Skip to main content
sharethis

หลังจากตำรวจบุกจับไรเดอร์สิทธิโชคหลังเคอร์ฟิวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหา ม.112 วางเพลิง ทำทรัพย์เสียหายและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ศาลให้ประกันโดยวางหลักทรัพย์ 100,000 บาท

สิทธิโชค เศรษฐเศวต ขณะให้สัมภาษณ์สื่อหลังได้รับการปล่อยตัว

20 ก.ค.2564 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานถึงกรณี สิทธิโชค เศรษฐเศวต ไรเดอร์ของฟู๊ดแพนด้าถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้วางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ในการชุมนุมวันที่ 18 ก.ค. และถูกตำรวจจับเข้าจับกุมที่บ้านพักย่านรังสิตเมื่อวันที่ 19 ก.ค.2564 เวลา 21.50 น. ซึ่งเป็นเวลาหลังเคอร์ฟิวส์ทำทนายความติดตามไปไม่ได้ และถูกนำตัวไปสภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี ก่อนถูกส่งตัวไปสน.ห้วยขวางกลางดึกเนื่องจาก สน.นางเลิ้งที่เป็นสน.ท้องที่เกิดเหตุไม่มีที่ขัง

#saveสิทธิโชค #ยกเลิก112 ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ทันที หลังมีข่าว ตร.จับกุมไรเดอร์

ต่อมา 10.00 น.ของวันที่ 20 ก.ค.พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เดินทางมาร่วมสอบปากคำสิทธิโชคในตอนเช้าด้วย โดยทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับสิทธิโชค 4 ข้อหา ได้แก่ หมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 วางเพิลเผาทรัพย์ ทำทรัพย์สินเสียหาย และฝ่าฝืนข้อกำหนด ฉบับที่ 27 และประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 6 ลงวันที่ 16 ก.ค. 64 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ. 2548

โดยพนักงานสอบสวนระบุพฤติการของสิทธิโชคว่าในการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค.2564 เวลา 16.40 น.มีชายร่างท้วมสวมเสื้อคลุมและกางเกงขาสั้นสีดำ ใส่หน้ากากอนามัยสีแดงใช้ขวดพลาสติกบรรจุของเหลวคล้ายน้ำมันเชื้อเพลิงพ่นใส่กองเพลิงที่ลุกไหม้อยู่บนผ้าประดับพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีที่ตั้งอยู่บนบริเวณเกาะกลางถนนราชดำเนินนอกทำให้ไฟลุกมากขึ้นแต่ตำรวจควบคุมฝูงชนสามารถดับได้จึงไม่ลุกลามไปที่พระบรมฉายาลักษณ์ ภายหลังตำรวจได้ตรวจสอบพบภาพและคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวบนเฟซบุ๊กชื่อ “Kanok Ratwongsakul” ถูกโพสต์เมื่อวันที่ 18 ก.ค. พบว่าชายร่างท้วมคนดังกล่าวขี่จักรยานยนต์ไม่ทราบทะเบียนหลบหนีหลังก่อเหตุ บนท้ายจักรยานยนต์มีกล่องของฟู๊ดแพนด้าอยู่ด้วย

ศูนย์ทนายความฯ รายงานอีกว่า ทางพนักงานสอบระบุว่าจากพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าชายคนดังกล่าวเจตนาที่จะเผาพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 และพระบรมราชินีถ้าหากตำรวจไม่ดับไฟอาจลุกไหม้พระบรมฉายาลักษณ์ได้ ส่วนทางสิทธิโชคให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา หลังเสร็จสิ้นกระบวนการแจ้งข้อกล่าวหาแล้วทางพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอศาลฝากขังสิทธิโชคระหว่างการสอบสวนผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

พนักงานสอบสวนให้เหตุผลที่ขอฝากขังสิทธิโชคว่ายังสอบสวนไม่เสร็จสิ้นและยังมีพยานอีก 10 ปากที่ต้องทำการสอบปากคำ และรอผลจนตรวจรายนิ้วมือผู้ต้องหาด้วย นอกจากนั้นยังคัดค้านกรประกันตัวโดยให้เหตุผลว่าผู้ต้องหาอาจหลบหนี อีกทั้งผู้ต้องหามีพฤติกรรมต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ และกลุ่มผู้ต้องหาที่มาชุมนุมได้ใช้สีสเปรย์พ่นสี, ข้อความอันมิบังควร และสัญลักษณ์ที่ไม่สามารถจะรับได้ ที่พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชินี ทั้งยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมตะโกนว่า “กษัตริย์ออกไป” ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐและพบว่าผู้ต้องหาไปร่วมชุมนุมหลายครั้งมีพฤติการมิบังควรหลายครั้ง ถ้าหากปล่อยตัวไปเกรงว่าจะกระทำความผิดลักษณะเดียวกันอีก

ทนายความได้ยื่นขอให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราวสิทธิโชคและวางหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นเงินสด 150,000 บาท ต่อมา มุขเมธิน กลั่นนุรักษ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีค้ามนุษย์ มีคำสั่งอนุญาตฝากขังสิทธิโชค แต่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมวางหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 100,000 บาท เป็นหลักประกัน โดยระบุเหตุผลว่า ไต่สวนแล้ว พนักงานสอบสวนไม่มีข้อเท็จจริงสนับสนุนข้อคัดค้านที่ว่า ผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุร้าย หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทำให้สิทธิโชคได้รับการปล่อยตัวที่ สน.นางเลิ้ง แล้วเมื่อช่วงเย็น

ศูนย์ทนายความฯ ระบุอีกว่าการจับกุมสิทธิโชคนี้นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่มีการจับกุมบุคคลในช่วงเวลาที่เป็นเคอร์ฟิว ตามที่รัฐบาลประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 27 โดยใช้อำนาจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยบุคคลที่ถูกจับกุมเหล่านี้เป็นผู้ที่ถูกดำเนินคดีจากการออกมาใช้สิทธิเสรีภาพการแสดงออก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net