Skip to main content
sharethis

1 เม.ย. 2563 'เชียงใหม่' พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่ม 1 ราย สะสม 34 ราย (ปรับตัวเลขให้เชียงราย 1 ราย) | 'ลำพูน' เพิ่ม 1 ราย สะสม 4 ราย | 'ลำปาง' แม้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ แต่พร้อมใช้ ศูนย์ OTOP อบจ. เปิด รพ.สนาม | 'พะเยา' ให้ 2 อำเภอที่พบผู้ติดเชื้อพิจารณาปิดหมู่บ้าน | 'แพร่' ใช้กลไกคณะกรรมการหมู่บ้านคัดกรองคนเข้าออกชุมชน | 'แม่ฮ่องสอน' ใครไม่กักตัวจับจริง เบื้องต้นพบ 1 ราย ที่บ้านทุ่งแล้ง - ประกาศเคอร์ฟิว 1-14 เม.ย. 2563 ห้ามเดินทางเข้าออกจังหวัดประชาชนห้ามออกนอกเคหะสถาน 22.00-04.00 น.

'แม่ฮ่องสอน' ใครไม่กักตัวจับจริง เบื้องต้นพบ 1 ราย ที่บ้านทุ่งแล้ง - ประกาศเคอร์ฟิว 1- 14 เม.ย. 2563 ห้ามเดินทางเข้า-ออกจังหวัดประชาชนห้ามออกนอกเคหะสถาน 22.00 - 04.00 น. | ที่มาภาพ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

1 เม.ย. 2563 ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจ จังหวัดเชียงใหม่ (ศ.ข.ฉ.ก.) ได้แถลงข่าวสถานการณ์เชื้อไวรัส COVID-19 ในพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ ประจำวันที่ 1 เม.ย. 2563 เพื่อแจ้งข้อมูลความคืบหน้าของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่โดยไลฟ์สดผ่านเพจข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่

นายแพทย์กิตติพันธุ์ ฉลอม นายแพทย์ชำนาญการ สำนักระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่า วันนี้ (1 เม.ย. 2563 ) จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อโควิด – 19 ยืนยันเพิ่ม 1 ราย เป็นเพศหญิง อายุ 26 ปี เป็นผู้ร่วมห้องกับผู้ป่วยยืนยัน PUI 592 มีอาการไม่มาก ขณะนี้ได้ให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อแยกตัวออกมา จนกว่ากว่าพ้นระยะแพร่เชื้อ จึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ ทั้งนี้ผู้ป่วยรายนี้มีผู้สัมผัสใกล้ชิด 2 ราย ตอนนี้เข้าสู่การกักตัวให้ครบ 14 วัน เพื่อติดตามอาการ

ในกรณีของผู้ป่วยยืนยัน PUI 566 เพศชาย อายุ 56 ปี นั้น ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการปรับจำนวนผู้ป่วยในจังหวัดเชียงใหม่ให้สอดคล้องกับในภาคเขต และประเทศ ซึ่งจากข้อมูลการสอบสวนโรค พบว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดเชียงราย และพักอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงรายตลอดตั้งแต่กลับมาจากสหราชอาณาจักร จนกระทั่งป่วย จึงได้ขับรถมาหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ สำหรับยอดผู้ป่วยของรายนี้ จึงเป็นยอดของจังหวัดเชียงราย เพื่อไม่ให้ยอดซ้ำซ้อน และเกิดความสับสนกับประชาชน

สำหรับยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 34 ราย ของจังหวัดเชียงใหม่นั้น มาจากกลุ่มที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ระบาด จำนวน 8 ราย กลุ่มผู้สัมผัสร่วมบ้านผู้ป่วยยืนยันจำนวน 3 ราย และกลุ่มมีประวัติเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 23 ราย

'ลำพูน' เพิ่ม 1 ราย สะสม 4 ราย

1 เม.ย. 2563 ที่ศาลากลางจังหวัดลำพูน นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย นายแพทย์ สุริยพงณช์ สุริยะพงฑากุล นายแพทย์เชี่ยวชาญ(ด้านเวชกรรมป้องกัน) และนายแพทย์พงษ์ศักดิ์ โสภณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำพูน แถลงข่าวจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) จังหวัดลำพูนต่อสื่อมวลชน ซึ่งขณะนี้ยังพบผู้ป่วยยืนยันรวมจำนวน 4 ราย

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่าสถานการณ์จังหวัดลำพูน ข้อมูล ณ วันที่ 1 เม.ย. 2563 ผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรครายใหม่ จำนวน 5 ราย รวมผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสม จำนวน 84 ราย มีผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด- 19 จำนวน 4 ราย รักษาหาย 69 ราย ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 15 ราย และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 2 ราย จากการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2563 พบผู้ติดเชื้อ 3 ราย ซึ่งในรายที่ 1 ชายไทยอายุ 39 ปี เดินทางมาจากอินโดนีเซีย อยู่ในระหว่างการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลลำพูน ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ ไม่มีอาการผิดปกติ จะครบ 14 วัน 

สำหรับ วันที่ 10 เม.ย. 2563 ในรายที่ 2 ชายไทยอายุ 30 ปี ที่ติดเชื้อจากสถานบันเทิงจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ ไม่มีอาการผิดปกติ จะครบ 14 วัน วันที่ 10 เม.ย. 2563 มีผู้สัมผัสร่วมกินหมูกระทะ จำนวน 5 ราย ยืนยันผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อและอยู่ในการกำกับดูแลของแพทย์โรงพยาบาลลำพูน ครบ 14 วัน วันที่ 14 เม.ย. 2563
 
ส่วนในรายที่ 3 เป็นผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นภรรยาของผู้ติดเชื้อรายที่ 2 อยู่ในระหว่างการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลลำพูน ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. 2563 ไม่มีอาการผิดปกติ ผู้สัมผัสที่ทำงานสถานที่ทำงานกับผู้ติดเชื้อรายที่ 3 จำนวน 11 คน แยกเป็น 2 ประเภท สัมผัสเสี่ยงต่ำ (ทำงานที่สถานที่เดียวกันแต่คนละแผนกและไม่สัมผัสใกล้ชิด) จำนวน 9 ราย ซึ่งโรงพยาบาลลำพูนได้ติดตามทั้ง 9 ราย มาอยู่ในกำกับดูแลของแพทย์และเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ (วันที่ 1 เม.ย. 2563) สัมผัสเสี่ยงสูง (ทำงานแผนกเดียวกันกับผู้ป่วย) จำนวน 2 ราย ยืนยันไม่พบชื้อจำนวน 1 ราย อยู่ในกำกับการดูแลของแพทย์จนครบ 14 วัน พบเชื้อจำนวน 1 ราย (ในรายที่ 4)

กรณีในรายที่ 4 เป็นหญิงไทยอายุ 32 ปี เป็นผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อรายที่ 3 เป็นเพื่อนร่วมงานในห้องเดียวกัน ดูดน้ำกระติกเดียวกันกินไอศกรีมถ้วยเดียวกัน (Timeline) วันที่ 15 มี.ค. 2563 อยู่บ้านไม่ได้ไปสถานที่อื่นใด วันที่ 16-21 และ 23-28 มี.ค. 2563 เวลา 08.00 -12.00 น. ทำงานในสถานที่ Kerry สาขานิคมลำพูน เวลา 12.00-13.00 น. ออกไปรับประทานอาหาร ซื้อขนมที่ Mister donut และ dairy queen ที่ Big C ทุกวัน เวลา 13.00 -17.00 น. ทำงานในสถานที่ Kery สาขานิคมลำพูน ตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไป แวะตลาดสันปูเลย หมู่ 13 บ้านปูเลย ต.มะเขือแจ้ อ.เมือง จ.ลำพูน ทุกวัน วันที่ 22 มี.ค. 2563 อยู่บ้านไม่ได้ไปสถานที่อื่นใด วันที่ 29 มี.ค. 2563 หยุดอยู่บ้านไม่ได้ไปสถานที่อื่นใด วันที่ 30 มี.ค. 2563 เข้ารับการตรวจรักษาใน โรงพยาบาลลำพูน (ทราบผลการตรวจเชื้อของผู้ป่วยรายที่ 3 ยืนยันติดเชื้อ) และได้รับการเก็บตัวอย่างส่งตรวจ วันที่ 31 มี.ค. 2563 เวลา 22.00 น. ผลยืนยันผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มีผู้สัมผัสร่วมบ้าน (สามี) ทำงานอยู่บริษัทเอกชน ขณะนี้อยู่ในการกำกับของแพทย์และเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ (1 เม.ย. 2563 ) ผู้ร่วมงานในบริษัทเอกชน จำนวน 16 คน ทีมควบคุมโรคและทีมสอบสวนโรคของโรงพยาบาลลำพูนและสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองลำพูน เข้าไปสอบสวนและกำกับติดตาม ให้ดำเนินการกักตัวที่บ้าน 14 วัน

