รายงานอียู กล่าวหารัสเซีย-จีนบิดเบือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวัคซีน COVID-19

รายงานของสหภาพยุโรประบุว่าทางการจีนและทางการรัสเซียพยายามทำลายความเชื่อมั่นในวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่ผลิตในชาติตะวันตก และพยายามส่งเสริมวัคซีนที่ผลิตในประเทศตัวเองอย่างมาก

หน่วยงานด้านการต่างประเทศของสหภาพยุโรปเผยแพร่รายงานระบุว่าจีนและรัสเซียกำลังมีปฏิบัติการเพื่อลดความเชื่อมั่นในยุทธศาสตร์ป้องกันโคโรนาไวรัสที่ก่อให้เกิดโรค COVID-19 ของทางอียู รวมถึงพยายามทำให้ผู้คนเกิดความกังขาในวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่ผลิตในประเทศตะวันตก

รายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหภาพยุโรป (EEAS) เผยแพร่รายงานว่าด้วยความน่าเป็นห่วงของสถานการณ์การบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาด COVID-19 เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ระบุถึงเรื่องการใส่ร้ายป้ายสีสร้างข้อกังขาเกี่ยวกับวัคซีนชาติตะวันตกซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าส่วนหนึ่งเป็นการพยายามขยายอิทธิพลของขั้วอำนาจจีนและรัสเซียในประเทศฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรบอลข่าน (เช่น โครเอเชีย, มอนเตเนโกร, เซอร์เบีย เป็นต้น)

อียูระบุว่าจีนและรัสเซียมีการเพิ่มความพยายามในการ "บิดเบือนข้อมูลข่าวสารโดยมีรัฐเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำ" มากขึ้นนับตั้งแต่ตอนปี 2564 ที่ผ่านมาเมื่อพวกเขามีการออกวัคซีนใหม่ออกมาเพื่อให้ทันกับโลก พวกเขาทำการส่งเสริมวัคซีนที่ผลิตในประเทศพวกเขาเองไปพร้อมๆ กับการทำลายตามเชื่อถือของวัคซีนตะวันตกและสถาบันของอียู

วิธีการที่จีนและรัสเซียใช้คือปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารผ่านทางช่องทาง "สื่อที่ถูกควบคุมโดยรัฐ, เครือข่ายสื่อตัวแทนและตัวแทนในโซเชียลมีเดียของรัสเซียและจีน รวมถึงบัญชีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียของทูตจากทางการ" ทั้งหมดนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการส่งอิทธิพลต่อข้อมูลข่าวสาร

ในรัสเซียมีสื่อจากภาครัฐที่พยายามทำให้คนกังขาต่อสำนักงานการแพทย์ยุโรป (EMA) กล่าวหาในเรื่องที่ EMA มีความลังเลในการยอมรับวัคซีน "สปุตนิก วี"ของรัสเซีย

ขณะที่จีนมีการโฆษณาชวนเชื่อ "วาทกรรมที่ชวนให้ไขว้เขว" เกี่ยวกับที่มาของไวรัสที่ก่อ COVID-19 รวมถึงบิดเบือนเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนจากตะวันตก

ทั้งนี้ฝ่ายแหล่งทุนรัสเซียที่ทำการตลาดให้กับ สปุตนิก วี ระบุอ้างว่าตัวเองเป็นเหยื่อในการการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารเพื่อต่อต้านรัสเซียและวัคซีนของพวกเขา อีกทั้งยังกล่าวหาว่าการบิดเบือนข้อมูลต่อพวกเขานั้นเป็นไปเพื่อ "การผูกขาดวัคซีนที่ผู้ผลิตวัคซีนบางรายพยายามจะทำให้เกิดขึ้น" ทั้งที่วัคซีนจากกโลกตะวันตกมีอยู่หลายยี่ห้อแหละแหล่งที่มา และมีหลายยี่ห้อที่ได้รับการยอมรับจากอียู ขณะที่สปุตนิก วี นั้นยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของอียู

รายงานของอียูระบุอีกว่าจีนและรัสเซียพยายามใช้ "การทูตด้านวัคซีน" ในการตั้งเป้าหมายแผ่อิทธิพลไปยังประเทศแถบคาบสมุทรบอลข่านในฝั่งตะวันตก พวกเขานำเสนอรายงานข่าวในทำนองว่ากรณีการระบาดของ COVID-19 ในกลุ่มประเทศเหล่านี้และการที่วัคซีนล่าช้านั้น "เป็นเพราะความล้มเหลวของประชาธิปไตยและสังคมที่เปิดกว้าง" ซึ่งต้องเน้นย้ำว่าเป็นเพียงวาทกรรมที่จีนและรัสเซียพยายามโฆษณาชวนเชื่อโดยไม่ได้มีเหตุเชื่อมโยงระหว่างแต่ละปัจจัยแต่อย่างใด

ฝ่ายจีนและรัสเซียให้สัญญาว่าจะดำเนินการให้วัคซีนกับผู้ใหญ่ร้อยละ 70 ภายในช่วงปลายเดือน มิ.ย. ที่จะถึงนี้ โดยที่ในสหภาพยุโรปมีประเทศเดียวที่แตกแถวออกมาคือฮังการีที่มีการใช้วัคซีนจากทั้งรัสเซียและจีน

เรียบเรียงจาก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท