ศาลให้ประกันผู้ต้องหาคดี ม.112 หลังถูกคุมขังมา 24 วัน - ตร.สภ.ธัญบุรี เข้าแจ้งข้อหา ม.112 'แอมมี่' ในเรือนจำ

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยศาลอาญากรุงเทพใต้ให้ประกัน 'อนุชา' ผู้ต้องหาคดี ม.112 หลังถูกคุมขังมา 24 วัน - ตร.สภ.ธัญบุรี เข้าแจ้งข้อหา ม.112 'แอมมี่' ในเรือนจำ เหตุปราศรัย-ร้องเพลงหน้าศาลธัญบุรี

 

19 มี.ค 2564 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวอนุชา (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112...

โพสต์โดย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เมื่อ วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม  2021

 

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าเมื่อวันที่ 19 มี.ค 2564 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวอนุชา (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 หลังจากถูกจับกุมตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. 64 จากกรณีชูป้ายแผ่นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ในชุมนุม #ม็อบตำรวจล้มช้าง บริเวณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจะอนุชาจะถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครในช่วงเย็นนี้ หลังจากถูกคุมขังมาแล้วทั้งหมด 24 วัน

ในการยื่นประกันตัว ทนายได้วางหลักประกันเป็นเงินสดจำนวน 150,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ พร้อมทั้งระบุเหตุผลในการขอประกันโดยสรุปว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้มีภูมิลำเนาถิ่นฐานที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน โดยประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัท ไม่ได้มีอิทธิพลหรือความสามารถที่จะไปยุ่งเหยิงเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และไม่เคยถูกออกหมายจับในคดีใดๆ มาก่อน ทั้งผู้ต้องหายังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทําความผิด ต้องมีสิทธิได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิด ตามที่รัฐธรรมนูญไทย กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนรับรองไว้

ทั้งนี้ อนุชายังเป็นเสาหลักดูแลครอบครัว ประกอบสัมมาอาชีพสุจริต ซึ่งหากไม่ได้ประกันย่อมส่งผลให้ครอบครัวขาดรายได้ ขาดผู้อุปการะ ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งพฤติการณ์คดีนี้ไม่ร้ายแรง การปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาไม่ก่อให้เกิดภยันอันตรายหรือความเสียหายใดๆ

ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวอนุชา พร้อมกำหนดวันนัดรายงานตัวในวันที่ 16 เมษายน 2564 ทำให้เขาจะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครในช่วงเย็นวันนี้

กรณีนี้สืบเนื่องมาจากการชุมนุม #ม็อบ23กุมภา หรือ #ม็อบตำรวจล้มช้าง ซึ่งมีการเดินขบวนจากแยกราชประสงค์ ไปยังหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยอนุชาได้ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวภายหลังได้เดินชูแผ่นป้ายไวนิลขนาดใหญ่อยู่บริเวณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตรงกลางป้ายมีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 บนธงชาติเยอรมนี พร้อมข้อความภาษาต่างประเทศ และมีข้อความภาษาไทย โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าข้อความเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์

พนักงานสอบสวนสน.ปทุมวัน ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่ออนุชาทั้งหมด 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาตรา 34 (6) ขณะที่แจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนไม่ได้มีทนายความอยู่ร่วมด้วยแต่อย่างใด

ต่อมาวันที่ 24 ก.พ. 2564 พนักงานสอบสวนได้นำตัวอนุชาไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ในการฝากขัง และคัดค้านการประกันตัวอนุชา โดยอ้างเหตุว่าคดีนี้มีอัตราโทษสูง และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ศาลอาญากรุงเทพใต้จึงอนุญาตให้ฝากขังอนุชาระหว่างสอบสวนเป็นระยะเวลา 12 วัน โดยระบุว่าเป็นคดีร้ายแรงจึงอนุญาตตามคำขอของพนักงานสอบสวน และในวันดังกล่าว ผู้ต้องหายังไม่ได้มีการยื่นขอประกันตัว ทำให้เขาถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครตั้งแต่นั้นมา

ตร.สภ.ธัญบุรี เข้าแจ้งข้อหา ม.112 'แอมมี่' ในเรือนจำ เหตุปราศรัย-ร้องเพลงหน้าศาลธัญบุรี

 

วานนี้ (18 มี.ค. 64) เวลา 11.20 น. พ.ต.ท.บุญยิ่ง บัณฑิตไทย รองผู้กํากับการสอบสวน สภ.ธัญบุรี และ พ.ต.ท.ภุมเรศ อินทร์คง...