ด้านมาตรการประกอบด้วย 1.ผู้ใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงาน (10 คน) ของผู้ป่วยรายที่ 3 และรายที่ 4 ให้นายอำเภอออกคำสั่งกักตัวเป็นเวลา 14 วัน (อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินงาน) 2.ติดตามตัวผู้ปฏิบัติงานที่ Mister donut และ Dairy queen ที่ BigC ระหว่างเวลา 12.00 -13.00 น. และแม่ค้าตลาดสันปูเลยที่สัมผัสโดยตรงกับผู้ติดเชื้อรายที่ 4 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ระหว่างวันที่ 16 -21 และ 23-28 มี.ค. 2563 ให้มาอยู่ในกำกับการดูแลของแพทย์ 3. ออกประกาศเฝ้าระวังให้ผู้ใช้บริการในสถานที่ดังต่อไปนี้ ประกอบด้วย ผู้ที่มาใช้บริการที Mister donut และ dairy queen ที่ Big C ระหว่างเวลา 12.00 -13.00 น. ระหว่างวันที่ 16 -21 และ 23-28 มี.ค. 2563 , ผู้ที่มาใช้บริการที่ตลาดสันปูเลย หมู่ 13 บ้านสันปูเลย ต.มะเขือแจ้ อ.เมือง จ.ลำพูน ระหว่างวันที่ 16 -21 และ 23-28 มี.ค. 2563 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ทั้งนี้ได้ขอให้แยกตนเองและสังเกตอาการใกล้ชิดเป็นเวลา 14 วัน หากมีไข้ ร่วมกับอาการทางเดินหายใจ ได้แก่ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ ให้ท่านไปพบแพทย์โรงพยาบาลใกล้บ้าน และเพื่อนร่วมงานในบริษัทเอกชนของสามีผู้ติดเชื้อรายที่ 4 จำนวน 16 คน ให้นายอำเภอออกคำสั่งกักตัวเป็นเวลา 14 วัน (อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินงาน) พร้อมทั้งติดตามตัวผู้ที่มาใช้บริการที่ Kerry สาขานิคมลำพูน ระหว่างวันที่ 16 -21 และ 23-28 มี.ค. 2563 ระหว่างเวลา 08.00 -12.00 น. และ 13.00 -17.00 น.เพื่อมาอยู่ในระบบเฝ้าระวังทางการแพทย์

'ลำปาง' พร้อมเปิด รพ.สนาม รองรับกรณีพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก

1 เม.ย. 2563 ที่ศาลากลางจังหวัดลำปาง นายก่อพงษ์ โกมลรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 6/2563 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม ซักซ้อมความเข้าใจในมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของจังหวัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว โดยปัจจุบันจังหวัดลำปาง ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ส่วนข้อมูลยอดผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค จำนวน 38 คน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติ ไม่พบสารพันธุกรรมของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ทั้ง 38 คน

ในส่วนของจังหวัดลำปาง ถึงแม้ขณะนี้จะยังไม่พบผู้ติดเชื้อ แต่ทางจังหวัดก็ได้มีการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ให้แก่เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ โดยโรงพยาบาลทุกสังกัดในจังหวัดลำปางขณะนี้ ได้ปรับห้องเพื่อทำการรักษา และสามารถรองรับผู้ป่วยได้ถึง 400 เคส หรือหากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ทางจังหวัดได้จัดเตรียมแผนเพื่อรองรับ โดยการเปิดโรงพยาบาลสนาม โดยเบื้องต้นจะปรับปรุงอาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (ศูนย์ OTOP) องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง เพื่อใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม หรือปรับระบบบริการใน รพ.ชุมชนบางแห่ง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

'พะเยา' ให้ 2 อำเภอที่พบผู้ติดเชื้อ พิจารณาปิดหมู่บ้านที่พบการติดเชื้อ

1 เม.ย. 2563 นายชุติเดช มีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือไวรัสโควิด-19 ระดับอำเภอผ่านระบบ Video Conference ณ ห้องประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดพะเยา ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดพะเยา โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นคณะทำงานศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดพะเยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้สั่งการให้อำเภอที่มีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คือ อำเภอจุนและอำเภอเชียงคำ พิจารณาดำเนินการแจ้งให้ประชาชนงดการเดินทางเข้าออกหมู่บ้านที่พบการติดเชื้อ ร่วมถึงหมู่บ้านข้างเคียง หากพบว่ามีความจำเป็น ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะใช้งบฉุกเฉินในการดูแลจัดเลี้ยงอาหารให้ชาวบ้านในหมู่บ้านครบทุกราย รวม 3 มื้อ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเกิดการเคลื่อนไหวเข้าออกในพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อลดการแพร่เชื้อไปยังหมู่บ้านและอำเภอต่างๆ รวมถึงพื้นที่อื่นๆด้วย ทั้งนี้ จังหวัดพะเยาพะเยา จะใช้สองอำเภอนี้ เป็นโมเดลในการควบคุมการแพร่ระบาดให้กับอำเภอทั้ง 9 อำเภอในจังหวัดพะเยา ส่วนอำเภอใดที่พบว่าเป็นพื้นที่เสี่ยง แต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ต้องการควบคุมพื้นที่ พร้อมให้เสนอแผนเข้ามายังจังหวัด เพื่อที่จะพิจารณาสนับสนุนงบประมาณดำเนินการดังกล่าวให้

ขณะเดียวกันทางจังหวัดพะเยา ได้มีการตั้งจุดตรวจสกัดกั้นยับยั้งการแพร่ระบาด จำนวน 6 จุด มีการตรวจวัดตามกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มข้น โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้รับการสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ทุกราย เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งจนถึงขณะนี้จังหวัดพะเยา มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ราย เท่าเดิม ส่วนที่อำเภอดอกคำใต้ ล่าสุดก็ครบห้วงเวลาการเฝ้าระวังแล้ว หลังจากที่มีผู้ติดเชื้อได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ ทำให้อำเภอดอกคำใต้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด

'แพร่' ใช้กลไกคณะกรรมการหมู่บ้านคัดกรองคนเข้าออกชุมชน

1 เม.ย. 2563 นางกานต์เปรมปรีด์  ชิตานนท์  ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ได้ออกคำสั่งจัดตั้งจุดตรวจการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ให้ตั้งจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เพื่อตรวจคัดกรองประชาชนที่เดินทางผ่านจังหวัดแพร่ เพื่อจัดระเบียบการเดินทางการเฝ้าระวังรวมทั้งเฝ้าระวัง หรือสังเกตอาการของผู้เดินทางและพฤติกรรม เสี่ยงต่อการติดโรคโควิด- 19 จำนวน 3 จุด ได้แก่ จุดตรวจบริเวณประตูสู่ล้านนา ตำบลแม่จั๊วะ อำเภอเด่นชัย จุดตรวจบริเวณแยกแม่แขม ตำบลบ่อเหล็กลอง อำเภอลอง และจุดตรวจบริเวณแยกร้องเข็ม ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง โดยให้ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมงแบ่งเป็น 3 ผลัดคือผลัดที่ 1 เวลา 08.00 - 16.00 น. ผลัดที่ 2 เวลา 16.00 - 24.00 น. ผลัดที่ 3 เวลา 00.00 - 08.00 น. เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2563 เป็นต้นมา

นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ขานรับนโยบายของจังหวัดแพร่ได้ใช้กลไกคณะกรรมการหมู่บ้านทำงานร่วมกับ อสม. ในชุมชนตรวจคัดกรองประชาชนที่เดินทางเข้า ออกหมู่บ้านของตนเองอีกระดับหนึ่ง เพื่อสนับสนุนการทำงานการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยได้กล่าวว่าหากชุมชนเข้มแข็งสามารถบริหารจัดการตนเองได้ในระดับชุมชน โดยไม่รอข้อสั่งการของราชการจะทำให้กลไกการทำงานของคณะกรรมการหมู่บ้านเข้มแข็ง ร่วมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้เนื่องจากโรคโควิด 19 เป็นโรคที่แพร่เชื้อได้รวดเร็ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องนำนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติให้ทั่วถึงสู่ประชาชนให้รวดเร็วมากที่สุดและชุมชนให้ความร่วมมือรักษาชุมชนของตนเองให้สามารถป้องกันโรคโควิด 19 ในพื้นที่ถึงเวลาที่ประชาชนต้องร่วมแรงร่วมใจโดยใช้กลไกคณะกรรมการหมู่บ้านทำหน้าที่ แบ่งหน้าที่เพื่อคัดกรองผู้เข้าออกหมู่บ้านและที่สำคัญต้องปฏิบัติตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขคือ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” คือประชาชน ต้องงดการเดินทางออกนอกบ้าน หากมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดต้องออกจากบ้านให้สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยและล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง เมื่อจับสิ่งของนอกบ้าน งดงานเลี้ยงสังสรรค์ งดการสนทนาเป็นกลุ่มใหญ่ งดงานประเพณีต่างๆ งดทานอาหารนอกบ้านเป็นต้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิค 19

'แม่ฮ่องสอน' ใครไม่กักตัวจับจริง เบื้องต้นพบ 1 ราย ที่บ้านทุ่งแล้ง - ประกาศเคอร์ฟิว 1-14 เม.ย. 2563 ห้ามเดินทางเข้าออกจังหวัดประชาชนห้ามออกนอกเคหะสถาน 22.00-04.00 น.

ที่มาภาพ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

1 เม.ย. 2563 นายวีกิจ เจ้าดูรี ปลัดฝ่ายปกครอง และ นายนนทวัฒน์ วุฒิลักษณ์ ปลัดฝ่ายความมั่นคง อำเภอแม่สะเรียง ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.ทุ่งแล้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ว่ามีบุคคลต้องสงสัยเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ได้เข้ามาพักอาศัยภายในหมู่บ้าน แต่ไม่ยอมกักตัว 14 วัน ตามที่ประกาศกำหนด

ปลัดอำเภอ สาธารณสุขอำเภอและผู้ใหญ่บ้าน จึงเข้าทำการตรวจสอบพบว่าเป็นชาวพม่า ทราบชื่อนายส่านโทอู ที่อยู่ตามบัตรประชาชน เลขที่ 7 หมู่ที่ 1 ต.แม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งได้เดินทางกลับจากทำงานจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. 2563 โดยไปพักอาศัยที่ บ้านทุ่งแล้ง ต.แม่คง จ.แม่ฮ่องสอน

จากการรายงานบุคคลดังกล่าวมีพฤติกรรมชอบออกไปดื่มสุราในช่วงเวลาเย็น ไม่กักตัว ผู้ให้พักอาศัยจึงแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ ด้านเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ใช้อำนาจตามมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ออกคำสั่งให้กักตัวผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย (โรคโควิด-19) พร้อมลงพื้นที่เข้าควบคุมตัวไปดำเนินการกักตัวไว้ ในบริเวณบ้านพักของพื้นที่จัดการขยะทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ขององค์การบริหารส่วนตำบลแม่คง เพื่อเฝ้าระวังต่อไป

วันเดียวกันนี้ (1 เม.ย.) นายสุวพงศ์  กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนลงนามในประกาศจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดต่อไวรัสโควิด 19 ฉบับที่ 3  มีใจความโดยสรุปดังนี้

1. ห้ามประชาชนเดินทางเข้า-ออก เขตพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนตั้งแต่เวลา 22.00 น. - 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่เพื่อประโยชน์ในการรักษาพยาบาล การแพทย์ การขนส่งสินค้าที่จำเป็น สินค้าอุปโภค บริโภค การไปรษณีย์ อุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์ ยานพาหนะเพื่อการกู้ชีพ กู้ภัย ฉุกเฉิน รถพยาบาลและยานพาหนะของราชการ หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ

2. ให้ผู้พำนักอาศัยในเขตพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนห้ามมิให้ออกนอกเคหะสถานหรือบริเวณสถานที่พำนักของตนตั้งแต่เวลา 22.00 น. - 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากสภาพแวดล้อมภายนอก กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน

3. ห้ามผู้ไม่มีสัญชาติไทยเดินทางเข้าในเขตพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน

4. ให้ผู้มีสัญชาติไทยที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯและจังหวัดในปริมณฑลหรือจังหวัดเสี่ยงที่มีการแพร่ระบาดของโรค ตามที่กรมควบคุมโรคประกาศเมื่อเดินทางเข้าเขตพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนให้ไปรายงานตัวกับหรือผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันหรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อท้องที่และเข้ามาตรการกักกันที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน

5. ให้ผู้ประกอบการประเภทโรงแรมที่พักชั่วคราว โฮมสเตย์ รวมทั้งสถานที่ให้บริการในลักษณะที่พักทุกประเภท ให้มีการคัดกรองไข้ก่อนลงทะเบียนเข้าพักจัดทำทะเบียนควบคุมผู้ใช้บริการทุกคนและหากเป็นชาวต่างชาติหรือเป็นนักท่องเที่ยวที่มีประวัติการเดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขให้แจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อท้องที่ทันที

หากผู้ใดฝ่าฝืนประกาศนี้มีฐานความผิดมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและหรือเป็นความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ 2548 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 14 เม.ย. พ.ศ. 2563

ที่มาเรียบเรียงจาก ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจของจังหวัดเชียงใหม่ | สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7]




 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net