Skip to main content
sharethis

ครม.มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.ฎ.ยกเว้นการใช้พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ให้กับหน่วยงานราชการหากมีการร้องขอเพื่อใช้ป้องกันและรักษาความมั่นคงของประเทศ จัดเก็บภาษี เพื่อประโยชน์สาธารณะและเพื่อการพพิจารณาคดีในศาล หลังจากผู้แทนหน่วยงานความมั่นคงแจ้งที่ประชุมว่าพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกระทบภารกิจ

5 ก.ค.2565 เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาลรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลักษณะ กิจการ หรือหน่วยงานที่ยกเว้นมิให้นำพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาใช้บังคับ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุดไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้

รายงานระบุเหตุผลว่าพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อาจมีเนื้อหาสาระสำคัญที่มีผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่ดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ การจัดเก็บภาษีของหน่วยงานรัฐ การดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ การดำเนินการของหน่วยงาน ศาล อัยการ และผู้บังคับใช้กฎหมายอันเป็นเรื่องจำเป็นที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับสากลจะกำหนดข้อยกเว้นให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสามารถดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้

นอกจากนั้นเมื่อ 2 ก.พ.2565 ในคราวการประชุมหารือผู้แทนหน่วยงานด้านการรักษาความมั่นคงได้พิจารณาและมีข้อยุติว่า สาระสำคัญของกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายว่าด้วยข่าวกรองแห่งชาติมีผลกระทบต่อการดำเนินงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ จำเป็นต้องใช้มาตรา 4 ในพ.ร.บคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ เพื่อออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อยกเว้นการบังคับใช้กับหน่วยงานบางส่วนเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันและรักษาความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ การจัดเก็บภาษีของหน่วยงานรัฐ การดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ การดำเนินการของหน่วยงาน ศาล อัยการ และผู้บังคับใช้กฎหมาย

ในรายงานระบุสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาเอาไว้ว่า การร่างพ.ร.ฎ.ฉบับนี้ให้กำหนดข้อยกเว้นการบังคับใช้พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในหมวด 2 (การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) หมวด 3 (สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล) หมวด 5 (การร้องเรียน) หมวด 6 (ความรับผิดทางแพ่ง) และหมวด 7 (บทกำหนดโทษ) กับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่หมายถึงบุคคลหรือนิติบุคคลที่มีหน้าที่ตัดสินใจเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีดังต่อไปนี้

1. เมื่อได้รับการร้องขอจากหน่วยงานรัฐ หน่วยงานราชการที่มีกฎหมายเฉพาะหรือกฎหมายรองรับอำนาจ หากหน่วยงานดังกล่าวดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์หรือภารกิจ ดังต่อไปนี้

1.1 การป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคงและปลอดภัยของประเทศ การข่าวกรอง การรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางการคลังและเศรษฐกิจของประเทศ การรักษาความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงปลอดภัยสาธารณะ การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ยาเสพติด ภัยคุกคามข้ามชาติ การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ การต่อต้านการทุจริต การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ การดำเนินการด้านสาธารณสุข สุขอนามัย เพื่อป้องกันโรคระบาด ชีวิต สุขภาพ และทรัพย์สินของประชาชน

1.2 การจัดเก็บภาษีตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต การดำเนินการใด ๆ อันเกี่ยวกับการบังคับแก่บรรดาธรรมเนียมทางภาษีอากร ค่าฤชาธรรมเนียม หรือค่าอากรใด ๆ ให้แก่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับประกันสังคม รวมถึงการเก็บรวบรวมใช้เปิดเผยหรือประมวลผล หรือส่งผ่านข้อมูลเพื่อดำเนินการดังกล่าวและการดำเนินการตามพันธกรณี หรือความร่วมมือระหว่างประเทศ

1.3 การป้องกันความเสี่ยง การตรวจสอบ การเฝ้าระวัง มาตรการเพื่อบรรเทา การรักษาเยียวยาฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดจากภัยคุกคามต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ หน่วยงานรัฐที่มีกฎหมายรองรับสิทธิเพื่อป้องกันภัยสาธารณะ หรือภัยคุกคามใด ๆ ที่ส่งผลต่อสาธารณชนในวงกว้าง

2. เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ให้แก่หน่วยงานรัฐหน่วยงานราชการ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อเป็นการดำเนินการตามพันธกรณีความร่วมมือหรือข้อตกลงระหว่างประเทศ ทวิภาคีหรือพหุภาคีหรืออนุสัญญาระหว่างประเทศ

3. เก็บรวมรวม ใช้ เปิดเผย ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิจารณาพิพากษาคดีทุกประเภทของศาล การดำเนินการของศาล ผู้พิพากษา พนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวน ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายหรือองค์กรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมและบังคับคดี หรือการดำเนินการเพื่อความร่วมมือทางศาลและองค์กรที่เกี่ยวข้องกระบวนการยุติธรรมในประเทศและระหว่างประเทศ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net