โพสต์โดย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เมื่อ วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม  2021

 

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2564 พ.ต.ท.บุญยิ่ง บัณฑิตไทย รองผู้กํากับการสอบสวน สภ.ธัญบุรี และ พ.ต.ท.ภุมเรศ อินทร์คง สารวัตรสอบสวน สภ.ธัญบุรี ได้เดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหาต่อ ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ “แอมมี่ – The Bottom Blues” ทั้งหมด 4 ข้อกล่าวหา โดยมีข้อหาหลักคือประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ภายในเรือนจำพิเศษธนบุรี สืบเนื่องจากกรณีการร่วมชุมนุมและร้องเพลงเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564 ที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เรียกร้องให้มีการปล่อยตัว “นิว” สิริชัย นาถึง

ก่อนหน้านี้ (16 มี.ค. 2564) พนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี ได้พยายามเข้าแจ้งข้อกล่าวหา ต่อไชยอมร โดยได้มีการเตรียมทนายความมาด้วย แต่ไชยอมรยืนยันว่าจะใช้ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเท่านั้น จึงจะยินยอมรับทราบข้อกล่าวหา

ในคดีเดียวกันนี้ยังมี “ฟ้า” พรหมศร วีระธรรมจารี เป็นผู้ต้องหาร่วม โดยเขาเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกเมื่อสองวันก่อน (17 มี.ค. 2564) แต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปขอฝากขัง และศาลจังหวัดธัญบุรีไม่ให้ประกันตัว ทำให้ในขณะนี้ ฟ้าถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำอำเภอธัญบุรี

ในบันทึกแจ้งข้อเท็จจริงและข้อกล่าวหาได้อธิบายพฤติการณ์ของคดีไว้ว่า “ฟ้า” พรหมศร (ผู้ต้องหาที่ 1) และ “แอมมี่” ไชยอมร (ผู้ต้องหาที่ 2) ได้นำมวลชนเดินทางไปรวมกลุ่มกันที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี และได้กล่าวปราศรัยกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่รอการมาถึงของ “นิว” สิริชัย ซึ่งกำลังจะถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจ สภ.คลองหลวงนําตัวมาฝากขังต่อศาล 

ระหว่างการปราศรัย ไชยอมรได้นำเพลง “วัน ทู ทรี โฟร์ ฟาย” มาแปลงเนื้อเพลงและร้องร่วมกับมวลชนอย่างสนุกสนาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่าเป็นการเสียดสีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไชยอมรยังพูดต่ออีกว่า “อันนี้ผมยังไม่โดน 112 นะ คุณจะมาดันให้ผมโดนเลยเหรอ ใส่พานมาเลย” ระหว่างนั้นพรหมศรได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยเป็นระยะ 

ต่อมาเวลาประมาณ 11.39 น. ไชยอมรนํามวลชนอีกประมาณ 20 คน ไปยืนที่บริเวณประตู 2 ด้านข้างศาลจังหวัดธัญบุรี ส่วนพรหมศรได้นํามวลชนประมาณ 15 คน มานั่งที่บริเวณประตู 1 หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี ราวบ่ายโมง หลังจากผู้ชุมนุมทราบว่าศาลได้มีคําสั่งปล่อยตัว “นิว” สิริชัย นาถึง กลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้แยกย้ายกันกลับ

สำหรับข้อหาที่พนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี ได้แจ้งต่อไชยอมร 4 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาตรา 34 (6) และใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

เบื้องต้นไชยอมรได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เขาปฏิเสธจะลงลายมือชื่อในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา และวาดรูปคนลงในบันทึกแทน โดยจะส่งคำให้การเป็นหนังสือเพิ่มเติมภายในวันที่ 12 เม.ย. 64 

การถูกแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้ นับเป็นการถูกกล่าวหาในคดีตามมาตรา 112 คดีที่สองของไชยอมร หลังจากคดีแรก สืบเนื่องจากกรณีวางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 บริเวณด้านหน้าเรือนจำคลองเปรม ในช่วงเช้ามืดวันที่ 28 ก.พ. 2564 ก่อนที่เขาจะถูกจับตามหมายจับของศาลอาญา และถูกควบคุมตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรี โดยไม่ได้รับการประกันตัวมาตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. 2564

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท