Skip to main content
sharethis

2 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.พิษณุโลก และ จ.ลำปาง จัดกิจกรรมเดิน - วิ่งประชดรัฐ กรณีถนนเข้าชุมชนสุดพัง เป็นหลุมบ่อ-โคลนเลน หน้าฝนบางทีแม้แต่โฟวีลยังต้องใช้รถไถช่วยลากเพราะติดหล่ม เผยมีผู้ป่วยเสียชีวิตระหว่างทางไปโรงพยาบาลทุกปี ชี้กฎหมายอุทยาน - ป่าไม้ทำชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนลำบาก สูญเสียโอกาสสารพัด

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2565 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่าศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดพิษณุโลก เขต 5 กล่าวว่า ได้มีการจัดกิจกรรม "เดินขึ้นภูขัด ขจัดปัญหาที่ดิน" โดยได้ร่วมกับทีมงาน เพื่อเดินดูสภาพของถนนที่ขึ้นมาที่บ้านน้ำแจ้งพัฒนา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าบ้านภูขัด ต.นาบัว อ.นครไทย ซึ่งประชาชนอาศัยอยู่กว่า 800 หลังคาเรือน โดยถนนเส้นนี้ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร สร้าง 30 กว่าปีแล้วไม่เคยซ่อม บางช่วงที่เป็นลาดยางก็ชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อ บางช่วงที่เป็นดินแดงลูกรังช่วงนี้ฝนตกหนักก็กลายเป็นโคลน ที่ขนาดบางครั้งแม้แต่รถกระบะโฟวีลยังติดหล่มต้องใช้รถไถมาช่วยลาก ซึ่งถนนเส้นนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แม้จะมีการร้องขอเรื่องก่อสร้างให้ดี แต่ทั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หรือแม้แต่กรมทางหลวงชนบท ก็ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เพราะติดปัญหากฎหมายของกรมป่าไม้ ทั้งๆ ที่ชุมชนที่อยู่ข้างบนนี้ รัฐไทยยอมรับว่ามีคนอยู่ มีการประกาศเป็นเขตหมู่บ้านแล้ว มีทั้งโรงเรียน มีทั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) แต่ทว่าปัญหาเรื่องถนนก็ทำให้การพัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆ ไม่อาจเข้ามาในพื้นที่ได้ ซึ่งปัจจุบันหมู่บ้านนี้ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้โซลาร์เซลล์บ้านใครบ้านมัน

"การที่ประชาชนไม่มีถนนที่ดี ทำให้เกิดต้นทุนที่ค่อนข้างสูงกว่าคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น 1.ค่าใช้จ่าย คนในหมู่บ้านไม่มีทางเลือกอื่นต้องใช้รถกระบะโฟวีลสถานเดียวในการเดินทาง ซึ่งราคาแพงกว่ารถทั่วไป 2.เวลา ซึ่งการขนส่งสินค้าทางการเกษตรเพื่อมาจำหน่ายข้างล่างใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน บางครั้งก็เสียโอกาสในการขายสินค้า 3.การสาธารณสุข ซึ่งที่ผ่านมามีคนเสียชีวิตระหว่างทางก่อนไปถึงโรงพยาบาลทุกปี มีเด็กที่คลอดระหว่างทางก่อนถึงมือหมอทุกปี ขนาดที่แซวกันว่าถ้าผู้ใหญ่บ้านคนไหนไม่เคยทำคลอดแสดงว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านไม่ถึงปี 4.การศึกษา ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงความรู้ ข้อมูลข่าวสาร สัญญาณโทรศัพท์ก็มีเพียงจุดเดียวเท่านั้นซึ่งก็ไม่ค่อยชัดด้วย และ 5.เศรษฐกิจและสังคม ที่ปัจจุบันด้วยความที่พื้นที่ไม่ได้รับการพัฒนา ยิ่งเมื่อมาเจอสภาพสินค้าราคาเกษตรตกต่ำในยุคนี้ ก็ทำให้คนในหมู่บ้าน เมื่อโตขึ้นก็ต้องออกไปขายแรงงานในเมือง เพราะในหมู่บ้านไม่มีงานรองรับ" ศุภปกรณ์กล่าว

ศุภปกรณ์ กล่าวด้วยว่า ปัญหาลักษณะเดียวกันนี้ไม่ใช่มีแค่ที่บ้านภูขัด ยังมีอีกหลายที่เช่น บ้านห้วยทรายเหนือ ต.ห้วยเหี้ยะ อ.นครไทย ถึงขั้นว่าประชาชนไม่ยอมไปเลือกตั้ง อบจ.เกือบทั้งหมู่บ้าน มีเพียงคนเดียวที่ไปคือตำรวจซึ่งเป็นคนเฝ้าหน่วยเลือกตั้ง นั่นเพราะต้องการประท้วงว่า เลือกไปนายก อบจ.ก็ไม่มาต่อสู้เรื่องถนนเพียงแค่ระยะทาง 5 กิโลเมตรให้ ทั้งนี้ แนวนโยบายเรื่องที่ดินของพวกเรา คือต้องการให้มีการพิสูจน์สิทธิ์ให้ประชาขนในเรื่องที่ดินทำกิน ที่ดินชุมชนอยู่อาศัย และมีการออกเอกสารแบบใดแบบหนึ่งให้ทุกคนรู้สึกมีความมั่นคง นอกจากนี้ยังจะช่วย 1.ลดการพิพาทระหว่างเอกชนกับเอกชนด้วยกันที่มีการยกย้ายเขตแดนกันไปมาแล้วแต่ใจตัวเอง และ 2.ลดข้อพิพาทระหว่างเอกชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะการไม่มีเอกสารก็ทำให้เจ้าหน้าที่เหมือนหลับตาข้างหนึ่งปล่อยๆ ไป แต่พอมีความขัดแย้งกัน ก็ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งกันได้ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วที่ผู้ใหญ่บ้างทะเลาะกับลูกบ้านแล้วไปแจ้งกรมป่าไม้มาจัดการเรื่องที่ดินทำกินว่ารุกป่า

กิจกรรม "เดินขึ้นภูขัด ขจัดปัญหาที่ดิน" นอกจากจะเป็นการเดินบนถนนที่อยู่ในสภาพผุพัง ย่ำแย่ เป็นหลุมบ่อ สลับดินโคลนแล้ว เมื่อมาถึงหมู่บ้านภูขัด ได้มีการจัดกิจกรรมสะท้อนปัญหาในพื้นที่ โดยมีประชาชนในชุมชนร่วมพูดคุยกว่า 30 คน ซึ่งส่วนใหญ่พูดตรงกันว่า กฎหมายของกรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯ ทำให้พวกเขาประสบความยากลำบากในชีวิตเป็นอย่างมาก

