Skip to main content
sharethis

ไพบูลย์ เผยเตรียมย้ายซบพลังประชารัฐเพราะมีอุดมการณ์เดียวกันคือหนุนประยุทธ์เป็นนายกฯ ระบุไม่ได้ยื่นยุบพรรค แค่ขอยกเลิกการทำพรรคการเมือง ย้ำ พ.ร.ป.พรรคการเมืองไม่เป็นปัญหา เพียงแต่พรรคทำตามเงื่อนไขไม่ได้เอง ส่วนคำสอนพระพุทธเจ้าอยู่ในแนวทางนโยบายรัฐบาลอยู่แล้ว 'อดีต กกต. สมชัย' ชี้โอนคะแนนไปให้พรรคใหม่ไม่ได้

ไพบูลย์ นิติตะวัน

22 ส.ค. 2562 รัฐสภา เกียกกาย ไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฎิรูป แถลงชี้แจงกรณีการยืนยุบพรรคตนเองว่า ในข้อเท็จจริงการกระทำดังกล่าวไม่ใช่การยื่นยุบพรรค แต่เป็นการยื่นเพื่อขอยกเลิกการทำพรรคการเมือง โดยกรณีนี้ไม่ได้ตนไม่ใช่ผู้ตัดสินใจ แต่มาจากมติคณะกรรมการบริหารพรรค

ไพบูลย์ ระบุถึงสาเหตุขอการยกเลิกการทำพรรคการเมืองว่า กรรมการบริหารพรรคหลายคนมีภารกิจอื่นๆ ที่ต้องไปดำเนินการหลังจากเสร็จภารกิจการเลือกตั้งหลัง ประกอบกับเงื่อนไขทางธุรการที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ป.พรรคการเมืองนั้นมีหลายสิ่งที่พรรคจะต้องดำเนินการอีกมาก และเห็นว่าหาก กรรมการบริหารพรรคหลายคนประสงค์จะลาออก ก็ควรไปพร้อมกันทั้งหมด จึงมีมติให้ยกเลิกการทำพรรคการเมือง ส่วนเงินที่ได้จากกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองจำนวน 880,000 บาทนั้น จะส่งคืนให้กองทุนทั้งหมด

สำหรับเส้นทางทางการเมืองต่อไปจากนี้ ไพบูลย์ ชี้แจงว่า ได้ไปพูดคุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐแล้ว โดยหลังจากการยกเลิกพรรคมีผลทางกฎหมายก็จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทันที

“ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรไว้แล้ว โดยผมจะไปช่วยงานด้านกฎหมาย และไปเป็น ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ” ไพบูลย์ กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมจึงเลือกไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ ไพบูลย์ระบุว่า เนื่องจากมีอุดมการณ์ที่ตรงกันคือ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยในข้อเท็จจริงนั้นพรรคของตนได้เสนอเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนที่จะมีพรรคพลังประชารัฐ ส่วนเรื่องของการน้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นได้ถูกไว้ในแนวทางนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว โดยกำหนดให้มีการนำคำสอนของพระพุทธเจ้า ไปเผยแพร่เพื่อให้ประชาชนได้พัฒนาจิตใจ จึงไม่มีปัญหาใดๆ ในการร่วมงานกัน

ส่วนกรณีที่สมาชิกพรรคได้ชำระค่าสมาชิกมานั้น ไพบูลย์ ระบุว่า ได้มีการนำเงินเหล่านั้นได้ใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ ของพรรค และจะมีการยื่นบัญชีให้ สตง. ตรวจสอบทั้งหมด โดยคิดว่าไม่มีอะไรเป็นปัญหา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่ต้องยื่นยกเลิกพรรคนั้นคิดว่าเป็นปัญหาจาก พ.ร.ป. พรรคการเมืองหรือไม่ ที่ไม่เอื้อให้พรรคเล็กเกิดขึ้นได้ ไพบูลย์ระบุว่า พ.ร.ป.พรรคการเมืองไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่มีเงื่อนไขต่างๆ ที่พรรคไม่สามารถทำตามได้ และไม่คิดว่าจะต้องไปแก้ไขกฎหมายเพื่อที่จะทำให้พรรคอยู่รอด

ภาพโดย กิตติยา อรอินทร์

'อดีต กกต. สมชัย' ชี้โอนคะแนนไปให้พรรคใหม่ไม่ได้

ขณะที่ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ความเห็นกรณีนี้ผ่านเฟสบุ๊คว่า ถ้าเป็นสมัยก่อน บัตรเลือกตั้งสองใบ เขาได้เป็นบัญชีรายชื่อจากบัตรเลือกตั้ง ก็ถือว่ามีสถานะเป็นส.ส.แล้ว เมื่อยุบพรรคก็ไปหาพรรคใหม่อยู่ได้ใน 60 วัน แต่กติกาใหม่ บัตรเลือกตั้งใบเดียว จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อผูกอยู่กับคะแนนเขตที่เลือกพรรคนั้น

ตนจึงมีความเห็นว่า 1.โอนคะแนนไปให้พรรคใหม่ไม่ได้ เพราะตอนประชาชนกาบัตร เขาไม่ได้กาให้พรรคใหม่ 2.กกต.ต้องคำนวณส.ส.บัญชีใหม่ทั้งระบบ โดยตัดคะแนนพรรคนายไพบูลย์ออกและจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อจากส.ส.ที่พึงจะมีแต่ละพรรคใหม่ 3.นายไพบูลย์ ต้องเลือกไปอยู่พรรคที่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่ม (หากเขารับ) และคงสถานะเป็นส.ส. (แต่หากไม่รับ ความเป็นส.ส.สิ้นสุดลง) 4.ไม่ควรจบง่ายๆ ว่ายุบแล้วไปอยู่พรรคไหนก็ได้ทันที เพราะเช่นนั้น บรรดาพรรค 1 เสียงทั้งหลายจะทำตาม เพื่อหลีกความเสี่ยงในความไม่แน่นอนที่ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งใหม่ใน 1 ปี หลังจาก 24 มี.ค.62 ว่าอาจถูก กกต.คำนวณใหม่ และหมดสภาพการเป็น ส.ส. เช่นเดียวกับ กรณีพรรคไทยรักธรรม เรื่องนี้ ควรเป็นเรื่องที่สังคมต้องจับตามองและดูแนวการวินิจฉัยจาก กกต. ชุดปัจจุบันว่าจะมีมติอย่างไร

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net