'ทักษิณ' โฟนอินงานพบปะเครือข่ายคนเสื้อแดง 20 จังหวัดภาคอีสาน

'ทักษิณ' โฟนอินงานพบปะเครือข่ายคนเสื้อแดง 20 จังหวัดภาคอีสาน ขอบคุณคนเสื้อแดงจัดงานวันเกิดให้ทุกปี ลั่นปีหน้าเจอกันที่เมืองไทย มั่นใจเลือกตั้งเพื่อไทยทำได้ - 'จิราพร' มองอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่สูญเปล่า ขยายผลดำเนินคดีต่อ


ที่มาภาพ: เว็บไซต์สยามรัฐ

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2565 เว็บไซต์สยามรัฐ รายงานบรรยากาศภายหลังนายพายัพ ชินวัตร ผู้ดูแล ส.ส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทย (พท.) น้องชายของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาร่วมพบปะและทานอาหารเย็นร่วมกับเครือข่ายคนเสื้อแดง 20 จังหวัดภาคอีสาน พร้อมขับเคลื่อน “ครอบครัวเพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั่วประเทศ” แกนนำได้ประกาศแจ้งให้มวลชนร่วม 400 คน อย่าเพิ่งเดินทางกลับจะมีเซอร์ไพรส์ “อดีตนายกทักษิณ” โฟนอินจากประเทศดูไบมาพูดคุยกับครอบครัว พท. พร้อมร่วมเป่าเค้กและส่งเสียงขับร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์อวยพรวันคล้ายวันเกิดครบรอบอายุ 73 ปี ด้วย


ที่มาภาพ: เว็บไซต์สยามรัฐ

โดยนายพายัพ เป็นผู้กล่าวทักทายพี่ชาย ซึ่งอดีตนายกทักษิณ ได้กล่าวว่า “ ขอให้ความสุขทั้งหลายมีกับทุกท่าน มีสุขภาพ มีกำลังใจการต่อสู้รัฐบาลที่ตะแบงเก่ง ทั้งที่ประชาชนไม่เอาก็ตะแบงอยู่อย่างนี้ น่ากลัวมากประเทศ ผมคิดว่าเลือกตั้งคราวหน้า ประชาชนตัดสินใจลงโทษได้ชัดเจน ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยทำได้ ปีที่แล้วพวกเราก็จัดวันเกิดให้ทุกปี ปีนี้เป็นปีสุดท้ายนะ ปีหน้าเราเจอกันที่เมืองไทยก็แล้วกัน เมื่อกลับไปจะกลับไปเยี่ยมเยือนพี่น้องประชาชนทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ท่ามกลางเสียงดีใจและตบมือของบรรดามวลชน

'จิราพร' มองอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่สูญเปล่า ขยายผลดำเนินคดีต่อ พร้อมเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลเข้มจนกว่าจะเลือกตั้ง

24 ก.ค. 2565 สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น รายงานว่า น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจยังได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งต่อ ว่า ผลการลงมติไม่ไว้วางใจในครั้งนี้สวนทางกับความรู้สึกของประชาชนทั้งประเทศที่ต้องทนต่อการบริหารที่ผิดพลาด ส่อทุจริต ผิดกฎหมาย และไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีตลอดหลายปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยขอขอบคุณประชาชนที่มีส่วนร่วมในการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการอภิปรายหลั่งไหลมาจากภาคประชาสังคมเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา ซึ่งสามารถเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน ควบคุมตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจของรัฐบาล เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน ซึ่งแม้วันนี้รัฐบาลจะรอดจากการลงมติในสภาฯ แต่วิกฤตศรัทธาของรัฐบาลที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่เข้าสู่อำนาจจนกระทั่งถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะทำให้ไม่สามารถฝ่าด่านศรัทธาประชาชนได้เมื่อวันเลือกตั้งมาถึง

ทั้งนี้ น.ส.จิราพร กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ไม่สูญเปล่า จะมีการขยายผลต่อเนื่องหลังจากการอภิปราย โดยเฉพาะการยื่นดำเนินคดีกับพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้อง จากวันนี้พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าใช้ทุกวินาทีของสภาผู้แทนราษฎรที่เหลืออยู่ ในการทำงานเพื่อประชาชนและตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐบาลอย่างเข้มข้นจนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง และเชื่อว่า เมื่อวันนั้นมาถึงรัฐบาลจะไม่สามารถฝ่าด่านการลงมติของประชาชนได้อย่างแน่นอน

นพดล ชี้ไม่เหนือความคาดหมายฝ่ายรัฐบาลผ่านมติไว้วางใจ แต่ประชาชนรอชี้ขาดในวันเลือกตั้ง 

ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว. ต่างประเทศ กล่าวถึงผลโหวตในสภาว่า ไม่เหนือความคาดหมาย เพราะรัฐบาลยังมีเสียงข้างมาก ก็ย่อมมีเสียงโหวตไว้วางใจ แต่ตนมองว่าแม้ผ่านการอภิปรายไปได้ รัฐบาลก็มีเวลาบริหารประเทศอีกประมาณ 8 เดือนถ้าอยู่ครบเทอม และต้องมีการเลือกตั้งทั่วไปไม่เกินมีนาคม 2566 ทุกพรรคการเมืองก็ต้องกลับไปขอการสนับสนุนจากประชาชนอีก ซึ่ง ประชาชนจะยังคงจำได้ว่าพรรคไหนอยู่ฝ่ายรัฐบาล พรรคไหนอยู่ฝ่ายค้าน ถ้าประชาชนมีความสุข ก็อาจเลือกพรรคร่วมรัฐบาลต่อ ถ้าทุกข์หนักก็อาจเลือกพรรคอื่น ดังนั้นทุกคนมีสิทธิกำหนดอนาคตของตนเอง จะยากดีมีจนก็หนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเท่ากัน ตามหลักการ one man one vote และตนคิดว่าประชาชนรอชี้ขาดในวันเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตามทุกฝ่ายต้องทำให้ผลเลือกตั้งครั้งต่อไปมีความหมายและสะท้อนเจตจำนงของคนไทยส่วนใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ตามกฎหมายขณะนี้ แคนดิเดทนายกฯจากพรรคที่ประชาชนเลือกมากที่สุดอาจไม่ได้ถูกโหวตจากสภาฯเนื่องจากมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญกำหนดให้ทั้ง สส.และ สว. มีสิทธิเท่ากันในการโหวตนายกฯ นี่คือความเท่าเทียมแบบเทียมๆใช่หรือไม่ เพราะประชาชนเลือก สส.แต่ไม่ได้เลือก ส.ว. ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย และพลอยทำให้คนตั้งคำถามเรื่องความชอบธรรมในการเข้าสู่อำนาจของนายกฯคนต่อไปด้วย เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ เป็นเรื่องหลักการประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องความชอบหรือไม่ชอบตัวบุคคลหรือประโยชน์ของพรรคการเมืองหนึ่งการเมืองใด แต่เป็นเรื่องการเคารพสิทธิและเสียงของประชาชน กติกาที่เป็นธรรม ทำให้การเข้าสู่อำนาจของผู้นำในอนาคตสง่างาม "ใครที่ต้องการเป็นนายกฯต้องพร้อมให้ประชาชนพิจารณาความรู้ความสามารถ และยอมรับในกติกาที่เป็นธรรมและเท่าเทียม ถ้าเป็นเช่นนั้น เงื่อนไขความขัดแย้งจะลดลง เกียรติภูมิของประเทศจะเพิ่มขึ้น บ้านเมืองจะเดินหน้าเร็วขึ้น พรรคเพื่อไทยพร้อมผลักดันการแก้มาตรา 272 ร่วมกันในสภาต่อไป"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท