Skip to main content
sharethis

 

ตอนที่โดนจับปีที่แล้ว อัญชัญอายุ 58 ปี กำลังจะเกษียณอายุราชการหลังทำงานสำนักงานสรรพากรแห่งหนึ่งมานานกว่า 30 ปี เพื่อนร่วมอาชีพเคยให้ข้อมูลเมื่อหลายเดือนก่อนว่าการเป็นผู้ต้องหาคดี 112 ‘เครือข่ายบรรพต’ ทำให้เธอจะไม่ได้รับบำนาญและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่สะสมมา

เธอเป็นรายแรกๆ ที่ถูกจับในจำนวนทั้งหมด 10 กว่าคน ทหารบุกจับกุมที่บ้านพักเมื่อวันที่ 25 ม.ค.2558 และถูกนำตัวไปค่ายทหารที่ใดไม่มีใครรู้อยู่ 5 วันก่อนจะออกมาในการแถลงข่าวของตำรวจพร้อมคนอื่นๆ ที่ถูกทยอยจับกุม

เธอถูกคุมขังตั้งแต่นั้นมาจนปัจจุบัน เคยยื่นประกัน 1 ครั้งแต่ไม่เป็นผล ความคืบหน้าล่าสุดของคดีคือ เพิ่งเสร็จสิ้นสืบพยานโจทก์ “ปากแรก” ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน (24 ม.ค.) หรือเรียกได้ว่าใช้เวลาถึง 1 ปีเศษกว่าจะเริ่มสืบพยานปากแรกซึ่งก็คือ พ.ต.ท.โอฬาร สุขเกษม จาก ปอท. ว่ากันว่าเขาคือหนึ่งในหน่วยเฉพาะกิจที่สอบสวนผู้ถูกเรียกรายงานตัวที่เกี่ยวกับคดี 112 ในค่ายทหารช่วงหลังการรัฐประหารหลายต่อหลายคน และนำสู่การดำเนินคดีมากมาย

ศาลทหารนัดสืบพยานปากที่สองถัดไปอีก 3 เดือน (16 พ.ค.) โดยฝ่ายโจทก์ยื่นบัญชีพยานทั้งหมด 9 ปาก

เราไม่รู้ว่าระหว่างทางจะมีการเลื่อนสืบในปากใดอีกหรือไม่ เพราะเพียงแค่ปากแรกก็เลื่อนถึง 2 ครั้ง การสืบพยานแต่ละครั้งห่างกันเท่าใดก็ไม่แน่นอน เพราะศาลทหารนัดหมายครั้งต่อครั้ง ผู้ต้องหาหญิงคนนี้จึงไม่อาจจะกะเกณฑ์เวลาหรือคาดหวังจุดสิ้นสุดได้ชัดเจนนัก

แตกต่างจากศาลอาญาที่เมื่อมีการนัดสืบพยานแล้วก็จะนัดต่อเนื่องทั้งโจกท์จำเลย ทำให้อย่างน้อยผู้ต้องหาที่ถูกคุมขังรู้ว่าการต่อสู้คดีจะสิ้นสุดเมื่อไร 

ยังไม่นับรวมการพิจารณาคดีลับ ซึ่งเป็นไฟท์บังคับของคดี 112 ในศาลทหาร เราจึงไม่อาจรู้ว่าได้ว่า พ.ต.อ.โอฬาร และพยานปากอื่นๆ ให้การอย่างไร โจทก์และจำเลยใช้หลักฐานใดบ้างในการต่อสู้โต้แย้งกัน

ถามว่าทำไมเครือข่ายบรรพตซึ่งมีผู้ต้องหานับ 10 คนจึงถูกฟ้องแยกกัน และจำนวน “กรรม” ในคดีของอัญชัญจึงต่างกับของคนอื่นๆ ที่โดนกรรมเดียว แม้แต่ทนายเองก็ตอบคำถามนี้ไม่ได้ รู้ชัดแต่เพียงว่าเจ้าของคดีอัญชัญ คือ ดีเอสไอ ขณะที่ของคนอื่นคือ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท.

ดีเอสไอ ทำ 2 คดี คือ อัญชัญ 29 กรรม กับ ธารา 6 กรรม ทั้งสองคนนี้อยู่ระหว่างสู้คดี

ปอท.ทำ 1 คดี จำเลย 12 คนทั้งหมดถูกฟ้อง 1 กรรม แบ่งเป็น

-ส่วนที่ตัดสินแล้วโทษจำคุก 10 ปี (รับสารภาพลดกึ่งหนึ่ง) จำนวน 8 คน คือ บรรพต หรือหัสดิน, ดำรงค์, ไพศิษฐ์ (ตาบอดหนึ่งข้าง อีกข้างเป็นต้อขั้นรุนแรง), กรณ์รัฏฐ์, ทิพย์รชยา, วิทยา, นงนุช, กรวรรณ

-ส่วนที่ตัดสินแล้วโทษจำคุกน้อยกว่าเพราะเป็นผู้สนับสนุน จำคุก 6 ปี (รับสารภาพลดกึ่งหนึ่ง) จำนวน 2 คนคือ สายฝน, นที

