Skip to main content
sharethis

'เพื่อไทย' เตือนปิดแคมป์ทำคนงานกลับภูมิลำเนา หวั่น COVID-19 ระบาดต่างจังหวัดซ้ำ แนะต้องพิจารณาปิดบริการขนส่งมวลชนเป็นการชั่วคราวประกอบกันในช่วงสั้น ๆ เพื่อป้องกันการเดินทางกลับภูมิลำเนาในทันที - เชื่อองค์การเภสัชกรรมสามารถกระชับเวลานำเข้าวัคซีนทางเลือกได้

'เพื่อไทย' เตือนปิดแคมป์ทำคนงานกลับภูมิลำเนา หวั่น COVID-19 ระบาดต่างจังหวัดซ้ำ
แฟ้มภาพสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

26 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ผอ.ศบค. ประกาศเตรียมปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและ 4 จังหวัดภาคใต้ เป็นเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 มิ.ย. 2564 นี้ว่าพลเอกประยุทธ์ มีความเข้าใจการบริหารภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินบ้างหรือไม่ การออกมาประกาศในลักษณะนี้ มีแต่สร้างความเดือดร้อนให้ภาคแรงงานหาเช้ากินค่ำ กระตุ้นให้ประชาชนเร่งเดินทางกลับภูมิลำเนาหนีการโดนกักตัว

นายชนินทร์ เสนอว่าการประกาศปิดแคมป์คนงานเพื่อควบคุมการระบาด ต้องประกาศแบบบังคับใช้ทันทีโดยมีแผนการรองรับที่ชัดเจน ได้แก่

1. รัฐบาลต้องออกคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานทันที และต้องดูแลประคองชีวิตทุกด้านอย่างครบถ้วน
2. รัฐบาลต้องพิจารณาปิดบริการขนส่งมวลชนเป็นการชั่วคราวประกอบกันในช่วงสั้น ๆ เพื่อป้องกันการเดินทางกลับภูมิลำเนาในทันที และเพิ่มโทษเอาผิดกับเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการที่ทำหน้าที่ควบคุมจุดตรวจในการดูแลประตูไปสู่จังหวัดต่างๆ
3. กรมควบคุมโรคต้องเข้าปิดพื้นที่ตามแนวทาง bubble and seal แล้วปูพรมตรวจคัดกรองทุกแคมป์ เพื่อแยกผู้ติดเชื้อไปสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนามทันที
4. ผู้ที่ตรวจแล้วมีผลไม่ติดเชื้อ และไม่มีอาการป่วย ควรได้วัคซีนโควิด-19 ทันที โดยยังต้องกักตัวในแคมป์แยกสัดส่วน และต้องตรวจผลซ้ำอีก 1 ครั้งหลัง 7 วัน
5. หากพื้นที่ใดสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จะต้องเปิดการทำงานในพื้นที่กลับมาทันที ไม่ต้องรอถึง 1 เดือน เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบมากเกินกว่าเหตุ แต่ยังคงห้ามแรงงานเดินทางออกนอกพื้นที่

“ปรากฏการณ์ผึ้งแตกรัง เกิดขึ้นหลายครั้ง พลเอกประยุทธ์นอกจากจะควบคุมการระบาดไม่ได้ ยังทำตัวเป็นภาระ ออกคำสั่งให้เกิดการกระจายตัวของผู้มีความเสี่ยง หนำซ้ำการแถลงข่าววานนี้ยังแสดงออกแบบไร้ภาวะผู้นำ ไม่สำนึกรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิตจากโควิดที่เพิ่มขึ้นทุกวันเลย” นายชนินทร์กล่าว

เชื่อองค์การเภสัชกรรมสามารถกระชับเวลานำเข้าวัคซีนทางเลือกได้

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการออกมาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับวัคซีนทางเลือกยี่ห้อโมเดอร์น่าที่จะนำเข้าประเทศไทยในเดือนตุลาคม อาจล่าช้าไม่ทันการณ์ ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่วิกฤติในขณะนี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่องค์การเภสัชกรรม จะกระชับขั้นตอนการนำเข้าวัคซีนทางเลือกให้เร็วขึ้น ขั้นตอนการร่างสัญญาเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายของประเทศไทยและต่างประเทศ อาทิ สัญญาซื้อขาย สัญญาบริการ เพื่อให้อัยการสูงสุดพิจารณา คาดว่าจะมีการลงนามสัญญาซื้อขาย (Supply Agreement) ได้ในต้นเดือน ส.ค.2564 นั้น องค์การเภสัชกรรมมีบุคลากรระดับมืออาชีพ บริษัทคู่สัญญามีความพร้อมเรื่องเอกสาร เพราะมีการจัดทำเอกสารเสนอขายวัคซีนเป็นปรกติอยู่แล้ว น่าจะกระชับเวลาให้เร็วขึ้นได้ รวมถึงขั้นตอนการประสานงานกับโรงพยาบาลเอกชน เพื่อคาดการณ์การจองวัคซีน ความชัดเจนเรื่องราคาที่จําหน่ายให้กับโรงพยาบาล การประชุมบอร์ด การให้โรงพยาบาลแจ้งยืนยันจํานวนวัคซีนที่สั่งซื้อ การรับคำสั่งซื้อพร้อมงบประมาณจากโรงพยาบาล หากองค์การเภสัชกรรมสามารถกระชับเวลาเพื่อให้การเซ็นสัญญาสั่งซื้อจากเดิมที่คาดว่าประมาณเดือน ส.ค.2564 สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น จะสามารถแบ่งเบาภาระของแพทย์ พยาบาล และบุลากรทางการสาธารณสุขได้

“สถานการณ์วันนี้ เตียงล้น คนป่วยหนัก หากวัคซีนทางเลือกมาได้ไว จะเป็นกำลังเสริมกับวัคซีนที่มีอยู่ ด้วยศักยภาพขององค์การเภสัชกรรม เชื่อมั่นว่าสามารถกระชับเวลาให้วัคซีนทางเลือกเข้ามาได้เร็วขึ้นได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

ที่มาเรียบเรียงจากเว็บไซต์พรรคเพื่อไทย [1] [2]
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net