กลุ่มวีโว่ พาผู้เสียหายถูก ตร.ซ้อมหลังถูกจับกุมจากม็อบ29ตุลา ยื่นหนังสือร้อง กมธ.กฎหมาย ทวงความเป็นธรรม ด้าน ‘ส.ส.โรม’ ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย พร้อมใช้อำนาจตามกฎหมาย เรียกสอบข้อเท็จจริงรวมเป็นรายงาน หวังเป็นประโยชน์แก่ผู้เสียหายเอาผิด จนท.ทั้งทางวินัยและอาญา   

ภาพบรรยากาศการยื่นหนังสือโดย วีโว และอรรถสิทธิ์

เวลาประมาณ 12.30 น. จุดรับยื่นหนังสือ อาคารรัฐสภา ปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ ผู้อำนวยการกลุ่มมวลชนอาสา (We Volunteer หรือ Wevo) พร้อมด้วย อรรถสิทธิ์ นุสสะ วัย 35 ปี เป็นผู้เสียหายจากกรณีถูกเจ้าหน้าที่ซ้อมระหว่างสอบสวนใน สน.ดินแดง จากม็อบ29ตุลา เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อกรรมาธิการกฎหมาย ความยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน รัฐสภา เรื่อง ขอความเป็นธรรมให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมการทำหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมผู้ชุมนุม เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 64 โดยมี สิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการ จากพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย พร้อมด้วยกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการศึกษาปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน เป็นผู้รับมอบหนังสือ 

หลังยื่นหนังสือ โตโต้ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ตนได้พาผู้เสียหาย หรือผู้ร้องเรียนขอความเป็นธรรม กรณีเจ้าพนักงานตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบใช้ความรุนแรงต่อผู้ถูกจับกุม เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 64 บริเวณหน้าสถานีตำรวจนครบาลดินแดง 

โตโต้ ระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างที่มีการชุมนุม หรือมีการนัดหมายทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ บริเวณหน้า สน.ดินแดง เพื่อไว้อาลัยให้วาฤทธิ์ สมน้อย จึงมีการนัดหมายเพื่อไปรำลึกบริเวณหน้าจุดเกิดเหตุ แต่ระหว่างทำกิจกรรมมีการเผากระดาษ ใช้สี และวางพวงหรีด ซึ่งยังไม่มีเหตุความรุนแรง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปราม พร้อมโล่และอาวุธ เข้ามาจับกุมผู้ร่วมกิจกรรม ซึ่งเป็นประชาชนทั่วไป จำนวนหนึ่ง   

อรรถสิทธิ์คือหนึ่งในประชาชนผู้ถูกจับกุม ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่โดยการซ้อมทรมาน ตั้งแต่ขั้นตอนการจับกุม จนถึงเข้าห้องสอบสวนที่ สน.ดินแดง เจ้าหน้าที่มีการบังคับขู่เข็ญโดยไม่ให้พบทนายความ และผู้ไว้วางใจตามกฎหมาย มีการข่มขู่ยึดโทรศัพท์ และขู่เข็ญเอารหัสโทรศัพท์ เพื่อเข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์ของผู้ถูกจับกุม นอกจากนี้ เมื่อผู้ถูกร้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศิริราช ทาง รพ.ก็รับรองว่ามีการถูกทำร้ายจริง โดยมีบาดแผลบนใบหน้า ลำตัว แขน และฟกช้ำบริเวณลำคอ ล่าสุด อาการของเขาอยู่ในช่วงรักษาตัว ซึ่งทำให้เห็นบาดแผลชัดเจน โดยสิ่งที่เขาถูกกระทำอยู่รายการบันทึกข้อเท็จจริง และได้มอบให้ประธานกรรมาธิการไปตรวจสอบต่อไป 

ทั้งนี้ โตโต้ ฝากข้อเรียกร้องถึงคณะ กมธ.กฎหมายฯ ดังต่อไปนี้ 1) วิธีที่ปฏิบัติการในวันนั้น ใช้กำลังรวมทั้งหมดกี่กองร้อย และใครเป็นผู้มีอำนาจสั่งการ 2) เจ้าหน้าที่ผู้สั่งการ ในชุดจับกุมมีใครบ้าง และประกอบด้วย ยศ ตำแหน่ง สังกัดอะไร 3) เมื่อตำรวจจับผู้ต้องหาได้ มีสิทธิหรือไม่ที่จะจับตัวและควบคุมผู้ต้องหาด้วยการกระทำการรุนแรง ใช้อารมณ์ หรือใช้การบังคับทางร่างกาย อย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อได้มาซึ่งหลักฐาน และพยาน โดยไม่มีผู้ไว้วางใจ ถ้าไม่สามรถทำอย่างนั้นได้ จะมีบทลงโทษทางวินัย และอาญา อย่างไรต่อไป หรือไม นี่คือคำถามที่ฝากให้ กมธ.ตรวจสอบ นำมาซึ่งความยุติธรรมต่อไป

ขณะที่ผู้เสียหาย อรรถสิทธิ์ นุสสะ อยากสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำการซ้อมผู้ต้องหาได้หรือไม่ เพราะว่าจากวันที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ไม่มีความรู้สึกผิดแต่อย่างใด ที่กระทำกันแบบนี้

“รู้สึกทุกอย่าง หวาดกลัวหมด เพราะเราไม่คิดว่าตำรวจจะทำแบบนี้ ทั้งๆ มีกฎหมายว่าไม่ควรซ้อมผู้ต้องหา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คุณไม่ควรจะซ้อม” อรรถสิทธิ์ กล่าว

บาดแผลของ อรรถสิทธิ์ นุสสะ จากการถูกเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง

ขณะที่ สิระ เจนจาคะ ในฐานประธาน กมธ.กฎหมายฯ ระบุว่า วันนี้ได้รับหนังสือเรียกร้องความเป็นธรรมและให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสั่งการ เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 64 โดยวันพุธนี้ (3 พ.ย.) จะมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุม เพื่อขอมติบรรจุ เข้าไปอยู่ในพิจารณาหรือไม่ เมื่อมติแรกผ่านไป ก็จะมีการนัดหมายหารือว่าเข้าวันไหน และจะขอเอกสารอะไรเพิ่มเติมบ้าง เช่น ตำรวจเป็นใคร และถ้ามีกล้องวิดีโอก็ต้องเอามาด้วยทั้งผู้ร้องเรียน และตำรวจ 

สิระ ยืนยันว่า พร้อมให้ความยุติธรรมทั้งผู้ร้อง และผู้ถูกร้อง และขอให้ผู้ร้องมั่นใจได้เลยว่า คณะ กมธ. ในฐานะตัวแทนประชาชน จะให้ความยุติธรรมอย่างถึงที่สุด

รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากพรรคก้าวไกล ในฐานะสมาชิก กมธ.กฎหมายฯ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับผู้ร้องไม่ใช่ครั้งแรก แต่เคยเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกับที่ จ.นครสวรรค์ (พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ และพวกรวม 7 คน ซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต) มาแล้ว ทั้งนี้ ตนได้เห็นหลักฐานทั้งหมดแล้ว ทั้งภาพถ่าย และวิดีโอ บอกเลยว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น มันมีการซ้อมทรมาน เพื่อให้เกิดการรับสารภาพจริง และถ้าปล่อยเรื่องนี้ผ่านเลยไป จะเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง 

รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของ กมธ. จะไม่อยู่เฉยแน่นอน และจะพยายามผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดความเป็นธรรมให้ได้กับทุกฝ่าย และถ้าพิสูจน์ได้แล้วว่าเรื่องนี้เกืดขึ้นจริง จะไม่ปล่อยผู้กระทำผิดไปแน่นอน 

หลังจากการแถลงข่าวหลังรับหนังสือร้องเรียน รังสิมันต์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงบทบาทหน้าที่ของ กมธ.กฎหมายในการป้องกันและเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่ว่า เบื้องต้น จะมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะ กมธ.กฎหมายฯ อย่างที่ประธานกล่าวไปในข้างต้น ซึ่งโดยบทบาทของ กมธ.กฎหมาย มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ในการศึกษาข้อเท็จจริงในกรณีเหล่านี้ เมื่อศึกษาได้ครบถ้วนโดยฟังความจากทุกฝ่าย กมธ.สามารถที่จะเสนอรัฐมนตรีผ่านทางสภา ในกรณีนี้เป็นกรณีที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรีกระทำความรุนแรงต่อประชาชนที่เข้ามาใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าเกิดเป็นแบบนี้ตามรายงาน ทาง รมต.ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป อย่างน้อยที่สุด ชั้นวินัย

ส่วนการเอาผิดตามกฎหมายอาญา ส.ส.ก้าวไกล ก็หวังว่าการรวบรวมข้อมูล และรายงานของ กมธ. จะช่วยอำนวยความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายได้ 

“ในด้านการดำเนินการเอาผิดตามอาญา หวังว่าอย่างน้อยมันจะเป็นการรวบรวมหลักฐาน เพื่อให้ตัวผู้เสียหาย นำตัวรายงานของ กมธ.ไปใช้ดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดทางกฎหมายต่อไป ซึ่งปัจจุบัน ก็มีหน่วยงานเอกชนจำนวนมากที่ดำเนินงานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน ซึ่งต้องมีการประสานงานต่อไป เช่น ทางศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จะสามารถใช้รายงานนี้ไปดำเนินการได้ไหม หรือกลุ่ม We Volunteer จะมีการดำเนินการต่อไปอย่างไรในภายลัง แต่ถ้าเราดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานได้ครบ เราก็เชื่อว่าจะสามารถอำนวยความยุติธรรมแก่ผู้เสียหายไปมากก็น้อย” ส.ส.ก้าวไกล กล่าว 
 
หลังจากกลุ่ม Wevo และผู้ร้องเรียนยื่นหนังสือที่รัฐสภาแล้ว ปิยรัฐ จงเทพ ผอ. Wevo และ อรรถสิทธิ์ ผู้ถูกจับกุมม็อบ29ตุลา เดินทางไปที่ สน.ดินแดง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำรุนแรงต่อประชาชนเมื่อ 29 ต.ค. 64 ก่อนเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 16.45 น.

ทั้งนี้ นอกจากอรรถสิทธิ์ นุสสะ มีผู้เสียหายถูกเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงกระทำระหว่างถูกจับกุมตัวจากกิจกรรมม็อบ29ตุลา ไว้อาลัย วาฤทธิ์ สมน้อย หน้า สน.ดินแดง อย่างน้อยอีก 1 ราย คือ ลีฟ ชายวัย 18 ปี