายตัวร้อยละ 2.1-3.0  

ร้อยละ   12.7

จะขยายตัวร้อยละ 1.1-2.0  

ร้อยละ   1.4

จะขยายตัวร้อยละ 0.1-1.0  

ร้อยละ   1.4

ไม่ตอบ/ไม่มั่นใจ/ไม่ทราบ

ร้อยละ   4.2

ค่าเฉลี่ยของการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเท่ากับ ร้อยละ 3.9

 

2. คาดการณ์  การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2554 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2553

จะขยายตัวร้อยละ 7.1-8.0               

ร้อยละ   9.8

จะขยายตัวร้อยละ 6.1-7.0               

ร้อยละ   12.7

จะขยายตัวร้อยละ 5.1-6.0               

ร้อยละ   8.5

จะขยายตัวร้อยละ 4.1-5.0               

ร้อยละ   45.1

จะขยายตัวร้อยละ 3.1-4.0               

ร้อยละ   21.1

จะขยายตัวร้อยละ 2.1-3.0  

ร้อยละ   1.4

ไม่ตอบ/ไม่มั่นใจ/ไม่ทราบ

ร้อยละ   1.4

ค่าเฉลี่ยของการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเท่ากับ ร้อยละ 5.0

 

3. คาดการณ์ ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปี 2554 

อยู่ในช่วง 101-110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลโดยเฉลี่ย

ร้อยละ   7.0

อยู่ในช่วง 91-100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลโดยเฉลี่ย

ร้อยละ   35.2

อยู่ในช่วง 81-90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลโดยเฉลี่ย

ร้อยละ   52.2

อยู่ในช่วง 71-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลโดยเฉลี่ย

ร้อยละ   2.8

ไม่ตอบ/ไม่มั่นใจ/ไม่ทราบ

ร้อยละ   2.8

ค่าเฉลี่ยของราคาน้ำมันดิบดูไบเท่ากับ 90.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

4. คาดการณ์  อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยปี 2554 

อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงร้อยละ 5.1-6.0

ร้อยละ   1.4

อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงร้อยละ 4.1-5.0

ร้อยละ   21.1

อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงร้อยละ 3.1-4.0

ร้อยละ   69.1

อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงร้อยละ 2.1-3.0

ร้อยละ   5.6

ไม่ตอบ/ไม่มั่นใจ/ไม่ทราบ

ร้อยละ   2.8

ค่าเฉลี่ยของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเท่ากับร้อยละ 3.7

 

5. คาดการณ์ อัตราดอกเบี้ยนโยบายปี 2554

ธปท. จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับปัจจุบัน ไปสู่ระดับร้อยละ 2.75 ภายในปี 2554

ร้อยละ   76.1

ธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับปัจจุบันตลอดปี  2554

ร้อยละ   12.7

ธปท. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับปัจจุบัน 

ร้อยละ   1.4

ไม่ตอบ/ไม่มั่นใจ/ไม่ทราบ

ร้อยละ   9.8

               

6. คาดการณ์ การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทโดยเฉลี่ย ในปี 2554

ค่าเงินบาทจะอยู่ระหว่าง 31.1- 32.0  บาทต่อดลลาร์สหรัฐ

ร้อยละ   2.8

ค่าเงินบาทจะอยู่ระหว่าง 30.1- 31.0  บาทต่อดลลาร์สหรัฐ

ร้อยละ   16.9

ค่าเงินบาทจะอยู่ระหว่าง 29.1- 30.0  บาทต่อดลลาร์สหรัฐ

ร้อยละ   25.4

ค่าเงินบาทจะอยู่ระหว่าง 28.1- 29.0 บาทต่อดลลาร์สหรัฐ

ร้อยละ   38.0

ค่าเงินบาทจะอยู่ระหว่าง 27.1- 28.0 บาทต่อดลลาร์สหรัฐ

ร้อยละ   9.9

ค่าเงินบาทจะอยู่ระหว่าง 26.1- 27.0 บาทต่อดลลาร์สหรัฐ

ร้อยละ   1.4

ไม่ตอบ/ไม่มั่นใจ/ไม่ทราบ

ร้อยละ   5.6

ค่าเฉลี่ยของค่าเงินบาท เท่ากับ 29.1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 

7. คาดการณ์  การขยายตัวของ การส่งออกของไทยในปี 2554  เมื่อเทียบกับปี 2553 (ในรูปของเงินบาท)

ขยายตัวอยู่ระหว่างร้อยละ 21-25

ร้อยละ   7.0

ขยายตัวอยู่ระหว่างร้อยละ 16-20

ร้อยละ   32.4

ขยายตัวอยู่ระหว่างร้อยละ 11-15

ร้อยละ   40.9

ขยายตัวอยู่ระหว่างร้อยละ 6-10

ร้อยละ   11.3

ขยายตัวอยู่ระหว่างร้อยละ 1-5

ร้อยละ   2.8

ไม่ตอบ/ไม่มั่นใจ/ไม่ทราบ

ร้อยละ   5.6

 

ค่าเฉลี่ยของการขยายตัวการส่งออกเท่ากับ ร้อยละ 14.6

 

8. คาดการณ์ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ในปี 2554 

SET Index จะปรับเพิ่มขึ้นจากปี 53 โดยจุดสูงสุดของปี 54 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,150 จุด

ร้อยละ   62.0

SET Index จะปรับลดลงจากปี 53 โดยจุดต่ำสุดของปี 54 คาดว่าจะอยู่ที่ 900 จุด

ร้อยละ   7.0

ไม่ตอบ/ไม่มั่นใจ/ไม่ทราบ

ร้อยละ   31.0

 

9. ปัจจัยเสี่ยงใดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยปี 2554 (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)

อันดับ    1

เศรษฐกิจโลกในภาพรวม (การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก)

ร้อยละ   67.6

อันดับ    2

ปัญหาการเมือง/การชุมนุมประท้วง/เสถียรภาพของรัฐบาล

ร้อยละ   64.8

อันดับ    3

อัตราแลกเปลี่ยน (ค่าเงินบาทแข็งค่า/สงครามค่าเงิน/ค่าเงินหยวน)

ร้อยละ   59.2

อันดับ    4

ราคาน้ำมัน (ปรับเพิ่มขึ้น)

ร้อยละ   46.5

อันดับ    5

อัตราดอกเบี้ย (ปรับเพิ่มขึ้น)

ร้อยละ   11.3

อันดับ    6

ปัญหาภัยธรรมชาติ

ร้อยละ   11.3

อันดับ    7

การเปิดเสรีของกลุ่มการค้าอาเซียน

ร้อยละ   7.0

อันดับ    8

ปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น กรณีมาบตาพุด และแหลมฉบัง เป็นต้น

ร้อยละ   4.2

อันดับ    9

ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน

ร้อยละ   4.2

อันดับ    10

อื่นๆ เช่น การผลิตภาคการเกษตรที่มีความเสี่ยง เงินเฟ้อ เป็นต้น

ร้อยละ   2.8

 

ไม่ตอบ/ไม่มั่นใจ/ไม่ทราบ

ร้อยละ   1.4

 

10. ข้อเสนอต่อรัฐบาล/หน่วยงานเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจปี 2554 (เป็นคำถามปลายเปิดให้นักเศรษฐศาสตร์ระบุเอง)

-  รักษาความสมดุลระหว่าง การเติบโตทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และอัตราแลกเปลี่ยน โดยใช้นโยบายการเงินและการคลังที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา

- ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศให้เพิ่มขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยการเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ ดูแลการกระจายรายได้ให้ทั่วถึงและเป็นธรรม

- แก้ปัญหาคอร์รัปชัน รวมถึงไม่ควรใช้นโยบายประชานิยมจนเกินไป แต่ควรจะเน้นนโยบายเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ   และเป็นนโยบายที่มีความยั่งยืน

- รีบลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน

 

 

หมายเหตุ: รายงานผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ฉบับนี้ เป็นการสำรวจความเห็นส่วนตัวของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งมิได้สื่อถึงแนวนโยบายขององค์กรที่นักเศรษฐศาสตร์สังกัดอยู่แต่อย่างใด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net