Skip to main content
sharethis

เลขาธิการ สปสช.แนะท้องถิ่นประสบปัญหาฝุ่นควันวิกฤต ใช้งบ “กองทุนสุขภาพตำบล” จัดหาหน้ากากอนามัยป้องกันผลกระทบสุขภาพ รณรงค์ให้ความรู้ ลดการเผาไหม้ไม่จำเป็น เผยสถานการณ์ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น 4 เดือนแรก ปี 62มีผู้ป่วยเด็ก เข้ารับการรักษาแล้ว 7.2 หมื่นครั้ง ขณะที่พื้นที่เขต 1 เชียงใหม่ พบผู้ป่วย 8.6 พันครั้ง

จากสถานการณ์วิกฤตฝุ่นควันที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือของไทย โดยจังหวัดเชียงใหม่ มีค่าสภาพอากาศขั้นวิกฤตสูงสุด นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช.ได้ติดตามสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันที่ยังคงวิฤตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือที่อยู่ในภาวะวิกฤตขณะนี้ เนื่องจากเป็นสภาวะแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนโดยตรง โดยเฉพาะต่อระบบทางเดินหายใจที่เป็นผลกระทบระยะสั้น โดยเด็กเป็นหนึ่งกลุ่มประชากรที่รับผลกระทบได้ง่าย จากรายงานข้อมูลการเข้ารับบริการภายใต้ “กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” หรือ “บัตรทอง” พบว่าภาพรวมของการเข้ารับการรักษาพยาบาลในกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจกรณีผู้ป่วยเด็กอายุ 0-15 ปี แต่ละปีมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากปี 2560 มีจำนวนการเข้ารับบริการ 276,275 ครั้ง ปี 2561 มีจำนวนการเข้ารักษารักษาเพิ่มเป็น 321,245 ครั้ง ขณะที่ปี 2562 เฉพาะช่วง 4 เดือนแรก มีผู้ป่วยเข้ารับบริการแล้ว 72,362 ครั้ง

จากข้อมูลเฉพาะในพื้นที่เขต 1 จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน และพะเยา ซึ่งเป็นพื้นที่พบฝุ่นควันในระดับวิกฤตพบว่า ปี 2561 มีผู้ป่วยเด็กเข้ารับการรักษาด้วยกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจจำนวน 26,018 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีจำนวน 20,654 โดยปี 2562 ในช่วง 4 เดือนแรก มีผู้ป่วยเข้ารับบริการด้วยกลุ่มโรคนี้ 8,601 ครั้ง ทำให้มีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

ข้อมูลข้างต้นเป็นการเข้ารับบริการเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยเด็กเท่านั้นไม่รวมประชากรในกลุ่มอายุอื่น ดังนั้นจึงต้องเร่งดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่ง “กองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่” หรือ “กองทุนสุขภาพตำบล” ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง สปสช.และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อมุ่งส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้กับประชาชนในพื้นที่ สามารถร่วมเป็นหนึ่งในกลไกเพื่อแก้ไขปัญหาสาธารณสุขจากฝุ่นควันและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพได้ อาทิ การรณรงค์ให้ความรู้ลดการเผาไหม้ที่ไม่จำเป็น การจัดหาหน้ากากอนามัยให้ชาวบ้านในพื้นที่เพื่อป้องกันภาวะเจ็บป่วยจากโรคระบบทางเดินหายใจ ควบคู่การแนะนำการใช้หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง เป็นต้น โดยเป็นไปตามประกาศหลักเกณฑ์เพื่อสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินงานและบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ พ.ศ. 2561 ข้อ 10 (5) ที่ระบุการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมกรณีเกิดโรคระบาดหรือภัยพิบัติในพื้นที่ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณสุขได้ตามความจำเป็น เหมาะสม และทันต่อสถานการณ์ได้

“วิกฤตฝุ่นควันเป็นปัญหาสาธารณภัยร้ายแรงที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันเร่งแก้ปัญหา และยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงฤดูร้อน ท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตฝุ่นควันนี้สามารถนำกองทุนสุขภาพตำบลมาเพื่อร่วมแก้ปัญหาได้ เพราะถือเป็นภาวะจำเป็นด้านสุขภาพที่ต้องเร่งแก้ไข ก่อนที่จะส่งผลกระทบกับประชาชนเป็นวงกว้างในทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงคุณภาพชีวิตประชาชน” เลขาธิการ สปสช. กล่าว    

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net