'เพื่อไทย' เตือนเครือข่ายฝาก ส.ต.ท.หญิง เข้าข่ายผิด ม. 157 เตรียมส่งข้อมูล กมธ.ป.ป.ช. เรียกสอบต่อ

'เพื่อไทย' เตือนเครือข่ายฝาก ส.ต.ท.หญิง เข้าข่ายผิด ม. 157 เตรียมส่งข้อมูล กมธ.ป.ป.ช. เรียกสอบต่อ ชี้ชายแดนใต้มี จนท. กว่า 50,000 คน หากมีกรณีเครือข่ายฝาก ส.ต.ท.หญิง เพียงแค่ 1% หรือ 500 คน ก็ถือจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่สร้างความเสียหายให้กับงบประมาณแผ่นดิน

28 ส.ค. 2565 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทย แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่านายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าหลังจากที่ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา (รักษาการ) นายกรัฐมนตรี กรณีการเข้าเป็นตำรวจของ ส.ต.ท.หญิง และการกระทำที่อาจเป็นการเข้าข่ายค้ามนุษย์เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2565 และแม้ พล.อ. ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาชี้แจงในสภา แทนรักษาการนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ข้อมูลทั้งหมดล้วนไร้จุดหมายปลายทาง ที่จะได้มาซึ่งข้อเท็จจริงโดยเร็ว ซึ่งการตอบคำถามของ พล.อ.ชัยชาญ อาจเกิดจากการที่ท่านไม่ทราบ หรือไม่อยากตอบ ก็เป็นได้ แต่ความเห็นส่วนตัวมองว่าพล.อ.ชัยชาญหลักเลี่ยงที่จะตอบคำถามมากกว่า และแม้มีการตั้งกรรมการเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยให้ยึดถือสำนวนการสอบสวนเดิมเป็นหลัก อาจทำให้สังคมมองว่าเป็น “ตัดตอน” ผลักภาระให้หน่วยงานอื่น ทั้งที่ความผิดในบางประเด็น มีหลักฐานชัดแจ้งเป็นที่ประจักษ์และเต็มไปด้วยข้อสงสัย เช่น

1. กระบวนการรับบุคคลเข้ารับราชการตำรวจทำอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ เป็นไปด้วยเส้นสนกลในหรือไม่

2. ส.ต.ท.หญิง ชื่อไปปฏิบัติงานที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งมีสิทธิประโยชน์ช่วยเหลือจากการปฏิบัติมากมาย เช่น เบี้ยเลี้ยง เบี้ยเสี่ยงภัยและอายุราชการที่ทวีคูณ เท่าที่ทราบข้อมูลในเบื้องต้น มีการสร้างขบวนการขึ้นมาเพื่อสร้างการเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานให้ ส.ต.ท.หญิง

นอกจากกระบวนการสอบสวนที่ยังต้องหาคำตอบอีกมากมาย การกระทำของผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการฝากฝังให้ ส.ต.ท.หญิงได้รับการบรรจุเข้าเป็นข้าราชการตำรวจและมีชื่อช่วยงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เรื่องนี้คนที่เป็นผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาค 4 ผู้อำนวยการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ไม่ใช่เพียงการย้าย ส.ต.ท.หญิงคนดังกล่าวกลับต้นสังกัดแล้วเรื่องก็จบไปเท่านั้น แต่ผู้บังคับบัญชา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการแต่งตั้งโยกย้าย ส.ต.ท.หญิงคนดังกล่าวโดยมิชอบ อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน 2 ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”

นอกจากนี้ ตนยังได้ข้อมูลมาว่า ในหน่วยงาน กอ.รมน.ภาค 4 มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานช่วยงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่า 50,000 คน หากมีกรณี ส.ต.ท.หญิง เพียงแค่ 1% หรือ 500 คน ในหน่วยงานราชการก็ถือเป็นการกระทำที่จงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่สร้างความเสียหายให้กับงบประมาณแผ่นดิน เพราะนั่นคือภาษีประชาชนที่ต้องจ่ายเป็นเงินเดือนและค่าตอบแทนมหาศาล

ทั้งนี้ ตนจะรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง หลักฐานในเบื้องต้นร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) เพื่อเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลชี้แจงโดยเร็วที่สุด

