Skip to main content
sharethis

ปรากฏการณ์ GameStop ที่บางคนเรียกว่า Wall Street Hunger Game นักเล่นหุ้นรายย่อยรวมตัวกัน “ปั่น” หุ้น GameStop ทำให้กองทุน Wall Street ที่ทำ Short Sell ไว้ต้องซื้อคืนในราคาแพง จนดัชนีดาวน์โจนส์หล่นวูบ สร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว และกำลังลามไปยังหุ้นตัวอื่นตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก

เรื่องตลกคือทั้งโดนัลด์ ทรัมป์, เบอร์นี แซนเดอร์ส และอเล็กซานเดรีย โอคาซีโอ-คอร์เทซ ส.ส.เดโมแครตกลุ่มประชาธิปไตยสังคมนิยม ล้วนเชียร์ Reddit Army ถล่ม Wall Street ขณะที่อีลอน มัสค์ออกมาหนุนบิทคอยน์ ซึ่งนักลงทุนรายย่อยมองเป็นเงินแห่งอนาคต เงินที่รัฐควบคุมไม่ได้ เงินที่พิมพ์เพิ่มไม่ได้

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอาจซับซ้อนเข้าใจยาก สำหรับคนที่ไม่เข้าใจกลไกตลาดหุ้น (ชวนยังไงก็ไม่กล้าลงทุนบิทคอยน์) แต่มองในภาพกว้างได้ว่า นี่คือการประท้วงระบบตลาดทุน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมี เป็น Occupy Wall Street จากภายใน ซึ่งไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น

ขณะเดียวกันก็พอเข้าใจกว้าง ๆ ถึงที่มาที่ไป นักเศรษฐศาสตร์การเมืองเคยชี้ไว้แล้วว่า ชัยชนะของทรัมป์เมื่อสี่ปีก่อน เกิดจากความไม่พอใจของคนอเมริกันเรื่องความเหลื่อมล้ำ วิกฤติซับไพรม์ทำให้คนตกงานล้มละลายเสียบ้าน แต่รัฐเข้ามาอุ้มบริษัทยักษ์ใหญ่ กลายเป็นกระแส Anti-Establishment ต่อต้านโครงสร้างสถาบันการเมืองเดิม จนเกิดความนิยมทรัมป์สุดโต่ง (ซึ่งไม่ใช่คนของรีพับลิกันมาก่อน) พร้อมกับที่คนรุ่นใหม่ฝั่งเดโมแครตหันไปนิยมเบอร์นี แซนเดอร์

ปรากฏการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ก็เช่นเดียวกับอาหรับสปริง ม็อบฮ่องกง ม็อบคนรุ่นใหม่ไทย ซึ่ง “ทะลุเพดาน” ฉีกความคิดความเชื่อคนรุ่นเก่าอ้าปากค้าง

เช่นเดียวกับม็อบคนรุ่นใหม่ประท้วงทั่วรัสเซีย แม้อำนาจปูตินยังแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น

ทั้งหมดนี้โซเชียลมีเดียเป็นกลไกสำคัญ ม็อบฮ่องกงม็อบไทยนัด “แกง” ตำรวจผ่านโซเชียล นักลงทุนอเมริกันก็สื่อสารผ่าน Reddit คนรุ่นใหม่รัสเซียเรียกร้องให้ปล่อย อเล็กเซ นาวาลนี นักเคลื่อนไหวต่อต้านปูติน ที่ออกคลิปทางยูทูบที่มียอดวิวเป็นพันล้าน

แน่ละ Wall Street คงไม่พังครืน ม็อบล้มปูตินไม่ได้ แต่ใครที่คิดว่าหลังโควิดเศรษฐกิจโลกจะฟื้นคืนมาเหมือนเดิม หลังไบเดนชนะการเมืองโลกจะราบรื่น ก็คงไม่ง่ายอย่างนั้น

หรือคิดว่าอ๋อ ดีสิ เศรษฐกิจจีนจะได้แข็งแกร่ง ประชาธิปไตยพัง ระบอบพรรคเดียว ระบอบอำนาจนิยมจงเจริญ ก็อย่าลืมว่ากระแส Anti-Establishment ไม่ยกเว้นใครทั้งสิ้น จีนก็มีปัญหาภายในที่รอปะทุอยู่เหมือนกัน

วิกฤติเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่ ปะทุขึ้นในประเทศประชาธิปไตยตะวันตกก่อน เกิดการเมืองเอียงขวาชาตินิยมกีดกันคนอพยพเอาเศรษฐกิจตัวเองไว้ก่อน โดยมีแนวโน้มนิยมคนใหม่ ที่ไม่เคยอยู่ใน “การเมืองเก่า” (แต่บางคนก็พังไปแล้ว เช่นประธานาธิบดีบราซิล ที่พวกเคร่งศาสนาอีแวนเจลิคัล ชื่นชมเป็นคนดี)

ทรัมป์แพ้ แต่เงื่อนไขที่ทำให้ทรัมป์ชนะยังอยู่ ประชาธิปไตยถ้ามีแต่หลักการสวยหรู ไม่สามารถลดความเหลื่อมล้ำ อำนาจผูกขาดทางเศรษฐกิจอย่างไม่เป็นธรรม ก็จะเกิดมรสุมปั่นป่วน บนอันตรายที่ฟองสบู่แตกได้ทุกเมื่อ

นั่นเป็นปัญหาของประเทศประชาธิปไตย แล้วถามว่าระบอบอำนาจนิยมที่เอื้อทุนยักษ์ใหญ่ผูกขาดเศรษฐกิจด้วย เหลื่อมล้ำสูงด้วย รัฐราชการเป็นเจ้าขุนมูลนายไร้ประสิทธิภาพด้วย นักการเมืองฉ้อฉลด้วย จะขนาดไหน แม้อำนาจใหญ่โตกดไว้ชั่วคราว

คนรุ่นใหม่ไทยไม่ได้ต้านแค่ประยุทธ์ แต่กำลัง Anti-Establishment เช่นกัน #saveบางกลอย ต้านรัฐราชการ “ปิดตลาดไม่ปิดห้าง” ประท้วงความเหลื่อมล้ำ

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกสะท้อนว่า ภาวะ Disruption กำลังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีใครคาดคิด คาดเดาไม่ได้ ไม่มีนักวิเคราะห์คนไหนทายถูก

วันนี้พรุ่งนี้อาจมีอะไรพลิกผันอีกก็ได้ทั้งในโลกและในประเทศไทย

 

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/419404 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net