Skip to main content
sharethis

พฤษภาเป็นเดือนแห่งการรำลึก ทั้ง 29 ปี “พฤษภาทมิฬ” 11 ปี “พฤษภาอำมหิต” และ 7 ปี รัฐประหาร ที่ป่านฉะนี้ยังสืบทอดอำนาจไม่ยอมไปไหน

พฤษภาปีนี้มีความหมาย โดยเฉพาะการหวนรำลึกความโหดร้าย ใช้กระสุนจริงสไนเปอร์สลายม็อบเสื้อแดง ซึ่งถ่ายทอดภาพสะเทือนใจผ่านสื่อออนไลน์ของคนรุ่นใหม่ ที่ถูกสลายม็อบถูกจับกุมคุมขังในอารมณ์คับแค้นเดียวกัน

ถ้ายังคับแค้นไม่พอ ตำรวจก็แถมหมายเรียก “พ่อเฌอ” “แม่รุ้ง” โทษฐานไปยืนหยุดขังผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินโควิด

พฤษภาปีนี้ยังมีความหมาย ในวิบัติโควิด ที่รัฐบาลล้มเหลวไม่สามารถรับมือวิกฤต ล่าช้า ปกปิด จนประชาชนไม่เชื่อมั่น ทั้งรัฐบาลทั้งอาจารย์หมอ ศบค. จนต้องพึ่งดาราช่วยโฆษณาวัคซีนแทนถั่งเช่า

เป็นสถานการณ์ที่แทบทุกฝ่ายเหลืออดหมดความเชื่อถือรัฐบาล เหลือแค่อำนาจดันทุรัง กับมวลชนหัวชนฝา ประกอบกับวิกฤตโควิดยังไม่คลี่คลาย คนจำนวนหนึ่งจึงอยากให้พ้นช่วงนี้ไปก่อน แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจคิดผิด เพราะตัวเลขติดเชื้อไม่ลดง่ายๆ

อย่างน้อย ก็มีฝ่ายที่เคยหนุน ออกมาเรียกร้อง “นายกฯ คนนอก” สะท้อนว่าอาการหนัก พวกเดียวกัน (ตามคำพูดเสกสกล) ยังส่ายหน้า

พฤษภา 53 พฤษภา 57 คือภาพสะท้อนความเสื่อมของอำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ที่ชี้นำครอบงำสังคมไทยมาหลายสิบปี จนกระทั่งคิดผิดซ้ำซาก กลัวเสียอำนาจ ก่อรัฐประหาร 2549 ยุบพรรคเปลี่ยนรัฐบาล 2551 ทำลายรัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชน จนเสื้อแดงลุกฮือ

ม็อบเสื้อแดงปี 52-53 คือปรากฏการณ์ประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีมาก่อนที่คนชนบท คนชั้นล่างในเมือง จะลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิทางการเมือง ทวงอำนาจเลือกรัฐบาล “หนึ่งคนหนึ่งเสียง” แม้ถูกปราบอย่างรุนแรง ก็ยิ่งปะทุความคับแค้น จนพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย

ความตื่นตัวต้องการมีอำนาจทางการเมืองของ “ม็อบไพร่” “ตาสว่าง” เป็นปรากฏการณ์ “แผ่นดินไหว” ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย สร้างความหวาดกลัวให้ชนชั้นนำ สร้างความตื่นตระหนกให้คนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี ที่คิดว่าตัวเองควรจะมีอำนาจทางการเมืองเหนือกว่าคนชนบทจนเครียดกินเหล้าโง่ถูกซื้อ

รัฐประหาร 57 จึงเกิดขึ้นแน่นอน ต่อให้ไม่มีนิรโทษสุดซอย-ลักหลับตอนตีสี่ ซึ่งปลุกพลังจารีตนิยมของคนชั้นกลางในเมือง (และคนใต้) อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์เช่นกัน (แฟ้มบุคคลขอปรบมือให้ อย่าลบภาพที่โพสต์ไว้ก็แล้วกัน)

เป้าหมายรัฐประหารที่อยู่นาน 5 ปีคือฟื้นรัฐราชการเป็นใหญ่ มหาดไทย กอ.รมน. ควบคุมชนบท ย่อยสลายพลังมวลชน ให้คนจนต้องพึ่งรัฐ พึ่งอำนาจราชการแทนเลือกพรรคการเมืองที่สนองนโยบาย แล้วกลับสู่เลือกตั้งโดยฟื้นการเมืองระบบอุปถัมภ์ กวาดต้อนทุนท้องถิ่น “บ้านใหญ่” (ที่คนชั้นกลางในเมืองเคยยี้นั่นไง)

ในแง่อุดมการณ์ความคิด ก็ยัดเยียดค่านิยมจารีต ตีกรอบลิดรอนสิทธิ วางระบอบที่ถอยห่างจากเสรีประชาธิปไตย ย้อนไปเป็นอนุรักษนิยมที่ควบคุมประชาชนยิ่งกว่าสมัยอำนาจจารีตรุ่งเรือง ยิ่งกว่ายุคประชาธิปไตยครึ่งใบหรือหลังพฤษภา 35

มันจึงปะทุเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่คาดคิด “แผ่นดินไหว” ม็อบคนรุ่นใหม่ ชูสามนิ้วแทบทุกโรงเรียนแทบทุกมหาวิทยาลัย ต่อต้านอำนาจทั้งทางการเมืองทางวัฒนธรรม แม้ปราบการเคลื่อนไหวได้ชั่วขณะ แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการเผยแพร่ความคิด

อำนาจจารีตนับแต่อดีต ดำรงอยู่ได้ด้วยความเคารพศรัทธา ด้วยการเป็นแบบอย่างทางศีลธรรมจรรยา ถ้าเปรียบเทียบพฤษภา 35 “ม็อบมือถือ” โกรธ รสช.เพราะเสียสัตย์ กวาดต้อนนักการเมืองที่ตัวเองสั่งตรวจสอบทรัพย์สิน มารองมือรองตีนสืบทอดอำนาจ แต่ปัจจุบัน ไม่เพียงดูดนักการเมืองกเฬวราก ขนาดขนแป้งก็ยังนั่งเป็นรัฐมนตรีหน้าตาเฉย

มันไม่ใช่ความเสื่อมทางศีลธรรมจรรยาเฉพาะผู้นำ แต่ลามไปถึงมวลชนคลั่ง “ขนแป้งจะเป็นไรไปขอให้รักชาติศาสน์กษัตริย์” (ต้มตุ๋นชาวบ้านจะเป็นไรไปขอให้ช่วยกองทัพทำ IO)

กระทั่งรำลึกพฤษภา 35 ก็ยังแสลงใจ พ่อแม่คนไหนคุยให้ลูกฟังว่าไปร่วมม็อบมือถือไล่เผด็จการ วันนี้ยังมีหน้ามาด่าลูกหลานเป็นสามกีบ

ความเสื่อมของอำนาจที่ไม่สามารถหาจุดลงตัวกับประชาธิปไตย เอาแต่ดันทุรังรักษาโครงสร้างดั้งเดิม ไม่ยอมเปิดรับอำนาจประชาชน อยู่ร่วมกับสิทธิเสรีภาพ ทำให้เกิด “แผ่นดินไหว” ครั้งใหญ่มา 2 ครั้งแล้ว คิดหรือว่าจะไม่เกิดอาเพศ “ปลาอานนท์พลิกตัว” ที่มหึมากว่าเดิม

ถามว่าสยบได้ไหม ด้วยปืนด้วยกฎหมาย ก็ทำได้ชั่วขณะ แต่ไม่ใช่ตลอดไป ยิ่งอยู่ภายใต้รัฐบาลล้มเหลว ผู้นำไร้ฝีมือ รัฐราชการล้าหลัง ทำอะไรก็พลาดไปหมด ยิ่งขมวดจังหวะให้เร่งขึ้น

หัวโค้งข้างหน้า จึงอันตรายขึ้นทุกขณะสำหรับอำนาจอนุรักษนิยม ถ้าซวนเซหกล้ม ทุกอย่างจะทะลัก ทบต้นทบดอก จนเอาไม่อยู่ เพราะกักพลังคับแค้นของประชาชนมายาวนาน และซ้ำเติมอยู่ตลอด

ถ้าไม่หาจุดลงตัว ก็คงต้องรัฐประหารถอยประเทศอีกครั้ง อำมหิตให้สุด อย่าง ดร.ลูกบิดเสนอ แต่วิถีทางนั้นถ้าพลาดพลั้งก็จบเห่กันไปเลย

 

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_6410049

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net