“บุคคลที่เป็นเจ้าพนักงาน มีฐานะนอกเหนือไปจากประชาชน เพราะมีอํานาจหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ มีสถานะเป็นผู้รักษากฎ และห้ามไม่ให้ผู้อื่นทำผิดกฎ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่รัฐทำผิดเสียเอง และยิ่งปรากฎมีหลายกรณีมากขึ้นๆ หากรวบรวมดูแล้วพบว่า ในรัฐบาลนี้ เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเป็นผู้คุมกฎ แต่ทำผิดกฎโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายมากมายหลายกรณี จนทำให้วิกฤตศรัทธารัฐบาลอยู่ในขั้นติดลบ อย่างนี้ผู้นำไม่ว่าจะเป็นใครที่มาจากรัฐบาลนี้คงไม่สามารถปกครองประเทศได้ เพราะคนทำผิดกฎหมายเต็มบ้าน เต็มเมือง เต็มสภา” นายประเดิมชัย กล่าว

พอทีรัฐบาลฉาว นายก-รัฐมนตรีถูกศาลสั่งพักงาน โยงคดีส.ต.ท.หญิง หยุดรัฐบาลเตึ้ยอุ้มค่อม รีบลาออกเลือกนายกใหม่

นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเด็นการดำรงตำแหร่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคเพื่อไทยขอขอบคุณเสียงส่วนใหญ่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นไปตามคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ยื่นข้อเท็จจริง

ในระหว่างที่รอกระบวนการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชี้ชะตาชีวิตคนไทยทั้งประเทศ พรรคเพื่อไทยขอเรียนต่อพี่น้องต่อสื่อมวลชนและประชาชนว่า บัดนี้ผู้นำรัฐบาลเปลี่ยนมือจาก “น้องเล็ก” มาเป็น “พี่ใหญ่” ที่ดูเหมือนจะไม่เคยรู้อะไรเลย จะบริหารประเทศอย่างไร จะแก้ปัญหาที่หมักหมมมาตลอด 8 ปีได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าห่วงกังวลและสิ้นหวังอย่างยิ่ง

ทั้งพี่ใหญ่ น้องกลางและน้องเล็กกอดคอร่วมหัวจมท้ายกันมานานกว่า 8 ปี พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ครม.หรือรัฐบาลขณะนี้เปรียบได้กับ “เป็ดง่อย” พิกลพิการ ทำอะไรไม่ได้ องค์ประกอบของครม.ก็ขาดวิ่น มีรูโหว่เต็มไปหมดไม่ต่างจากกระชังก้นรั่ว ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ปล่อยให้รัฐมนตรีช่วยว่างอยู่ 2 ตำแหน่งมาเกือบ 1 ปีเต็ม

1. เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 ปลดร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจาก รมช.เกษตรและสหกรณ์

2. ปลดนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจาก รมช.แรงงาน แล้วก็ปล่อยตำแหน่งรัฐมนตรีให้ว่างมาเกือบปี ปล่อยให้การบริหารราชการแผ่นดินขาดตกบกพร่อง

3. ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2565 ศาลฎีกามีคำสั่งให้นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ รมช.ศึกษาธิการอีก

4. วันที่ 14 กันยายน 2565 มีกรณีที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย จะถูกศาลรธน.วินิจฉัยให้พ้นจาก รมต.หรือไม่ เพราะถูกร้องว่า เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา เพราะเกี่ยวพันกับการฮั้วประมูล

ปัจจุบันเท่ากับว่าตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยของรัฐบาลเป็ดง่อยสภาพ “เตี้ยอุ้มค่อม” ว่างอยู่ 3 ตำแหน่งสำคัญ และรอการพิจารณาว่าจะขาดไปอีก 1 ตำแหน่ง ทั้ง ครม. ที่คัดเลือกมาจากฝีมือของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่างคนต่างอยู่ ขาดเอกภาพ ไร้ประสิทธิภาพ

ประเทศจึงเดินมาถึงจุดที่ไร้เสถียรภาพขั้นสูงสุด ผู้คุมกฎหมายกลายเป็นผู้ประทำผิดเอง จนกลายเป็นบ่อเกิดของระบบอุปถัมภ์ที่เฟื่องฟู การฝากฝังใช้เส้นสายกลายเป็นเครื่องหมายแสดงอำนาจ จนเกิดกรณี ส.ต.ท.หญิง ที่กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวในแวดวงสีกากี ลามไปถึงวงการลายพรางในวันนี้

“ความเป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีแม้สักวินาทีเดียว เพราะประชาชนไม่ได้เลือกท่านมา แต่สถานการณ์พาไป มาถึงเวลานี้แล้วทางออกประเทศ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับในกฎหมายที่ตนเองแต่งตั้งผู้ร่างกฎหมายขึ้นมาเอง ซึ่งสุดท้ายกฎหมายกลับมาบีบคั้นตัว พล.อ.ประยุทธ์เสียเอง ทางรอดของประเทศอยู่ที่ทางเลือกทางลงของพล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกให้ตัวเองรอด หรือจะเลือกให้ประเทศและประชาชนรอดเท่านั้น”

'อนุสรณ์' แนะ 'ประยุทธ์' ลาออก หยุดดิ้น เกรงประเทศจะเสียหาย

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี

แต่กระแสกดดันให้นายกฯลาออกจากตำแหน่งยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ว่า สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ ควรทำมากกว่าการ ดื้อรั้น ลับลวงพราง แอบดอดเข้าไปนั่งในกระทรวงกลาโหมจนสูญเสียความสง่างาม คือการปล่อยวาง ตั้งสติ ตั้งใจศึกษาหลักธรรม อริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ให้เข้าใจถ่องแท้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องหยุดคิดเข้าข้างตัวเองว่า ประเทศไปต่อไม่ได้ถ้าขาดพล.อ.ประยุทธ์ ความจริงคือประเทศไปได้และไปได้ดีกว่า ขนาดถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่คนไทยยังดีใจขนาดนี้

ถ้าถูกสั่งให้พ้นจากการเป็นนายกฯ คนไทยจะออกมาฉลองกันขนาดไหน ถ้าถึงขั้นแอบดอดไปเข้าประชุมครม.ในขณะถูกสั่งให้หยุดจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหายขนาดไหน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี แม้จะอยากรักษาการเพื่อหวังเป็นตัวจริงในอนาคต แต่เชื่อว่าไปต่อลำบาก แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะให้โอกาส พล.อ.ประยุทธ์ สามารถทำคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันเพื่อแก้ข้อกล่าวหา แต่พล.อ.ประยุทธ์จะเอาอะไรไปชี้แจง และจะชี้แจงเพื่ออะไร ในเมื่อใครก็รู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 57 จนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 65 เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ที่รัฐธรรมนูญเขียนห้ามไว้

การตีความวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯของพล.อ.ประยุทธ์ หลักๆอยู่ที่รัฐธรรมนูญ 2 มาตรา คือ มาตรา 158 วรรคสี่ ได้วางหลักเกณฑ์ห้ามไม่ให้นายกฯ ดำรงตำแหน่งเกิน8ปี ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ มาตรา 264 ให้คณะรัฐมนตรีก่อนรัฐธรรมนูญประกาศใช้ดำรงตำแหน่งต่อไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ พล.อ.ประยุทธ์

ซึ่งเริ่มดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาก่อนรัฐธรรมนูญนี้ประกาศใช้ จึงเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ดังนั้น จึงเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 วรรคสี่ ซึ่งบัญญัติว่านายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน

แค่พล.อ.ประยุทธ์ พูดคำว่าผมพอแล้ว ขอลาออก เปิดทางให้สภาได้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในบัญชีเข้ามาทำหน้าที่และเมื่อกฎหมายเลือกตั้งพร้อมก็ประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งใหม่

“พล.อ.ประยุทธ์ บอบช้ำหนักขนาดนี้ ถ้าเป็นนักมวยก็สภาพเละเทะ โดนไปหลายนับ จนกรรมการสั่งหยุด ไม่ใช่แค่พักยก แต่ต้องพักยาว โอกาสกลับมาริบหรี่ 8 ปีนานมากแล้ว พอได้แล้ว อย่ารั้น อย่าดิ้นรนให้ประเทศเสียหายอีกเลย”

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท