Skip to main content
sharethis

'หมอทศพร' พร้อมด้วยหมอเคท ของขวัญ, หมิว สิริลภัส และกลุ่มแพทย์พยาบาลเพื่อมวลชนฯ เข้าพบอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมยื่นข้อเรียกร้อง 4 ข้อในการจัดการวัคซีนไฟเซอร์ ขณะที่อนุทินเผยสิ้นปีนี้ไทยจะมีไฟเซอร์ 30 ล้านโดส พร้อมระบุว่าบุคคลใดก็ตามที่ทำงานช่วยเหลือสาธารณะถือว่าเป็นบุคลากรด่านหน้าทั้งหมด แม้แต่ทหารในโรงพยาบาลสนามที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นก็ตาม

11 ส.ค. 2564 วันนี้ (11 ส.ค. 2564) นพ.ทศพร เสรีรักษ์ พร้อมด้วย พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ หรือหมอเคท กลุ่มแพทย์พยาบาลเพื่อมวลชนฯ และสิริลภัส กองตระการ หรือหมิว ตัวแทนประชาชน เดินทางเข้าพบอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อทวงถามความโปร่งใสในการจัดการวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ที่กระทรวงสาธารณสุข

นพ.ทศพร กล่าวถึงปัญหาการจัดการวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากบุคลากรทางการแพทย์ที่ส่งเข้ามาในเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เป็นจำนวนมาก โดย นพ.ทศพร ใช้เวลารวบรวมและคัดกรองปัญหาต่างๆ ประมาณ 3 วัน ซึ่งปัญหาร้องเรียนที่ส่งเข้ามาส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายกันทุกจังหวัด คือ ได้รับการจัดสรรวัคซีนน้อยกว่าจำนวนบุคลากรจริง ส่งผลให้มีเงื่อนไขเข้าไปกีดกัน ทำให้วัคซีนกระจายไม่ทั่วถึง

นอกจากนี้ พญ.ของขวัญ ได้กล่าวถึงปัญการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับบุคคล VIP โดยยกกรณีตัวอย่างที่ทหารยศสิบเอก โพสต์ภาพบัตรคิวฉีดวัคซีน Pfizer ไฟเซอร์ของโรงพยาบาลเลย จ.เลย และรวมถึงกรณีที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดหลายแห่งได้รับจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ไม่เพียงพอกับจำนวนที่ขอไป และขอให้กระทรวงสาธารณสุขเปิดข้อหลักเกณฑ์และลำดับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่ชัดเจนแบบในต่างประเทศ ที่ระบุเลยว่าบุคลการกรด่านหน้าคือใครบ้าง กลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับวัคซีนมีอาชีพใดบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาวัคซีน VIP พร้อมเสนอให้มีการเปิดช่องทางตรวจสอบรายชื่อบุคลกรทางการแพทย์ด่านหน้า ให้ภาครัฐและประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ที่มาลงชื่อรับวัคซีนไฟเซอร์เป็นบุคลากรด่านหน้าจริงหรือไม่ มีรายชื่อบุคคลใดตกหล่นหรือเปล่า

พญ.ของขวัญ ยังเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขจัดสรรวัคซีนที่หลากหลายให้บุคลากรด่านหน้าและประชาชน เพราะการมีสิทธิเลือกคือสิทธิขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย และขอให้มีการตรวจสอบการขออนุมัติวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ว่ามีการยื่นเอกสารต่อองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือองค์การยาแห่งสหภาพยุโรปหรือยัง เนื่องจากประเทศในสหภาพยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักร ไม่รับรองบุคคลที่ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตโดยสนามไบโอไซเอนซ์ ทำให้คนไทยหลายคนที่มีความจำเป็นต้องไปทำงานหรือศึกษาต่อยังประเทศเหล่านั้น ไม่สามารถทำวัคซีนพาสปอร์ต และไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศดังกล่าวได้

ด้านสิริลภัส กล่าวว่าตนในฐานะของประชาชน ต้องการแนวทางการสื่อสารและการให้ข้อมูลที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือเกี่ยวกับวัคซีน และการทำงานของกระทรวงฯ และ ศบค. เพราะตอนนี้ ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการทำงานของภาครัฐทั้งหมดแล้ว พร้อมกันนี้ นพ.ทศพร ได้เป็นตัวแทนยื่นข้อทวงถามและข้อเรียกร้องทั้งหมด 4 ข้อ ได้แก่

  1. ทวงไฟเซอร์​ให้ด่านหน้าทั้งในและนอกระบบ​ ทุกเพจอาสา​ วัด​ พระ​ สัปเหร่อ​
  2. เปิดเผยรายชื่อ​ ตรวจสอบทหารและ VIP รวบรวมรายชื่อด่านหน้า​ อาสา​ และ​ รพ.สนามที่ได้ไฟเซอร์​ไม่ครบจำนวน
  3. ประชาชน​ต้องเลือกชนิดและสูตรผสมวัคซีนเองได้ตามหลักมนุษยธรรม
  4. ติดตามเอกสาร​ Siam Bioscience​ ที่ยื่นรับรอง​ AZ ไทยต่อ​ WHO

หลังจากนั้น อนุทิน ได้ตอบกลับข้อทวงถามเป็นข้อๆ โดยระบุว่าข้อแรก ในฐานะที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีการลงพื้นที่ดูงานในโรงพยาบาลสนามหรือพื้นที่ที่มีการระบาดโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนก็พบเป็นปัญหาและมีความห่วงใยแก่บุคลากรด่านหน้า ตั้งแต่หมอ พยาบาล ไปจนถึงสัปเหร่อ และรับปากว่าบุคลากรด่านหน้าทั้งในและนอกระบบจะได้รับวัคซีนที่ดี แต่ไม่ขอระบุยี่ห้อว่าวัคซีนที่ดีคือวัคซีนยี่ห้อใด อาจจะเป็นไฟเซอร์ แอสตราเซเนกา โมเดอร์นา หรือจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน รวมถึงจะปรับแผนการฉีดวัคซีนให้ทันกับสนถานการณ์ตลอดเวลา

ส่วนการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ที่องค์การเภสัชกรรมเพิ่งลงนามซื้อเข้ามา 20 ล้านโดสนั้น อนุทินเผยว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เจรจาขอให้บริษัทผู้ผลิตจัดส่งวัคซีนเพิ่มเติมให้แก่ประเทศไทย ซึ่งบริษัทผู้ผลิตรับปากแล้วว่าจะจัดส่งเพิ่มเติมให้อีก 10 ล้านโดส จึงคาดว่าจะประเทศไทยจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์จากบริษัทผู้ผลิตประมาณ 30 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ บริจาคให้อีก 2.5 ล้านโดส ทำให้รวมแล้วประเทศไทยจะมีวัคซีนไฟเซอร์ราว 32.5 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ และวัคซีนจะถูกจัดสรรไปตามข้อเสนอที่ นพ.ทศพร และคณะยื่นมา

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้มาชี้แจงเรื่องการให้ข้อมูลเรื่องวัคซีนแก่ประชาชน โดยระบุว่ากรมควบคุมโรคค กระทรวงสาธารณสุขมีการแถลงข่าวทุกวันอยู่แล้ว หากประชาชนต้องการข้อมูลที่เป็นทางการ สามารถติดตามข่าวได้ที่ช่องทางทางการของกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุข หากเสพข่าวเฉพาะในโซเชียลมีเดียอาจจะมีความคลาดเคลื่อนได้ พร้อมชี้แจงเรื่องการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าโรงพยาบาลหลายแห่งได้รับการจัดสรรวัคซีนไม่ครบ

นอกจากนี้ อนุทินยังยืนยันว่านโยบายของกระทรวงฯ ไม่มีวัคซีน VIP แต่ถ้ามีวัคซีน VIP ขึ้นมา คนที่ฉีดวัคซีน VIP ต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นก็ต้องไปดึงวัคซีนส่วนนั้นคืนมา และยืนยันว่าไม่มีวัคซีน VIP พร้อมขอร้อง พญ.ของขวัญ ซึ่งยกประเด็นเรื่องวัคซีน VIP ขึ้นมาว่าอย่าทำให้เป็นเรื่องของการจับผิด หรือการฟ้องร้อง ทั้งยังระบุว่าตนคิดว่าบุคคลใดก็ตามที่ทำงานช่วยเหลือสาธารณะถือว่าเป็นบุคลากรด่านหน้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอาสาสมัคร แพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลสนามที่ทำงานมานานกว่า 1 ปี หรือทหารที่ทำงานในโรงพยาบาลสนามที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาไม่ถึงเดือน ก็ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ด่านหน้าหมด

ที่มา:

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net