Skip to main content
sharethis

ศบค. รายงานสถานการณ์ COVID-19 ในไทย ผู้ป่วยใหม่ 2,899 ราย รักษาหาย 4,389 ราย เสียชีวิต 22 ราย ฉีดวัคซีน (18 ธ.ค. 2564) สะสม 99,761,523 โดส 

19 ธ.ค. 2564 ศบค. รายงานสถานการณ์ COVID-19 ในไทย ผู้ป่วยใหม่ 2,899 ราย รักษาหาย 4,389 ราย เสียชีวิต 22 ราย ฉีดวัคซีน (18 ธ.ค. 2564) สะสม 99,761,523 โดส

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,899 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,802 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 22 ราย และจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 21 ราย ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 54 ราย มาจากเนเธอร์แลนด์, ออสเตรีย, ไอร์แลนด์, ไนจีเรีย, เคนยา และโปแลนด์ ประเทศละ 1 ราย, รัสเซีย, ฝรั่งเศส, สวีเดน, กัมพูชา, ลาว, แคนาดา, เดนมาร์ก ประเทศละ 2 ราย, มาเลเซีย 4 ราย, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ประเทศละ 8 ราย ส่วนซาอุดิอาระเบีย 14 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อเข้าข่ายด้วยการตรวจ ATK 946 ราย

เสียชีวิต 22 ราย เป็นชาย 7 ราย หญิง 15 ราย อายุเฉลี่ย 71 ปี (29-88 ปี) โดยเป็นผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 18 ราย คิดเป็น 82% ผู้มีโรคเรื้อรัง 3 ราย คิดเป็น 14% และผู้ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 1 ราย คิดเป็น 4%

จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงล่าสุดอยู่ที่ 2,191,528 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มขึ้น 4,389 ราย ผู้ป่วยยังรักษาอยู่ 41,793 ราย อาการหนัก 928 ราย ในจำนวนนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 249 ราย ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 21,377 ราย

จังหวัดที่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 395 ราย, ชลบุรี 197 ราย, นครศรีธรรมราช 185 ราย, สมุทรปราการ 133 ราย, ขอนแก่น 115 ราย, สงขลา 97 ราย, กระบี่ 86 ราย, ราชบุรี 73 ราย, สุราษฎร์ธานี 72 ราย และพระนครศรีอยุธยา 65 ราย

จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรวันที่ 18 ธ.ค.64 มีจำนวนทั้งหมด 12,203 ราย เข้ามาในกลุ่มไม่ต้องกักตัว (Test&Go) 10,324 ราย, Sandbox 1,702 ราย, Quarantine 7 วัน 64 ราย, Quarantine 10 วัน 81 ราย และ Quarantine 14 วัน 32 ราย

สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดวันนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวม 274,536,717 ราย เสียชีวิต 5,366,516 ราย โดยประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับแรก คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา 51,696,205 ราย อันดับ 2 อินเดีย 34,738,584 ราย อันดับ 3 บราซิล 22,212,343 ราย อันดับ 4 สหราชอาณาจักร 11,279,428 ราย และอันดับ 5 รัสเซีย 10,186,823 ราย ส่วนประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ในอันดับที่ 24

สสจ.ภูเก็ตยันผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่ปัตตานี มากักตัว 5 วันในภูเก็ตแพทย์คุมใกล้ชิด

เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ รายงานว่า นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า คณะผู้แสวงบุญอุมเราะห์ไทย จำนวน 137 คน เดินทางกลับจากประเทศซาอุดิอาระเบียสู่ประเทศไทยผ่านโครงการ “Test&Go” เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตรวจพบผู้ติดเชื้อ 5 ราย ซึ่งทั้ง 5 รายนี้ ได้กักตัวและเข้ารับการรักษาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาที่อยู่ภูเก็ต เป็นเวลา 5 วัน

ทั้งนี้ เนื่องจากทั้ง 5 ราย เป็นกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวที่ไม่มีอาการ จึงได้ขอเดินทางกลับไปรักษาในพื้นที่ชายแดนใต้ โดย สสจ.ภูเก็ตได้ประสานกับจังหวัดปลายทาง ให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้กลับไปรักษาภายใต้การดูแลจากทีมแพทย์ตามมาตราการระดับจังหวัดอย่างเข็มงวด ต่อมาในวันที่ 17 ธ.ค. ได้รับแจ้ง จากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ภูเก็ต ว่า 1 ใน 5 ราย เป็นผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน หลังจากที่ได้เดินทางกลับไปรักษาตัวในพื้นที่แล้ว

สำหรับผู้แสวงบุญอุมเราะห์คณะนี้ ได้มีการตรวจ RT-PCR ที่ซาอุดิอาระเบียก่อนเดินทางกลับมายังประเทศไทย และได้ตรวจหาเชื้อตามมาตรการของจังหวัดภูเก็ตอีกครั้งที่สนามบินภูเก็ต หากเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงได้เข้าสู่กระบวนการของกระทรวงสาธารณะสุขโดยกักตัว 14 วัน ส่วนผู้ที่ไม่ใช่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและมีผลเป็นลบ ได้เดินทางกลับไปยังจังหวัดปลายทางแล้วทั้งหมด

ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจด้านการควบคุมและป้องกันโรค อย่างสูงสุดคณะผู้แสวงบุญได้กักตัวเองและสังเกตอาการต่อจนครบ 14 วัน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ตัวเองและสังคม และขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการแพร่ระบาดเชื้อในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนกและติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

ก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้พบผู้ติดเชื้อ 1 ใน 3 ราย ได้ขอกลับมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลภูมิลำเนา จ.ปัตตานี และเมื่อวันศุกร์ที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่แจ้งข้อมูลว่าผู้ติเชื้อรายดังกล่าวพบเป็นเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน โดยนายแพทย์อนุรักษ์ สารภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า สำหรับผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธ์โอไมครอนนั้น ยืนยันว่าติดเชื้อมาจากการเดินทางไปอุมเราะห์ ที่ประเทศซาอุฯ และต้องการมารับการรักษาตัวที่จ.ปัตตานี แต่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อในพื้นที่

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net