Skip to main content
sharethis

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งปลดผู้พิพากษา เหตุ "มีมลทินมัวหมอง" ด้านสำนักข่าวอิศราอ้างแหล่งข่าววงใน เผยผู้พิพากษารับเงินวิ่งเต้นคดี

28 ก.ย. 2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่ง ลงวันที่ 27 ก.ย. 2564 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ตามที่ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายสราวุธ ศิริภาณุรักษ์ ดำรงตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลฎีกา ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2561 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 พ.ย. 2561 นั้น

สำนักงานศาลยุติธรรมได้มีคำสั่งให้ นายสราวุธ ศิริภาณุรักษ์ ข้าราชการตุลาการ ตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 2564 "เนื่องจากมีมลทินหรือมัวหมอง" หากให้รับราชการต่อไปจะเป็นการเสียหายแก่ราชการ และต้องพ้นจากตำแหน่ง ตามมาตรา 32 (6) และมาตรา 35 (1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 จึงขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่ง และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่งแล้ว

บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้บุคคลดังกล่าว พ้นจากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลฎีกา ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 2564

ประกาศ ณ วันที่ 27 ก.ย. 2564

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี

สำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากสำนักงานศาลยุติธรรม ระบุว่า สราวุธ ถูกกกล่าวหาว่ารับเงินวิ่งเต้นคดีที่ศาลฎีกา ถึงแม้เสียงข้างมากในที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) จะเห็นว่าข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจน แต่ 'มีมลทินมัวหมอง' จึงให้ออกตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการฯ มาตรา 35 ซึ่งระบุว่า เมื่อประธานศาลฎีกาเห็นสมควรให้ข้าราชการตุลาการผู้ใดออกจากราชการเพื่อรับบําเหน็จบํานาญเหตุทดแทน เหตุทุพพลภาพ หรือเหตุรับราชการนานตามกฎหมายว่า ด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการ ให้กระทําได้ด้วยความเห็นชอบของ ก.ต. การสั่งให้ออกจากราชการเพื่อรับบําเหน็จบํานาญเหตุทดแทนนอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา 34 แล้ว ให้กระทําได้เฉพาะในกรณีดังต่อไปนี้

(1) เมื่อข้าราชการตุลาการนั้นถูกกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงและดําเนินการสอบสวนตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในส่วนที่ 2 ของหมวด 5 และไม่ได้ความเป็นสัตย์ว่ากระทําผิดที่จะต้องถูกสั่งลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออก แต่เห็นว่าผู้นั้นมีมลทินหรือมัวหมองหากให้รับราชการต่อไปจะเป็นการเสียหายแก่ราชการ

(2) เมื่อข้าราชการตุลาการนั้นบกพร่องต่อหน้าที่หรือหย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือประพฤติตนไม่สมควรที่จะให้คงเป็นข้าราชการตุลาการต่อไป

(3) เมื่อข้าราชการตุลาการนั้นเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการได้โดยสม่ำเสมอ แต่ไม่ถึงเหตุทุพพลภาพ หรือ

(4) เมื่อปรากฏว่าข้าราชการตุลาการนั้นขาดสัญชาติไทย ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 26 (10) หรือไปดํารงตําแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลปกครอง กรรมการการเลือกตั้ง กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net