-ส่วนที่ตัดสินใจสู้คดี 2 คน ได้แก่ เงินคูณและศิวาพร ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งวินิจฉัยเขตอำนาจศาลว่าเป็นศาลอาญาหรือศาลทหารที่มีอำนาจพิจารณาคดี

จะว่าเป็นเรื่องขำขื่นก็ไม่ผิดนัก เมื่อ “บรรพต” ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการ “ล้มเจ้า” อัดคลิปเสียงหลายร้อยคลิปถูกดำเนินคดีในความผิดตามมาตรา 112 จำนวน 1 กรรม ขณะที่อัญชัญซึ่งตามการบอกเล่าของตำรวจเป็นหนึ่งใน “ขบวนการของบรรพตที่จัดการด้านการเงิน” แต่ตามคำบอกเล่าของเธอเองคือ “ติ่งบรรพต” ถูกกล่าวหาว่าแชร์คลิปในเฟซบุ๊ก อัพคลิปขึ้นยูทูป โดนตั้งข้อหาความผิดถึง 29 กรรม

ย้อนดูเฉพาะคดีของอัญชัญจะพบว่าอัยการทหารฟ้องว่า เธอกระทำการเผยแพร่คลิปบรรพตใน 2 ช่องทางคือ ช่องทางยูทูป โดยนามแฝง 3 ชื่อ คือ anchana siri, มาลี รูท, un un และช่องทางเฟซบุ๊กในชื่อ Petch Prakery แต่ละคลิปที่เผยแพร่ครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่ 12 พ.ย.2557 จนถึง 24 ม.ค.2558 หรือก่อนที่เธอจะโดนจับ 1 วัน

อัยการทหารบรรยายฟ้องไล่เรียงไปทีละคลิปๆ จนครบ 29 ครั้ง (กรรม) โดยในแต่ละคลิป/กรรมจะคัดบางประโยคสั้นๆ ที่เกี่ยวพันกับการดูหมิ่นบุคคลตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งอย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า บรรพตนั้นมักพูดสนับสนุนเรื่องพระบรมโอรสาธิราชในฐานะรัชกาลถัดไปเป็นอย่างมาก และนั่นจึงมักเกี่ยวพันกับข่าวลือเรื่องพระอาการประชวรของรัชกาลปัจจุบัน

ที่น่าสนใจคือ มีหลายคลิปถูกบรรยายฟ้องซ้ำมากกว่า 1 ครั้ง เพราะเผยแพร่ในช่องทางที่ต่างกัน เช่น

-คลิปบรรพตที่ 283 ถูกนำมาบรรยายฟ้อง 2 กรรม คือ ยูทูปในนาม anchana siri กับ เฟซบุ๊ก Petch Prakery

-คลิปบรรพตที่ 394 ถูกนำมาบรรยายฟ้อง 3 กรรม คือ ยูทูปในนาม anchana siri และ มาลี รูท กับเฟซบุ๊ก Petch Prakery

-คลิปบรรพตที่ 395 ถูกนำมาบรรยายฟ้อง 2 กรรม คือ ยูทูปในนาม anchana siri และ un un

-คลิปบรรพตที่ 380 ถูกนำมาบรรยายฟ้อง 2 กรรม คือ ยูทูปในนาม anchana siri และ มาลี รูท

-คลิปบรรพตที่ 396 ถูกนำมาบรรยายฟ้อง 2 กรรม คือ การเผยแพร่ผ่านยูทูปในนาม un un และเฟซบุ๊ก Petch Prakery

-คลิปบรรพตที่ 398 ถูกนำมาบรรยายฟ้อง 2 กรรม คือ การเผยแพร่ผ่านยูทูปในนาม un un และ เฟซบุ๊ก Petch Prakery

เรียกว่า มีอย่างน้อย 6 คลิปที่ถูกบรรยายฟ้องเป็นความผิด 2-3 ครั้งเพราะเผยแพร่ต่างช่องทาง จึงไม่แปลกที่คดีนี้จะถูกฟ้องมากถึง 29 กรรม หากจำเลยในคดีนี้รับสารภาพ คาดเดาได้ว่าเขาจะโดนลงโทษจำคุกแล้วแต่ศาลทหารพิจารณา ซึ่งอัตราการลงโทษของศาลทหารต่อคดี 112 มีตั้งแต่ 10 ปี หรือ 9 ปี หรือ 3 ปี จากนั้นคูณด้วย 29 กรรม แต่อัญชัญตัดสินใจสู้คดี น่าเสียดายว่า เราไม่มีทางรู้ว่าโจทก์ใช้หลักฐานอะไรในการจับกุมเธอ และจำเลยต่อสู้คดีว่าอย่างไร ไม่รู้แม้กระทั่งว่าการสืบคดีจะเสร็จสิ้นเมื่อไร สิ่งที่รู้มีเพียงการสืบพยานปากที่สองน่าจะมีขึ้นในวันที่ 16 พ.ค.นี้ หากไม่มีการขอเลื่อนจากคู่คดี

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net