ด้าน กฤตภพ สติดีนิติวงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดลำปาง เขต 2 กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นชื่อ "วิ่งเปลี่ยนงาว" เป็นการวิ่งร่วมกับประชาชนระยะทาง 8 กิโลเมตร บนถนนลูกรังผสมดินโคลน เพื่อไปที่หมู่บ้านขวัญคีรีนอก ต.บ้านร้อง อ.งาว ซึ่งได้รับร้องเรียนเรื่องถนนเข้าหมู่บ้านนี้จากผู้นำชุมชน และก็มีการร้องขอความช่วยเหลือทั้ง อบต.บ้านร้อง และ อบจ.ลำปาง ไปแล้ว แต่ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาแก้ปัญหาให้ได้ เนื่องจากถนนที่เข้าสู่หมู่บ้านนั้นอาจจะติดปัญหาเรื่องว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ขณะที่หมู่บ้านด้านบนซึ่งมีอยู่ 2 หมู่บ้านคือขวัญคีรีนอก และขวัญคีรีใน ที่ลึกเข้าไปอีกราว 10 กิโลเมตร นั้น ประชาชนอยู่กันมากว่า 100 ปี แต่วันหนึ่งก็ถูกประกาศว่ากำลังจะถูกประกาศเป็นเขตอุทยาน ซึ่งการติดปัญหากฎหมายของกรมป่าไม้ และกรมอุทยาแห่งชาติฯ แบบนี้ก็ทำให้การพัฒนาพื้นที่ไม่สามารถทำได้ ยกตัวอย่างถนนเข้าหมู่บ้านที่มีลักษณะดังกล่าว ไม่ได้มีที่นี่ที่เดียว แต่ยังมีอีกเป็น 10 หมู่บ้าน และตนเองก็ตั้งใจจะจัดกิจกรรมลักษณะเดียวกันนี้ให้ครบทุกหมู่บ้าน เพื่อสอบถามปัญหาและความคืบหน้าในการทำงานไปยังหน่วยงานต่างๆ จะได้รับทราบว่าติดปัญหาตรงไหน อย่างไรบ้าง ที่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เป็นเสียงสะท้อนแรกที่อยากให้รัฐไทยหันมาให้ความใส่ใจกับปัญหาเรื่องที่ดินและความเดือดร้อนของประชาชน

"ผมตั้งใจที่จะจัดกิจกรรมนี้ เพื่อสะท้อนปัญหาให้สังคมได้เห็นว่า ประเทศไทยยังมีความเหลื่อมล้ำที่เกี่ยวกับโครงสร้างกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมอยู่ ซึ่งต้องแก้ไข ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.ป่าไม้ หรือไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ซึ่งถ้าผมมีโอกาสจะเข้าไปทำเรื่องนี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะ พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ ปี 2562 ที่มีการพิสูจน์สิทธิ์ประชาชนก่อนจะมีการกันเรื่องเขตแดนพื้นที่ ตามมาตรา 64 ซึ่งเป็นปัญหาอย่างมาก เพราะในพื้นที่นี้มีแต่การพิสูจน์แบบรายแปลง สิทธิ์ใครสิทธิ์มันของแต่ละเอกชน แต่ไม่มีการพิสูจน์แบบแปลงรวมที่ครอบคลุมพื้นที่สาธารณะประโยชน์ด้วย เมื่อเป็นอย่างนี้ทำให้ถนนหรือพื้นที่สาธารณะที่ไม่มีใครเสนอพิสูจน์ตกสำรวจ หลังหมดระยะเวลาพิสูจน์ภายใน 240 วันแล้วก็กลายเป็นเขตอุทยาน ไม่สามารถแผ้วถางทำอะไรได้ ทั้งๆ ที่ถ้ามีการพิสูจน์แบบแปลงรวม นายก อบต.ก็สามารถที่จะทำหนังสือขอหัวหน้าอุทยานเพื่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานในพื้นที่ได้ เรื่องนี้ผมคิดว่าต้องแก้ไขให้มีการพิสูจน์สิทธิ์พื้นที่ใหม่ โดยเฉพาะในรูปแบบแปลงรวม" กฤตภพ กล่าว

กฤตภพ กล่าวด้วยว่า อีกเรื่องที่อยากผลักดัน คือกฎกระทรวงเกี่ยวกับระยะเวลาในการให้อนุญาต เพราะตอนนี้ไม่มีระยะเวลาชัดเจน ทำให้บางครั้ง อบต. ยื่นเรื่องขอไป แต่กว่าจะมีการอนุญาตก็ข้ามปี ทำให้งบประมาณที่ตั้งไว้ต้องกลายเป็นเงินสะสมไป ต้องตั้งของบฯ กันใหม่ปีต่อไป ดังนั้น ควรแก้กฎกระทรวงเรื่องกำหนดระยะเวลาให้ชัดเช่น ภายใน 30 วัน 60 วัน หรือ 90 วัน และสุดท้ายปีนั้นท้องถิ่นก็ไม่ได้ใช้งบประมาณ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net