Skip to main content
sharethis

เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีตอบสำนักข่าว Bild กรณีการเสด็จฯ ประทับ ณ ประเทศเยอรมนีของ ร.10 พร้อมยืนยันว่าจะไม่ยอมให้มีการใช้อำนาจใดที่ขัดต่อหลักกฎหมายและอำนาจอธิปไตยบนแผ่นดินเยอรมนี

13 ธ.ค. 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าว Bild ของเยอรมนี ซึ่งรายงานเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีตอบคำถามผู้สื่อข่าวของ Bild ถึงกรณีที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ ร.10 เสด็จฯ ประทับ ณ แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี

สำนักข่าว Bild รายงานว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศกล่าวกับผู้สื่อข่าวของ Bild ด้วยความชัดเจนว่า “เราสื่อสารจุดยืนของเราอย่างชัดเจนไปยังทางการไทยแล้ว เราคิดว่าผู้แทนของไทย (ร.10) จะไม่ตัดสินใจกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อหลักกฎหมายของประเทศเยอรมนี กฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ บนแผ่นดินเยอรมนี”

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2563 ฟริธยอฟ ชมิดท์ (Dr. Frithjof Schmidt) ส.ส.จากพรรคกรีน ตั้งกระทู้ถาม ไฮโค มาส (Heiko Maas) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีในขณะนั้น ถึงท่าทีของรัฐบาลเยอรมนีต่อการประท้วงในประเทศไทย และการประทับอยู่ในเยอรมนีของกษัตริย์ไทย ซึ่งอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถามของ ส.ส.พรรคกรีนในสภาว่า “เราได้แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าการสั่งการทางการเมืองในเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทยห้ามกระทำจากผืนแผ่นดินของประเทศเยอรมนี”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ต่อมาในวันที่ 12 พ.ย. 2563 กระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีได้ตอบคำถามของ ส.ส.พรรคกรีนส์ เป็นลายลักษณ์อักษรว่า ทางกระทรวงคาดว่า พระมหากษัตริย์ของไทยไม่ได้ทรงตัดสินพระราชหฤทัยที่ “เป็นการแทรกแซงระบบกฎหมายของเยอรมนี กฎหมายระหว่างประเทศ หรือ หลักสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรองระหว่างประเทศ” ขณะทรงประทับอยู่บนแผ่นดินเยอรมนี และเอกสารชี้แจงระบุอีกว่า “รัฐบาลเยอรมนีไม่มีหลักฐานอันน่าเชื่อถือว่า พระมหากษัตริย์ของไทยทรงตัดสินพระราชหฤทัยในการใด ๆ ระหว่างทรงประทับในเยอรมนี”

ด้าน มิเกล แบร์เกอร์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ยังระบุว่า "จากข้อมูลที่ได้มาจากรัฐบาลไทย การประทับของพระมหากษัตริย์ไทยในเยอรมนีเป็นเรื่องส่วนพระองค์”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย. 2564 ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานโดยอ้างอิงจากสำนักข่าว Bild ของเยอรมนีว่าในหลวงสเด็จกลับเยอรมนีแล้วเมื่อจันทร์ที่ 8 พ.ย. 2564 พร้อมกับคณะผู้ติดตาม โดยสำรองที่พักของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองมิวนิก ซึ่งเป็นการเสด็จประทับในรอบ 1 ปี หลังจากที่ก่อนหน้านี้พระองค์เดินทางกลับไทยเมื่อ ต.ค. 2563 เพื่อเข้าร่วมพิธีครบรอบ 4 ปีการสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 ขณะที่ประชาชนออกมาประท้วงบนท้องถนนเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ เป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา ร.10 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝน เป็นเครื่องทรงฤดูหนาว ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง และในวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ร.10 พร้อมด้วยสมเด็นพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9 ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่สนามม้านางเลิ้งเดิม โดยข่าวการปฏิบัติพระราชกรณียกิจของ ร.10 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งล่าสุดของพระองค์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

แปลและเรียบเรียงจาก:

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net