เว็บ กต. เผยแพร่คลิปเตรียมรับคำตัดสินศาลโลก ชวนคนไทยมองอนาคตร่วมกับกัมพูชา

บัวแก้วแพร่คลิป หลากทัศนะ ชักชวนคนไทยมองอนาคตร่วมกัมพูชา เคารพคำตัดสินศาลโลก ด้านนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเรียกร้องประชาชนเคารพคำตัดสินและเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อไทย

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2556 เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่คลิปเกี่ยวกับคดีพิพาทเขาพระวิหาร ผลิตโดยบริษัทพาโนรามา ในชื่อชุด สารคดี ศรีสิขเรศวร-ปราสาทพระวิหาร ภาค 2 ซึ่งตอนนี้เป็นการประมวลภาพรวมของคดีที่ศาลโลกจะทำการตัดสินในวันนี้ (11 พ.ย.) และจะมีการถ่ายทอดสดการอ่านคำพิพากษาตั้งแต่เวลา 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ในคลิปดังกล่าว นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ชี้ว่าคำตัดสินศาลโลกมีความเป็นไปได้ 4 แนวทาง

แนวทางที่ 1 คือตัดสินว่าศาลไม่มีอำนาจ ไม่มีประเด็นให้ตีความ เพราะที่ผ่านมาทางไทยพยายามชี้ให้ศาลเห็นว่าทางกัมพูชาฟ้องในเรื่องที่นอกประเด็น นอกขอบเขตของคดีเดิม

แนวทางที่ 2 คือ ศาลอาจจะพิจารณาว่ามีความขัดแย้งระหว่างคู่กรณีในการทำความใจคำพิพากษาปี 2505 หรือไม่ แล้วตัดสินไปตามที่กัมพูชาขอ ว่าบริเวณใกล้เคียงปราสาทต้องมีบริเวณตามที่กำหนดในพื้นที่ 1:200,000

แนวทางที่ 3 คือศาลตัดสินตามที่ไทยชี้แจงต่อศาลคือ บริเวณใกล้เคียงตัวปราสาทควรเป็นไปตามมติค.ร.ม. 2505 ของไทย โดยไทยอธิบายว่าเส้นนี้ใกล้เคียงมากกับพื้นที่ที่กัมพูชาเรียกร้องในคดีเดิม

แนวทางที่ 4 เป็นแนวทางที่จะไม่กำหนดพื้นที่หรือเส้นแต่เจะกำหนดหลักการ หรือให้ความกระจ่างว่าคำพิพากษาปี 2505 กล่าวว่าอย่างไร เช่น สถานะแผนที่ 1:200000 เป็นอย่างไรจากนั้นให้คู่กรณีไปเจรจากันเอาเอง

ในช่วงท้าย สารคดีดังกล่าวระบุว่าคำตัดสินศาลโลกคงไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ชัยชนะบนแผนที่จะมีความหมายอะไร หากในโลกความจริง ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนไม่ได้ดีขึ้นตามไปด้วย สิ่งที่เราควรมาร่วมกันเอาชนะให้ได้น่าจะเป็นความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจกันระหว่างสองประเทศมากกว่า นั่นต่างหากคือชัยชนะที่แท้จริง

โดยสารคดีดังกล่าวได้รวบรวมความเห็นเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างไทยกับพูชา เช่น

อิทธิ์ ธีรรัฐ ประธานฝ่ายวิชาการองค์การบริหารนิสิต “การที่ประเทศเพื่อนบ้านสองประเทศมันก็ส่งผลเสียต่อทั้งสองประเทศ เราต้องคำนึงถึงประเด็นนี้ว่าอย่างไรคนไทยและกัมพูชาก็ต้องเป็นประเทศเพื่อนบ้านกันต่อไป”

พลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช อดีตจเรทหารทั่วไป สมาชิกวุฒิสภาระบบสรรหา: “แต่เมื่อเราเป็นสมาชิกของสหประชาชาติและเราได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว คำพิพากษาที่ออกมาซึ่งเราเชื่อเหลือเกินว่าเป็นคำพิพากษาที่เป็นธรรมจากท่านผู้พิพากษาทั้ง 17 คน เราก็ต้องยอมรับ ต้องเตรียมยอมรับกับคำพิพากษานั้น”

จตุรนต์ ถิระวัฒน์ ศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มธ.: “ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เราบอกว่าเราได้เราเสียอะไรต่างๆ ผมว่าเป็นเรื่องรอง ที่ยิ่งใหญ่ก็คือเราเรียนรู้ที่จะจัดการกับปัญหาต่างๆ แล้วก็ทำให้วิกฤตนั้นกลับมาเป็นโอกาสต่อประเทศในส่วนรวมได้”

พลเอกวิชิต ยาทิพย์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก: “เรามีความสัมพันธ์กันมาเป็นพันๆ เป็นร้อยๆ ปี ความเป็นพี่เป็นน้อง เราช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกันมาโดยตลอด กัมพูชาก็พึ่งเรา เราก็พึ่งกัมพูชาในหลายๆ ด้าน

พิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา: “เมื่อก่อนก่อนที่จะมีแผนที่ เราก็เป็นเพื่อนบ้านอยู่ด้วยกัน วัฒนธรรมใกล้เคียงกันเราก็แชร์ด้วยกัน เราไม่รู้ว่าใครเป็นใครมาแต่ไหนมาก่อน เหมือนพี่น้องกัน เพราฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เราไม่ควรจะลืม”

นายดำรง พุฒตาล อดีตสมาชิกวุฒิสภากล่าวว่า หากคำตัดสินออกมาไทยแพ้ เขาคิดว่าต้องมีน้ำใจนักกีฬา เพราะความขัดแย้งระหว่างไทยกัมพูชานั้นจะกระทบต่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในภาพรวม ซึ่งไทยเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลางและควรจะเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์จากการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมากกว่าประเทศอื่นๆ หากไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น

ขณะที่นายประทีบ กีรติเลขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ระบุว่ามีข้อตกลงความร่วมมือระหว่างจังหวัดศรีสะเกษ กับจังหวัดศรีสะเกษ กับอุดรมีไชย จังหวัดพระวิหาร และเสียมเรียบของกัมพูชา เป็นความร่วมมือระดับพื้นที่ที่เชื่อมโยงกันในด้านการค้าขาย วัฒนธรรม การศึกษา และสาธารณสุข “เราย้ายหนีไม่ได้ เพราะบ้านเราอยู่ตรงนี้”

สารคดีดังกล่าวยังระบุด้วยว่า คดีนี้ไม่ใช่บทสรุปทั้งหมดของความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คำถามสำคัญก็คือทั้งสองประเทศจะไปต่อกันอย่างไร จะปล่อยให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นสัญลักษณ์ข้อพิพาทของสองประเทศแบบนี้หรือจะเปลี่ยนให้กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมด้วยการมองให้ไกลเกินผลแพ้ชนะ ไปสู่ความร่วมมือของทั้งไทยและกัมพูชาเพื่อพัฒนาประโยชน์ของสังคมและเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศร่วมกัน

ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เผยแพร่คลิปอินโฟกราฟิกสรุปเกี่ยวกับคดีเขาพระวิหารเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา

สำหรับท่าทีของทางกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่เรียกร้องไปยังประชาชนกัมพูชาและทหารกัมพูชาให้รักษาความสงบและความเรียบร้อยตลอดแนวชายแดนไทย ไม่ว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ในวันที่ 11 พ.ย. นี้จะเป็นอย่างไร

"ผมใครขอร้องไปยังกำลังพลทุกนายซึ่งประจำการอยู่ที่ชายแดนขอให้อยู่ในความสงบ ยึดมันในความอดทน หลีกเลี่ยงการดำเนินการต่างๆ ที่อาจสร้างความตึงเครียด หรือเกิดการปะทะกันในที่สุด" ฮุน เซน กล่าวระหว่างอ่านแถลงการณ์เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ซึ่งแพร่ภาพในสถานีโทรทัศน์แห่งกัมพูชา (TVK)

นายกรัฐมนตรีกัมพูชายังเรียกร้องไปยังเพื่อนร่วมชาติกัมพูชา ให้ดำเนินความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มีความสามัคคี สงบสุข และร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศ และระหว่างประชาชนทั้งสองชาติ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา ระหว่างการประชุม ครม.กัมพูชา นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเองก็เรียกร้องให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างสองชายแดน และกล่าวว่าไม่ว่าผลการตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศออกมาเป็นอย่างไร จะเป็นผลดีต่อกัมพูชาหรือไทยก็ตาม รัฐบาลทั้งสองชาติก็จะรักษาความสัมพันธ์อันดีและความร่วมมือ ระหว่างทั้งสองรัฐบาล สองกองทัพ และประชาชนของทั้งสองชาติ และจะให้คำมั่นว่าจะรักษาความปลอดภัย ความมั่นคง และสันติภาพ ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

สำนักข่าวแห่งกัมพูชา รายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ทั้งกัมพูชาและไทยต่างรอผลการตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หลังจากทั้งสองฝ่ายให้ปากคำที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ระหว่างวันที่ 15 - 19 เม.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้กัมพูชาได้ยื่นคำร้องให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตีความคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหารเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2505

สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามถ่ายทอดสดการอ่านคำพิพากษาของศาลโลกคดีพิพาทเขาพระวิหาร โดยการถ่ายทอดจะเริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย มีช่องทางดังต่อไปนี้
(1) โทรทัศน์
- สถานีโทรทัศน์ อสมท (ช่อง 9) (สามารถเลือกฟังเป็นภาษาไทย/อังกฤษ)
- สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) (ภาษาไทย)
(2) วิทยุ
- สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 92.5 และ AM 891 (ภาษาไทย)
- สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 88 (ภาษาอังกฤษ)
- สถานีวิทยุ อสมท FM 100.5 (ภาษาไทย)
- สถานีวิทยุสราญรมย์ AM 1575 (ภาษาไทย)
(3) เว็บไซต์
- www.phraviharn.org (สามารถเลือกฟังเป็นภาษาไทย/อังกฤษ/ภาษาที่ใช้จริงในศาลฯ)
- saranrom.mfa.go.th (ภาษาไทย)
(4) สำหรับผู้ที่ใช้ smart phone สามารถรับชมได้ทาง mobile application ของ อสมท คือ MCOT App
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท