ตร.จับ ‘เก็ท’ โมกหลวงฯ คดี 112 ปมปราศรัย ‘ทัวร์มูล่าผัว’ ก่อนศาลไม่ให้ประกัน เข้าเรือนจำรายที่ 9

จากเหตุการณ์เมื่อ 1 พ.ค. 65 ตร.ล้อมจับ ‘เก็ท’ นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ตามหมายจับ ม.112 จากการปราศรัยแฟลชม็อบทัวร์มูล่าผัว เมื่อ 22 เม.ย. 65 ก่อนล่าสุด ตร.ส่งฝากขัง และศาลไม่ให้ประกันอ้างกลัวหลบหนี-กระทำผิดทำนองเดียวกัน เข้าเรือนจำเป็นรายที่ 9

 

2 พ.ค. 65 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานวันนี้ (2 พ.ค.) สืบเนื่องจากเมื่อ 1 พ.ค. 2565 เวลา 21.20 น. ศูนย์ทนายฯ ได้รับแจ้งว่า ชุดตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าอ่านหมายจับ ในคดี ม.112 ต่อ ‘เก็ท’ โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักศึกษาวัย 23 ปี จากภาควิชารังสีเทคนิต คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล และเป็นนักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ขณะที่เขากำลังเรียกรถแท็กซี่ สีชมพู ออกจากพื้นที่ทำกิจกรรมวันแรงงานสากลที่ลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร หรือ BACC ที่แยกปทุมวัน 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อวานนี้ (1 พ.ค.) จากการสอบถามคนที่อยู่โดยรอบบริเวณหน้าหอศิลป์ฯ ทราบความว่า เหตุการจับกุมเริ่มขึ้นเวลาประมาณ 21.19 น. ขณะที่เก็ทขึ้นรถแท็กซี่แล้ว มีรถกระบะตำรวจขับมาจอดขวางหน้ารถแท็กซี่ที่เก็ทโดยสาร และลงมาอ่านหมายจับ ม.112 ภายหลังทราบว่ามาจากการปราศรัยในกิจกรรม ‘ทัวร์มูล่าผัว’ เมื่อ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยตำรวจแจ้งกับเก็ทด้วยว่า จะมาขึ้นรถตำรวจ หรือถ้าไม่ยอมลงจากแท็กซี่ จะให้ตำรวจ 1 นายโดยสารรถแท็กซี่ที่เก็ทโดยสาร และให้แท็กซี่ขับไปส่งที่ สน.สำราญราษฎร์ พร้อมกับรถตำรวจ 

ที่หน้าหอศิลป์ แยกปทุมวัน ตรงข้าม MBK ตร.ล้อมรถแท็กซี่ที่เก็ท กลุ่มโมกหลวงฯ โดยสาร เมื่อ 1 พ.ค. 2565

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนในบริเวณใกล้เคียงเข้ามาเจรจากับเจ้าหน้าที่และยืนล้อมรถแท็กซี่ไว้ เพื่อไม่ให้ตำรวจนำตัว ‘เก็ท’ ไป เนื่องจากยังไม่มั่นใจว่าจะพาตัวเก็ทไปที่ไหน และอยากให้ทนายความเดินมาถึงก่อน  

จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.05 น. เหตุการณ์สิ้นสุดลงหลังเก็ทยอมลงจากรถแท็กซี่ไปขึ้นรถกระบะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีผู้ไว้วางใจและประชาชนจำนวนหนึ่งติดตามไปด้วย 

ศูนย์ทนายฯ ระบุต่อว่า ตำรวจพาตัวเก็ทไปที่ สน.สำราญราษฎร์ โดยถึงเมื่อเวลาประมาณ 22.20 น. โดยที่มีทนายความติดตามไปด้วย ขณะที่ด้านหน้า สน. ตำรวจนำแผงเหล็กมากั้น และมีประชาชนรอให้กำลังใจ

ศูนย์ทนายฯ ระบุต่อว่า ตำรวจชุดจับกุมได้ทำบันทึกจับกุมเก็ท โดยในการจับกุมครั้งนี้อยู่ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.สส. บก.น.6  และ พ.ต.ต.พลเชษฐ์ มาดี สารวัตรสืบสวน สน.สำราญราษฎร์ โดยระบุว่ามีชุดจับกุมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กก.สส.บก.น.6 และ สน.สำราญราษฎร์ รวม 9 ราย  และเป็นการจับกุมตามหมายจับที่ออกโดยศาลอาญา ลงวันที่ 29 เม.ย. 2565 ลงนามโดย นางสาวปกฉัตร เผือกสุวรรณ โดยมีพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เป็นผู้ร้องขอออกหมาย ในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ 

ในชั้นจับกุม นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา รวมถึงไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุมข้างต้น

พาตัวไป บช.ปส. ก่อนแจ้ง ม.112 กล่าวหาปราศรัยลดคุณค่าพระราชินี 

ต่อมา เวลาประมาณ 23.30 น. ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ยืนยันที่จะนำตัวโสภณไปสอบสวนต่อที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ภายในสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี-รังสิต ซึ่งไม่ใช่พื้นที่เกิดเหตุ 

เวลาประมาณ 23.56 น. เก็ทจึงได้ขอลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.สำราญราษฎร์ ให้ทำการสอบสวนตนต่อทันทีที่ สน.นี้ และไม่ยินยอมให้ย้ายไปสอบสวนที่ บช.ปส. เพราะไม่ใช่ท้องที่เกิดเหตุและประกาศเรื่องกำหนดสถานที่ควบคุมที่ 1/2563 ที่กำหนดให้ บช.ปส. เป็นสถานที่ควบคุมตัวได้ถูกยกเลิกไปแล้ว 

อย่างไรก็ตาม วันที่ 2 พ.ค. 2565 เวลา 00.20 น. ตำรวจนำตัวเก็ทย้ายไปที่ บช.ปส. โดยไม่มีทนายความขึ้นรถไปด้วย ทำให้ทนายความต้องเดินทางแยกไปต่างหาก และต้องรออยู่หน้าตึก บช.ปส. ก่อนจะตามเข้าไปให้คำปรึกษาทางกฎหมายกับโสภณด้านในอาคารได้ในเวลาต่อมา  

ประชาชนมาให้กำลังใจ เก็ท หน้า สน.สำราญราษฎร์ เมื่อ 1 พ.ค. 2565 (ภาพโดยแมวส้ม)

03.30 น. ศูนย์ทนายความฯ จึงได้รับรายงานความคืบหน้าว่า ร.ต.อ.โยธี เสริมสุขต่อ รองสารวัตรสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ยังคงทำการสอบข้อเท็จจริงโสภณอยู่ 

ตามบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาได้ระบุรายละเอียดพฤติการณ์คดีว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2565 เวลาประมาณ 08.00 น. ขณะที่นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ผู้กล่าวหาพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักและได้เข้าไปดูเพจของ Friends Talk ในโทรศัพท์มือถือ พบว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 เวลาประมาณ 17.50 น. เพจมีคลิปการไลฟ์สด พบกลุ่มบุคคลกําลังเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตํารวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตํารวจได้ยืนกั้นแถวไม่ให้เดินเข้าไปยังบริเวณวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ซึ่งในวันดังกล่าวพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา จะเสด็จพระราชดําเนิน เพื่อบําเพ็ญพระราชกุศลถวายสมเด็จพระบูรพมหากษัตราธิราชและทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ พระบรมบรรพต เนื่องในโอกาสที่กระทรวงวัฒนธรรมจัดงาน “ใต้ร่มพระบารมี 240 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” 

ในคลิปมีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 10 กว่าคน โดยมีนายโสภณ สุรฤทธิ์ธํารง ทราบชื่อและนามสกุลจริงภายหลัง ได้ปราศรัยโดยใช้เครื่องขยายเสียงทางโทรโข่ง ซึ่งมีข้อความเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความ อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงการทำบุญของพระราชินีสุทิดา และกล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ผู้กล่าวหาอ้างว่า ข้อความดังกล่าวกล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงด้วยกําลังไฟฟ้า (โทรโข่ง) ต่อหน้าประชาชนผู้ชุมนุมจํานวนมาก และมีการถ่ายทอดสดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การกล่าวถ้อยคําเช่นนั้น เป็นทั้งถ้อยคําที่ไม่สุภาพและไม่สมควร แสดงให้เห็นเจตนาของผู้ต้องหาที่ต้องการลดคุณค่าของสมเด็จพระราชินีสุทิดา อันเป็นการดูถูกเหยียดหยาม เป็นการใส่ร้ายทําให้ประชาชนทั่วไปรู้สึกเกลียดชัง ซึ่งถือเป็นการดูหมิ่น หรือแสดงความ อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ อานนท์ กลิ่นแก้ว จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน

พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาโสภณ 2 ข้อหา คือ ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โสภณได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และปฏิเสธจะลงลายมือชื่อในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา

ตร.ขอฝากขังอ้างโทษสูง-พ.ค.มีงานพระราชพิธีเยอะ 

หลังจากสอบคำให้การเสร็จสิ้นแล้ว เก็ทถูกคุมขังที่ บช.ปส. 1 คืน และทราบว่าพนักงานสอบสวนจะทำการขอฝากขังผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จึงได้ทำการคัดค้านการฝากขังออนไลน์นี้ โดยการลงบันทึกประจำวันไว้   

ต่อมาช่วงเช้า วันที่ 2 พ.ค. 2565 พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขออำนาจศาลอาญาฝากขังผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นระยะเวลา 12 วัน พร้อมคัดค้านการประกันตัวโดยระบุว่าเป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง และผู้ต้องหาเป็นนักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นบุคคลเฝ้าระวังพิเศษต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และในเดือนพฤษภาคม มีงานพระราชพิธีฉัตรมงคล พิธีสมโภชเครื่องราชกุธภัณฑ์ พระราชพิธีพืชมงคล และงานพระราชพิธีต่างๆ หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง 

หลังทนายความทราบคำสั่งศาลอาญาอนุญาตให้ฝากขังโสภณ จึงได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยขอวางหลักทรัพย์ 90,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์เป็นหลักประกัน  

ศาลไม่ให้ประกัน อ้างอาจหลบหนี-ไปกระทำการทำนองเดียวกัน 

เวลา 15.30 น. ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโสภณ โดยศาลอาญามีคำสั่งว่า กรณีนี้ปรากฏว่า โสภณผู้ต้องหาเคยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวของศาลนี้ ในข้อหาร่วมกันดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในระหว่างพิจารณา อันเนื่องมาจากผู้ต้องหากับพวกรวมตัวกันชุมนุมมั่วสุมที่ศาลอาญา ปราศรัยเรียกร้อง รวมถึงแสดงความไม่พอใจในการทำหน้าที่ของศาล ในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ต่อศาลนี้ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ซึ่งคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล 

ผู้ต้องหายังกระทำการอันเป็นเหตุให้ถูกจับกุมเป็นคดีนี้อีก จึงน่าเชื่อว่าหากให้ปล่อยชั่วคราวไป ผู้ต้องหาอาจหลบหนี หรือไปกระทำการในทำนองเดียวกันนี้ หรือก่อภัยอันตรายประการอื่นอีก จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ศาลได้ปิดชื่อผู้พิพากษาที่ลงชื่อในคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวไว้ 

สำหรับคดีที่ศาลกล่าวถึงว่าเก็ทถูกกล่าวหามาก่อนหน้านี้ เป็นกรณีที่เขาถูกจับกุมร่วมกับนักกิจกรรม และประชาชน รวม 15 คน ในการชุมนุม #ม็อบ2พฤษภา2564 หน้าศาลอาญา โดยกลุ่ม REDEM คดีนี้ เขาถูกแจ้งข้อหาดูหมิ่นศาล, ข้อหามาตรา 215, มาตรา 216, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ใช้เครื่องขยายเสียง และกีดขวางทางเท้า โดยคดีอยู่ระหว่างการรอสืบพยานในชั้นศาล

หลังคำสั่งศาล นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงฯ ถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทำให้ ณ วันที่ 2 พ.ค. 2565 มีจำนวนผู้ถูกคุมขังในเรือนจำจากการแสดงออกทางการเมือง หรือมีมูลเหตุเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยไม่ได้รับการประกันตัว เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อยจำนวน 9 คน 

เก็ทในรถผู้ต้องขังถูกพาตัวมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เมื่อ 2 พ.ค. 2565 เวลา 16.49 น. (ภาพโดย สุรเมธ น้อยอุบล ผู้สื่อข่าวพิเศษประชาไท)

ทั้งนี้ อานนท์ กลิ่นแก้ว เป็นสมาชิกกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวแจ้งความนักกิจกรรมในคดีมาตรา 112 หลายคดี น่าสังเกตว่าการขอออกหมายจับเก็ท ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกิดขึ้นหลังการแจ้งความเพียง 6 วันเท่านั้น โดยไม่มีการออกหมายเรียก และคดีนี้ยังเป็นคดีมาตรา 112 คดีแรกที่เก็ท ถูกกล่าวหา

สำหรับสถิติผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 หลังชุมนุมเยาวชนปลดแอก ปี 2563 จนถึงวันที่ 2 พ.ค. 2565 พุ่งขึ้นเป็นอย่างน้อย 191 คน คิดเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 205 คดี ในจำนวนนี้มีคดีที่มี “ประชาชน” เป็นผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษจำนวน 96 คดี หรือเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมด 

เก็ทเขียน จม.ขออย่าลืมผู้เสียสละเพื่อสิทธิ-เสรีภาพ และสู้ ‘เพื่อคนเท่ากัน’ ต่อไป

จากเฟซบุ๊กของหนึ่งในนักเคลื่อนไหวร่วมอุดมการณ์ของ ‘เก็ท’ โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ซึ่งมีการโพสต์ข้อความจดหมายจากเก็ท ก่อนที่เขาจะถูกตำรวจพาตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ จากการถูกดำเนินคดี ม.112 จากการปราศรัยเมื่อ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา 

ข้อความระบุดังนี้

สวัสดีทุกคนนะครับ ผมเก็ทนะ วันนี้ผมต้องถูกฝากขังวันแรกจากคดี 112 ทุกครั้งที่ผมออกมาสู้ ผมจะยืนยันในจุดยืนของ “คนเท่ากัน” เสมอ ผมอยากเห็นสังคมที่ผมมีความสุขไปพร้อมๆกันทุกคน อยู่สังคมที่ความพยายามนำพาไปสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง ไม่ใช่ใครบางคนพยายามอย่างสุดความสามารถ สุดชีวิต แต่ไปไม่ถึงปลายทาง อยากให้สังคมมีความเหลื่อมล้ำน้อยลง ผมไม่ได้คิดว่าการต่อสู้นี้คือการเป็นฮีโร่ ไม่ได้คิดว่าต้องไปทำเท่ห์ แต่ผมสู้ในฐานะพลเมืองคนหนึ่ง ที่เมื่อถูกกดทับ ริดรอนสิทธิ์ หรือเห็นใครถูกริดรอนสิทธิ์ ก็ต้องออกมาเรียกร้อง และทวงคืนสิทธิ์ อันชอบธรรมที่ผมควรได้ ทุกคนควรได้

ถ้าจะขออะไรจากประชาชนข้างนอก ผมอยากขอให้มวลชนอย่าลืมผม อย่าลืมตะวัน พี่เอกชัย พี่สมบัติ ป้าอัญชัน และอีกหลายคนที่สู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพ จนต้องมาจบอยู่ในเรือนจำ กำลังใจมันสำคัญมากจริงๆ และขอให้ประชาชนทุกคนสู้ต่อ สู้เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นคน สู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพ พวกคุณทุกคนมีคุณค่า ขอให้สู้เพื่อ “คนเท่ากัน” ต่อด้วย ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีในทุกๆวัน พวกคุณมีอิสรภาพ อย่าถูกหลอกว่าเป็นทาส หรือฝุ่นใต้เท้าใคร ขอฝากพ่อ แม่ ครอบครัว เพื่อนๆ และทุกคน เหนื่อยก็พัก หิวก็กินข้าว ง่วงก็นอน ดูแลตัวเองด้วยนะ ระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ ผมก็จะพัฒนาตัวเอง เพื่อที่จะให้พร้อมออกไปสู้ต่อ

ด้วยรักแห่งอุดมการณ์
เก็ท โสภณ

จม.เขียนโดยเก็ท โมกหลวงฯ ถึงประชาชนทุกคน 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท