Skip to main content
sharethis

‘ก้าวไกล’ ไม่หวั่น ‘กัลฟ์’ ฟ้อง 100 ล้านบาท จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจสัมปทาน 'ไทยคม' - ‘โรม’ ย้ำฝ่ายค้านมีความจำเป็นต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ หากมีการพาดพิงบุคคลภายนอกก็สามารถใช้สิทธิในอธิบายหรือชี้เเจงต่อสังคมได้ มั่นใจชนะคดีแน่

วันที่ 7 พ.ย. 2564 ทีมสื่อพรรคก้าวไกลแจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ที่ห้องนวมทองไพรวัลย์ อาคารอนาคตใหม่ รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวประจำสัปดาห์ต่อสื่อมวลชน ประเด็นความคืบหน้าการตรวจสอบสัมปทานไทยคม และกรณีที่ บริษัท กัลฟ์ เอเนอร์จี เดเวลลอปเมนท์ จำกัด มหาชน ยื่นฟ้องพรรคก้าวไกลจากกรณีอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา เป็นเงินจำนวน 100 ล้านบาท

รังสิมันต์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กรณีสัมปทาน บริษัทไทยคม ทำให้มีการฟ้องร้องตามมาทั้งหมด 3 คดี 

คดีเเรก เป็นคดีอาญา ฟ้องต่อพรรคก้าวไกล ในฐานะที่เผยเเพร่การอภิปรายไม่ไว้วางในครั้งนั้นในข้อหาหมิ่นประมาทโดยโฆษณา 

คดีที่ 2 ฟ้องต่อตนในคดีอาญา ในฐานะผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชัยวุฒิ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เนื่องจากนำการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฏรไปเผยเเพร่ต่อ

คดีที่ 3 เป็นคดีเเพ่ง เป็นการฟ้องละเมิดต่อพรรคก้าวไกล โดยเรียกค่าเสียหายมูลค่า 100 ล้านบาท 

นอกจากนี้ รังสิมันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีที่ของตนไม่ใช่กรณีเเรกที่ถูกกัลฟ์ฟ้อง ก่อนหน้านี้ เบญจา เเสงจันทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็เคยถูกฟ้องหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นเดียวกัน

การฟ้องร้องดังกล่าวมีความสำคัญ เพราะสิ่งที่ตนเเละพรรคก้าวไกล ได้ดำเนินการคือ บทบาทหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล ผลกระทบตามมา คือ ในอนาคตใครก็ตามที่พยายามทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งเป็นเวทีใหญ่ที่สุด หากไม่สามารถพาดพิงถึงบุคคลภายนอกได้ ก็จะไม่สามารถตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้เลย  เพราะการตรวจสอบกรณีทุจริตคอรัปชั่นและความผิดพลาดเชิงนโยบายของรัฐบาล ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอกทั้งสิ้น ดังนั้น จึงมีความจำเป็นในการอภิปรายที่จะต้องพาดพิงถึงบุคคลภายนอก 

“เเต่สิ่งที่ตรวจสอบ เรามุ่งไปที่รัฐบาล หากโดนฟ้องดำเนินคดีไปเรื่อยๆ สิ่งที่จะตามมาก็คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะทำไม่ได้ เท่ากับถูกสกัดที่มาในรูปแบบการฟ้องดำเนินคดีเช่นนี้ สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นสัญญาไทยคม ในวันนั้น เรามีจุดมุ่งหมายในการมุ่งตรวจสอบรัฐมนตรี แน่นอนเราไม่ปฏิเสธว่าไม่ได้กล่าวถึงและพาดพิงบุคคลภายนอกหรือกลุ่มบริษัทข้างนอก แต่การพาดพิงดังกล่าว เพื่อแสดงให้เห็นว่า นายชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการดิจิตอลฯ มีพฤติกรรมเอื้อต่อกลุ่มทุนอย่างไร ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มทุนข้างนอกจะรู้เห็นด้วย อาจจะรู้เห็นหรือไม่รู้เห็นก็ได้ แต่เรามีจุดมุ่งหมายมุ่งไปที่รัฐบาล” 

อย่างไรก็ตาม รังสิมันต์ ย้ำว่า ถึงเเม้ตนและพรรคก้าวไกลจะโดนดำเนินคดี โดนฟ้องร้องทั้งคดีอาญาเเละคดีเเพ่งที่มีมูลค่าสูงถึง 100 ล้านบาท แต่เชื่อว่าจะชนะคดี เพราะได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา มั่นใจว่าในท้ายที่สุดจะสามารถใช้กระบวนการยุติธรรมในการพิสูจน์ให้เห็นว่า เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านและมีความจำเป็นจะต้องทำหน้าที่เช่นนี้ หากมีการพาดพิงบุคคลภายนอก ท่านสามารถใช้สิทธิในอธิบายหรือชี้เเจงต่อสังคมได้อยู่แล้ว แต่หากมาถึงจุดที่มีการฟ้องคดีก็ต้องไปพิสูจน์กันในศาลต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net