กาเบรียล บอริก ผู้นำพรรคฝ่ายซ้ายรุ่นใหม่ของชิลี อดีตผู้นำการประท้วงเรื่องการศึกษา ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้ง และกำลังจะเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุน้อยที่สุดของชิลี พร้อมประกาศเก็บภาษีมหาเศรษฐีเพิ่มเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ นำไปเพิ่มบริการสังคม และปกป้องสิ่งแวดล้อม 

ในการเลือกตั้งชิลีเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2564 กาเบรียล บอริก (Gabriel Boric) ผู้นำพรรคฝ่ายซ้ายรุ่นใหม่ วัย 35 ปี ประกาศชัยชนะอย่างไม่เป็นทางการ หลังจากได้รับคะแนนเสียง 56% นำห่างคู่แข่งของเขาคือ โฮเซ อันโตนิโอ คาสต์ (José Antonio Kast) ที่ได้คะแนน 44% จากจากการรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการมากกว่า 90% ของหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด

คาสต์คู่แข่งของบอริกแสดงความยินดีต่อบอริกด้วยการทวีตภาพของทั้งคู่ทางทวิตเตอร์ โดยระบุว่าเป็น "ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่" ขณะที่ผู้สนับสนุนบอริกพากันเฉลิมฉลองที่ย่านใจกลางเมืองซานติอาโก ขณะที่ เซบาสเตียน ปิเญรา ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ก็แสดงความยินดีต่อบอริกผ่านทางวิดีโอคอลเช่นกัน

บอริกประกาศผ่านโทรทัศน์พร้อมปิเญราในช่วงเวลาสั้นๆ ว่า "ผมจะเป็นประธานาธิบดีสำหรับชาวชิลีทุกคน"

ปัจจุบันบอริกอายุ 35 ปี หากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในเดือน มี.ค. 2565 เขาจะกลายเป็นประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของชิลี บอริกยังเป็นหนึ่งในนักกิจกรรมชิลีหลายคนที่ชนะการเลือกตั้งเข้าไปในสภาเมื่อปี 2557 หลังจากที่พวกเขาประท้วงเรียกร้องให้ระบบการศึกษามีคุณภาพมากขึ้น

บอริกยังให้คำมั่นว่าจะทำให้ระบบเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่ที่ตกค้างมาจากสมัยเผด็จการ พล.อ.ออกุสโต ปิโนเชต์ ระหว่างปี 2516-2533 ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป พร้อมเตรียมเก็บภาษีเพิ่มจากมหาเศรษฐี เพื่อขยายบริการสังคม ต่อสู้กับปัญหาความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม

คาสต์ ที่เคยมีประวัติออกตัวปกป้องเผด็จการปิโนเชต์ เอาชนะบอริกได้ในการเลือกตั้งรอบแรกเล็กน้อย แต่ไม่ได้สามารถครองคะแนนเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง ทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งรอบตัดสินระหว่างคาสต์กับบอริกอีกครั้งหนึ่ง

บอริกสามารถพลิกกลับมาชนะ โดยมีส่วนต่างคะแนนมากกว่าที่แบบสำรวจความคิดเห็นก่อนเลือกตั้งเคยทำนายไว้ โดยคะแนนที่เพิ่มขึ้นขยายไปไกลกว่าฐานเสียงของเขาในซานติอาโก้ เมืองหลวงของประเทศ และรวมเอาผู้มีสิทธิเลือกตั้งในชนบทที่ไม่ได้เลือกข้างทางการเมืองแบบสุดโต่งเข้ามาด้วย เช่น ในอันโต้ฟากาสต้าทางตอนเหนือ ซึ่งเขาได้อันดับสามจากการลงคะแนนรอบแรก แต่กลับมาพลิกเอาชนะคาสต์ได้ในรอบชี้ขาด

คาสต์ วัย 55 ปี เป็นชาวคริสต์นิกายคาทอลิกที่เคร่งศาสนา พื้นเพมาจากกลุ่มขวาจัดตกขอบ เขาเคยได้รับคะแนนโหวตเพียงไม่ถึง 8% ในปี 2560 ก่อได้รับคะแนนนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากการสร้างวาทกรรมแบ่งแยกประชาชน โดยเน้นค่านิยมครอบครัวแบบอนุรักษ์นิยม และเล่นกับความกลัวของชาวชิลีว่า คลื่นผู้อพยพจากเฮติและเวเนซุเอลาจะผลักดันให้เกิดการก่ออาชญากรรม

นอกจากนี้ คาสต์ยังมีประวัติเคยกล่าวโจมตีชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศในชิลี และส่งเสริมให้มีกฎหมายจำกัดการทำแท้งที่เข้มงวดขึ้น คาสต์ยังเคยกล่าววิจารณ์ ประธานาธิบดี เซบาสเตียน ปิเญรา ที่เป็นสายอนุรักษ์นิยมเหมือนกันว่า ทรยศต่อมรดกทางเศรษฐกิจของอดีตนายพลผู้นำประเทศอย่างปิโนเชต์ นอกจากนี้ พี่น้องของคาสต์ยังเคยเป็นที่ปรึกษาระดับสูงของปิโนเชต์ด้วย

มีการตั้งข้อสังเกตว่าในช่วงไม่นานก่อนการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ทั้งสองคนต่างก็เริ่มพยายามแสดงตัวเข้าหาสายกลางมากขึ้น คาสต์พยายามบอกว่าเขาไม่ใช่พวกขวาจัดสุดโต่ง บอริกที่ได้รับการหนุนหลังจากแนวร่วมพรรคฝ่ายซ้าย รวมถึงพรรคคอมมิวนิสต์ชิลี ก็เริ่มสรรหาที่ปรึกษาที่เป็นสายกลางเข้าทีมของตนเอง และบอกว่าจะทำให้การเปลี่ยนแปลงของเขาเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และมีความรับผิดชอบในเชิงงบประมาณ

โรเบิร์ต ฟังค์ (Robert Funk) นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชิลี กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายต่างก็ลงคะแนนโดยมาจากความกลัว ฝ่ายหนึ่งกลัวว่าถ้าคาสต์ชนะ ชิลีจะตกอยู่ภายใต้เผด็จการล้าหลัง อีกฝ่ายหนึ่งกลัวว่าบอริกอาจจะยังดูหนุ่มและขาดประสบการณ์ รวมถึงกลัวว่าอาจจะไปเข้าร่วมกับคอมมิวนิสต์

สิ่งที่บอริกอาจจะต้องเผชิญคือรัฐสภาที่มีการแบ่งฝักฝ่าย อีกทั้งชิลียังอยู่ในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จากเดิมที่ใช้มาตั้งแต่สมัยเผด็จการปิโนเชต์ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญชิลีซึ่งเป็นสถาบันที่มาจากการเลือกตั้งที่มีอำนาจมากที่สุด สามารถสั่งให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ได้ หลังจากที่พวกเขาร่างรัฐธรรมนูญใหม่เสร็จสิ้นในปีหน้า และรัฐธรรมนูญใหม่นี้ได้รับการรับรองจากการทำประชามติ

เรียบเรียงจาก

• A leftist millennial wins election as Chile's next president, NPR, 19-12-2021