ในสถานการณ์การเมืองที่มีการเผชิญหน้าและมีแนวโน้มนำไปสู่ความรุนแรง มักจะมีกลุ่มบุคคลที่ถูกเรียกว่านักสันติวิธีปรากฎตัวขึ้น ความขัดแย้งในช่วง มีนา-พฤษภา53 ก็เช่นกัน หากแต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ยุติแต่กลับบานปลายไปสู่ความรุนแรงก่อให้เกิดบาดแผลใหญ่อีกครั้งในสังคมไทย จุดยืนและท่าทีของนักสันติวิธีจึงเป็นสิ่งที่ถูกสังคมตั้งคำถามต่อมา
การตั้งคำถามของสุรพศ ทวีศักดิ์ และความเห็นต่างของเกษียร เตชะพีระ บนพื้นที่ออนไลน์(เฟซบุ๊ค)จึงเป็นสิ่งที่ช่วยจุดประกายการแลกเปลี่ยนค้นหาคำตอบสำหรับทุกคนที่เจ็บปวดต่อความรุนแรงและความสูญเสียที่เกิดขึ้น
สุรพศ ทวีศักดิ์
"นักสันติวิธี" ขอรับ!
เวลาผมฟัง “นักสันติวิธี” ในบ้านเราตลอดระยะเวลาร่วมครึ่งทศวรรษมานี้ผมมักได้ยิน “เสียงซ้ำๆ” ราวกับ “แผ่นเสียงตกร่อง” ประมาณนี้
-สังคมเรามีการแบ่งขั้วเลือกข้างกันอย่างชัดเจน
-แต่ละข้างเลือกที่จะฟังและได้ยินเฉพาะความคิดความเห็นของพวกเดียวกันเองเท่านั้น
-เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังถูกหว่านกระจายไปทั่ว และถูกบ่มเพาะขึ้นทั่วสังคม
-เราจะให้ความสำคัญเฉพาะเหตุผลอย่างเดียวไม่ได้ เพราะทุกฝ่ายต่างก็อ้างว่ามีเหตุผล ต้องให้ความสำคัญกับอารมณ์ของคนด้วย
-ถ้าทุกฝ่ายลดความเกลียดชัง หันมารับฟังซึ่งกันและกัน รื้อฟื้นมิตรภาพที่เคยมีต่อกัน สังคมเราจะเดินหน้าแก้ปัญหาขัดแย้งร่วมกันได้ ปรองดองกันได้
ด้วยความเคารพ ปัญหาขัดแย้งไม่ได้คลี่คลายเปลี่ยนแปลงไป หรือว่าทัศนะของนักสันติวิธีไม่เคยเปลี่ยนกันแน่?
สำหรับผมแล้ว ผมไม่คิดว่าคนเสื้อเหลืองทั้งหมด เสื้อหลากสี หรือผู้ที่นิยมพันธมิตรที่ยังเหลืออยู่จะคิดเหมือนสนธิ และแกนนำพันธมิตรที่ยังเหลืออยู่ ผมไม่คิดว่าทหารทั้งกองทัพจะคิดและใช้ตรรกะทื่อๆ แบบ ผบ.ทบ. ไม่คิดว่าคนของพรรคเพื่อไทยทั้งหมดจะคิดเหมือน “ดร.เฉลิม ปริญญาเอกทางกฎหมาย”
ในขณะเดียวกันก็ไม่คิดว่าว่าคนอย่าง อ.วรเจตน์ และนักวิชาการฟากนิติราษฎร์ จะไม่ฟังเหตุผลของนักวิชาการฟากสยามประชาภิวัฒน์ สื่อเครือผู้จัดการ ฯลฯ
ผมไม่เชื่อว่าร้อยเปอร์เซ็นของพวกเล่นเฟซบุ๊ค จะไม่เคยอ่านความคิดและเหตุผลของฟากตรงข้ามเลย
แต่ “นักสันติวิธี” ครับ”การแบ่งขั้วเลือกข้างกันอย่างชัดเจน” ที่พวกท่านพูดถึง มันหมายความว่าอะไรครับ?
สำหรับผม มันหมายความว่า แต่ละฝ่ายต่างมีอุดมการณ์และเหตุผลของตนเองชัดเจนว่า ฝ่ายหนึ่งยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตยภายใต้สมบูรณาญาสิทธิราชย์ อีกฝ่ายยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญซึ่งกษัตริย์เป็นคนเหมือนประชาชนทั่วไปไม่ใช่เป็นเทพ
หาก “นักสันติวิธี” จะกรุณาก็ขอได้โปรดนำข้อเสนอของผมปฏิบัติสัก 3 ข้อได้ไหมครับ
1.หยุดเทศนาแบบ “แผ่นเสียงตกร่อง” เสียที
2.สนับสนุนให้ทุกฝ่ายมีพื้นที่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ถกเถียงโต้แย้งเหตุผลกันในประเด็นปัญหาสำคัญๆ เช่น ปัญหา ม.112 การแก้รัฐธรรมนูญลบล้างผลพวงรัฐประหาร การเยียวยา การให้ความยุติธรรม
3.ลงมาจากหอคอยงาช้าง ลงจากธรรมาสน์ มารณรงค์ผลักดันให้ปล่อยนักโทษ ม.112 และนักโทษการเมือง
*************************************************
Kasian Tejapira
ที่ว่าแผ่นเสียงตกร่องของนักสันติวิธี
เมื่อคุณตกเป็นเหยื่อของอำนาจ และการต่อสู้เพื่อสิ่งที่คุณเชื่อกำลังดุเดือดเข้มข้นบีบรัด เป็นธรรมดาที่คุณจะรู้สึกได้ที่จะรำคาญนักสันติวิธี
ผมก็เคยรู้สึกแบบนี้ โดยเฉพาะเวลาปักใจเชื่อในความชอบธรรมของพลังการเมืองฝ่ายหนึ่งที่เป็นฝ่ายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรม และยังเห็นพวกเขาถูกอำนาจรัฐ/อำนาจทุนรังแกข่มเหงคาตา
ผมโกรธมากที่เพื่อนอาจารย์นักสันติวิธีไม่เลือกข้าง
มันต้องนานจริง ๆ เมื่อพายุข้างนอกและในใจสงบลงแล้ว ที่คุณจะเห็นได้ถึงความจำเป็นที่พวกเขาบางคนไม่เลือกข้าง
ไม่เลือกข้าง ไม่ได้แปลว่าไม่ทำอะไร
ในท่ามกลางการฆ่ากันอย่างเมามันไม่ฟังเสียงปราม ในท่ามกลางอันตรายของลูกหลง ความเข้าใจผิด และความเกลียดชัง (ผมหมายถึงระหว่างเวลาอย่างเมษา-พฤษภาอำมหิต เป็นต้น) นักสันติวิธีที่ผมรู้จัก เดินหน้าทำงานหาทางออกให้ผู้คนไม่ต้องฆ่ากันอย่างไม่หยุด อย่างกล้าหาญ อย่างยืนหยัด อย่างอดทน
คุณจะเอาอะไรล่ะ? ตั้งแต่วิ่งเข้าพูดคุยกับผู้มีอำนาจสั่งการทั้งสองฝ่าย, ติดต่อหาทางพาคนออกจากที่ชุมนุมไปยังเขตอภัยทานที่สร้างขึ้น, นัดประชุมแกนนำทุกฝ่ายเพื่อพูดคุยหาจุดร่วมและทางลงเท่าที่เป็นไปได้
ทั้งก่อนขัดแย้ง ระหว่างขัดแย้ง และหลังขัดแย้ง
แม้แต่ข้อเสนอต่าง ๆ ที่ให้มีพื้นที่พูดเรื่องนี้,ให้ได้ประกันตัวแก่ผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ ฯลฯ ก็ริเริ่มโดยพวกเขา เงียบ ๆ
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้ออกมาโฆษณาบอกกล่าวป่าวร้องให้สังคมทราบ สังคมจึงหมั่นไส้โกรธเคืองพวกเขานักว่าไม่ทำอะไร แผ่นเสียงตกร่อง ไม่เลือกข้าง
ด้วยความเคารพ แต่ผมยังไม่เห็นคนกลุ่มไหนแคร์คุณค่าชีิวิตมนุษย์ และริเริ่มสร้างสรรค์ในท่ามกลางการทำร้ายฆ่าฟันกัน เทียบเท่าพวกเขาเลย
แน่นอน นักสันติวิธีมีหลายกลุ่มหลายแนวคิด บางกลุ่มก็อาจไม่สร้างสรรค์ ท่องคาถาสำเร็จรูป หรือกระทั่งรับใช้อำนาจ ให้ความชอบธรรมกับระเบียบอธรรมของอำนาจ
แต่ไม่ใช่ทุกกลุ่ม ดังนั้นเราไม่ควรเหมารวม เราไม่ชอบที่ใครมาเหมารวมพวกเรา เราถือว่าการที่มาตราหน้าเหมารวมว่าพวกเราคิดเหมือนกัน กล่าวหาเสีย ๆ หาย ๆ โดยฝ่ายอำนาจนั้นไม่ชอบธรรม เราก็ไม่ควรทำเช่นนั้นกับคนอื่น รวมทั้งนักสันติวิธี
สภาพทางการเมืองในรอบ 5 ปีที่ผ่านมามีพลวัตสูง บางด้านก็เปลี่ยนแปลงเร็วยิ่ง แต่บางด้านก็ไม่เปลี่ยน ยังติดหล่ม ติดกับดัก และเป็นตัวก่อปัญหาความเสี่ยงต่อความรุนแรงอยู่
ในขณะที่ไม่จำต้องยืนยันยอมรับหรือปกป้องทุกอย่างที่นักสันติวิธีกลุ่มต่าง ๆ พูดหรือเสนอ แต่เป็นไปได้ไหมว่า ที่เนื้อหาบางส่วนในข้อเสนอของพวกเขาฟังดูซ้ำซาก จำเจ เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ก็เพราะ ความเป็นจริงบางส่วนก็ตกร่องด้วย คนจำนวนมากไม่เปลี่ยนวิธีคิดพฤติกรรมอันสุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรง
แผ่นเสียงของผมตกร่องมานานปีตั้งแต่ผมเดินออกจากป่าและตัดสินใจวางปืนเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๔
เป็นโชคดีในชีวิตผม ที่ในช่วงจังหวะนั้น ผมพบนักสันติวิธีที่เป็นครู เป็นเพื่อน เป็นกัลยาณมิตร
ที่ทำงานทั้งเบื้องหน้า และทำงานเบื้องหลังอีกเยอะแยะมากมายยิ่งกว่าเบื้องหน้า
ในฐานะคนที่เคยอยู่ในสถานการณ์สงครามที่คนฆ่าคนด้วยกัน และได้ผ่านเหตุการณ์ที่คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกันกลางเมืองเพราะเหตุผลทางอุดมการณ์และการเมืองมา ๔ - ๕ ครั้งแล้ว สำหรับผม ขอพูดจากประสบการณ์ว่า
อุดมการณ์อาจจะสำคัญ แต่สันติวิธีสำคัญกว่าอุดมการณ์
มันแปลทางปฏิบัติว่าทุกฝ่ายสู้เพื่ออุดมการณ์ตัวเองได้ โดยไม่ต้องฆ่ากัน
เผื่ออุดมการณ์ผิด จะได้มีชีวิตไปเรียนรู้และต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ใหม่ได้
ดังนั้น ประเด็นสำคัญใน 5 ปีที่ผ่านมา และยังเป็นความจริงตกร่องอยู่ ให้แผ่นเสียงต้องตกร่องตาม คืออันนี้ครับ
1) อันตรายของอาการคลั่งลัทธิคับแคบสุดโต่ง เพราะในนามของการแสวงหาเป้าหมายในอุดมคติอันหนึ่ง มันกลับมองข้าม ละเลยและทำร้ายอุดมคติอื่นทั้งหมด ทั้งที่เอาเข้าจริงชีวิตมนุษย์มีหลากหลายมิติและไม่อาจอยู่อย่างมีความสุขและความหมายได้ในโลกที่แห้งแล้งบริสุทธิ์ภายใต้อุดมคติหนึ่งเดียว
2) วิธีการสำคัญกว่าเป้าหมาย เพราะวิธีการคือหน่ออ่อนของเป้าหมายที่กำลังคลี่คลายขยายตัวไปประจักษ์เป็นจริง ฉะนั้นวิธีการที่ผิดพลาดชั่วร้าย ย่อมไม่อาจนำไปสู่เป้าหมายที่ถูกต้องดีงามได้
3) ไม่มีหลักการนามธรรมใดในโลกมีค่าควรแก่การเอาชีวิตผู้อื่นไปสังเวย
แผ่นเสียงของผมตกร่องอยู่ตรงนี้มา5 ปีแล้ว เพราะความเป็นจริงก็ตกร่องอยู่ตรงนี้มา 5 ปีเช่นกัน
ฝ่ายต่าง ๆ ในความขัดแย้งยังมีลักษณะบ้าลัทธิคับแคบสุดโต่ง, ไม่เลือกวิธีการ, และพร้อมจะเอาชีวิตมนุษย์ ทั้งของฝ่ายตนเองและฝ่ายตรงข้ามไปสังเวยหลักการนามธรรมที่ตนเชื่อ
เก่งจริงมาช่วยกันไปให้พ้น 3 ข้อนี้สิ แล้วจะเปิดแผ่นใหม่
***********************************************